นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 967 อำนาจทหาร ไม่สู้ก็เหมือนสู้
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 967 อำนาจทหาร ไม่สู้ก็เหมือนสู้
เหตุการณ์ไม่คาดฝัน?
เสด็จอาเก้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด แม้จะเคยร่วมมือกับฮองเฮาแห่งซีหลิงมาก่อน ฮองเฮาแห่งซีหลิงทำทุกอย่างได้ดีและรอบคอบ ทุกอย่างก็เพื่อซีหลิงเทียนอวี่ แต่เมื่อได้ยินข้อสงสัยของซีหลิงเทียนอวี่ เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี
เห็นใบหน้าที่ไม่เข้าใจของจั่วอั้น เสด็จอาเก้าอธิบายออกมา “ซีหลิงเทียนอวี่เคยสงสัยว่า ขาทั้งสองข้างของเขา คนที่ทำลายมันก็คือเสด็จแม่ของเขา เนื่องจากคนที่สามารถตัดขาทั้งสองข้างของเขาได้ก็มีแค่จักรพรรดิและฮองเฮา”
แน่นอนว่าในปีนั้นไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนสืบหาหรือค้นพบเบาะแส มันเป็นเพียงการคาดเดาตามสถานการณ์ของพวกเขาเท่านั้น
เสด็จอาเก้ามองมายังพวกของจั่วอั้นที่เริ่มเข้าใจ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวต่อไปว่า “ข้ากับเทียนอวี่มีความเห็นตรงกัน ผู้ลงมือไม่มีทางเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงไม่ชอบซีหลิงเทียนอวี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ทำร้ายซีหลิงเทียนอวี่ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น จักรพรรดิสั่งให้คนไปตรวจสอบ แม้จะไม่พบเบาะแส แต่มันก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของจักรพรรดิ”
“หากไม่ใช่จักรพรรดิ เช่นนั้นก็ต้องเป็นฮองเฮา แต่พวกเจ้าน่าจะยังหาเบาะแสไม่พบ” จั่วอั้นพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เขาสามารถรับกับเรื่องที่พ่อแม่ทำร้ายลูกได้มากกว่าซีหลิงเทียนอวี่และเสด็จอาเก้า เนื่องจากตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนพวกนั้น
เสด็จอาเก้าพยักหน้า “เวลานั้นเรื่องราวทั้งหมดทุกเก็บกวาดอย่างไร้ร่องรอย ไม่พบหลักเบาะแสแต่อย่างใด แม้จะสงสัยในตัวฮองเฮาแต่ก็ไม่กล้ามั่นใจ เนื่องจากนางเป็นมารดาของซีหลิงเทียนอวี่ แม่เสือไม่กินลูกเสือ นางจะทำลายอนาคตของซีหลิงเทียนอวี่ไปเพื่อสิ่งใด
อีกอย่าง ในฐานะของฮองเฮา ต่อให้นางไม่ชอบซีหลิงเทียนอวี่ก็ไม่น่าจะทำเช่นนี้ นางควรเข้าใจว่าองค์ชายผู้สง่างามและมากด้วยบารมีนั้นสำคัญกับตระกูลของนางมากเพียงใด ดังนั้นแม้ว่าจะสงสัยในตัวนางก็ไม่กล้าจะมั่นใจ เวลานี้พวกเรายังหาเหตุผลที่ฮองเฮาลงมือไม่พบ กล่าวออกมาเช่นนี้ หวังว่าพวกเจ้าคงจะเข้าใจ”
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ที่แท้เมื่อถึงซีหลิง เสด็จแม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมของซีหลิงเทียนอวี่ก็คือศัตรูตัวฉกาจของซีหลิงเทียนอวี่
พวกเขาคำนวณผิดพลาด ครั้งนี้ ซีหลิงเทียนอวี่กลับมายังซีหลิงอย่างลับ ๆ แต่กลับถูกเสด็จพ่อของเขาละทิ้ง คาดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะอยู่ในการคำนวณของฮองเฮาแห่งซีหลิงเช่นกัน
“คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าผู้สง่างามจะถูกผู้หญิงเพียงคนเดียวปั่นหัว” จั่วอั้นไม่ได้อยากเย้ยหยันเสด็จอาเก้า แต่เขาทนไม่ได้จริง ๆ เมื่อสักครู่ใครใช้ให้เสด็จอาเก้าทำตัวไม่น่าพอใจ
“ข้าไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิง แต่ข้าพ่ายแพ้ให้กับความรักที่บ้าคลั่งของนาง ข้าคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาแห่งซีหลิงจะหลงรักผู้อาวุโสหยินหลี่ถึงเพียงนี้ เพื่อผู้อาวุโสหยินหลี่ นางถึงกับยอมเสียสละลูกชายของตนเอง”
ไม่มีคนธรรมดาผู้ใดที่สามารถเข้าใจคนบ้า เสด็จอาเก้าคิดว่าตนเองเป็นคนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าใจกับการกระทำอันบ้าคลั่งและเลวร้ายของฮองเฮาแห่งซีหลิง
ฮึ……จั่วอั้นเย้ยหยัน แต่คนฉลาดไม่มีทางตอบโต้
“ข้าได้บอกทุกเรื่องที่ข้ารู้ให้กับเจ้าแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว” เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องไร้สาระ หรือต่อสู้อย่างไม่สมเหตุสมผล
“เรื่องที่ข้าต้องทำ แน่นอนว่าข้าจะทำมันอย่างแน่นอน แต่มีบางอย่างที่ข้าจะต้องบอกกับเจ้าเอาไว้ ข้าสามารถรับประกันได้ว่าไม่มีใครทำร้ายเด็กคนนั้น แต่ไม่สามารถรับปากได้ว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ทำร้ายเด็กคนนั้น”
ในเมื่อจั่วอั้นสามารถตามหาจนพบ เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่เองก็สามารถรับรู้ได้ว่าพ่อของเด็กคือหยินหลี่ ไม่แน่ว่าภายใต้ความโกรธขององค์หญิงใหญ่ นางอาจจะทำร้ายเด็กก็เป็นได้
เรื่องนี้……จั่วอั้นถึงกับปาดเหงื่อ ความกังวลของเสด็จอาเก้านั้นไม่ได้เกินความเป็นจริง องค์หญิงผู้นั้นรังเกียจและดูถูกผู้อาวุโสหยินหลี่เป็นอย่างมาก หากรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของผู้อาวุโสหยินหลี่ นางไม่มีทางปล่อยไว้เป็นแน่ และหากคนรักเด็กพวกนั้นรู้เข้า พวกเขาก็ไม่มีทางช่วยให้องค์หญิงใหญ่ได้ครอบครองบัลลังก์
“ข้าเข้าใจแล้ว หากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ข้าจะไม่โทษเจ้า” จั่วอั้นกล่าวอย่างหดหู่ เหตุใดเขาจึงมีแม่ผู้ให้กำเนิดที่หลงใหลในอำนาจมากกว่าผู้ชายเสียอีก
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่ว่าอะไรเจ้า แต่หากครั้งหน้า เจ้ามีเรื่องอันใดที่ต้องออกมาจัดการด้วยตนเอง จำไว้ว่าต้องแจ้งให้ข้าทราบสักเล็กน้อย สองวันหลังจากนี้ข้ากับเฟิ่งชิงเฉินจะเดินทางไปยังซานตง เจ้าจำไว้ว่าจะตามติดตามพวกข้าไป” เสด็จอาเก้าพอใจกับการแสดงออกของจั่วอั้นเป็นอย่างมาก จึงออกคำสั่งไปอย่างไม่เกรงใจ
จั่วอั้นไม่มีท่าทีไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย เขาตอบรับในทันใด แต่เมื่อเสด็จอาเก้าจากไปแล้ว จั่วอั้นถึงได้สติกลับคืนมา พบกว่าตนเองตกเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเสด็จอาเก้า และเขาก็ไม่ได้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“หน้าเนื้อใจเสืออย่างที่คิด!” จั่วอั้นไม่มีทางยอมรับว่าเขาเป็นคนชอบความรุนแรง แต่เป็นเพราะเสด็จอาเก้านั้นโหดร้ายเกินไป จนทำให้เขาติดกับ
เสด็จอาเก้าได้ข้อมูลจากจั่วอั้นมามากมาย จากการลองวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดถึงเรื่องราวของซีหลิง เสด็จอาเก้าจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปยังห้องลับของจวนซู
“เหวินชิง รีบส่งข่าวไปยังซีหลิงให้เร็วที่สุด บอกเทียนอวี่ว่าอย่าอยู่ซีหลิง ให้กลับมาตงหลิงโดยเร็วที่สุด” ยิ่งซีหลิงเทียนอวี่อยู่ในซีหลิงนานเท่าไหร่ จักรพรรดิแห่งซีหลิงก็ยิ่งสงสัยเขามากขึ้นเท่านั้น
“เรื่องราวของซีหลิงเป็นเช่นนี้จริงงั้นหรือ? เหตุใดราชวงศ์ซีหลิงจึงเห็นด้วยกับการแต่งตั้งลูกขององค์หญิงใหญ่ให้กลายเป็นองค์รัชทายาท” ซูเหวินชิงไม่เข้าใจความคิดของจักรพรรดิแห่งซีหลิง
ลูกขององค์หญิงใหญ่ยังไม่ทันเกิดมาเลยด้วยซ้ำ
“ซีหลิงเทียนเหล่ยพิการ ขาทั้งสองข้างของเทียนอวี่อนาถยิ่งกว่า แม้ว่าเวลานี้ขาของเขาจะใช้งานได้ตามปกติ แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงพิการอยู่ดี ภายใต้สถานการณ์ที่จักรพรรดิไร้ซึ่งผู้สืบทอด ให้ลูกชายขององค์หญิงใหญ่เป็นผู้สืบทอดก็ไม่มีอะไรเสียหาย อย่างไรลูกชายขององค์หญิงใหญ่ก็มีสายเลือดของราชวงศ์ เมื่อถึงเวลา จักรพรรดิแค่รับเลี้ยงเด็กคนนั้นมาเป็นหลานบุญธรรมไว้ทุกอย่างก็หมดปัญหา” เขาก็เป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์ไม่ใช่หรือ เขาทำได้ แน่นอนว่าลูกชายขององค์หญิงใหญ่ก็สามารถทำได้
“หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงต้องการรับเลี้ยงหลานบุญธรรม เขาก็สามารถรับเลี้ยงเหล่าราชนิกุลได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกชายขององค์หญิงใหญ่”
“ราชนิกุลนั้นอายุมากแล้ว คิดว่าจักรพรรดิแห่งซีหลิงคนไม่มีความสุข เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา จักรพรรดิแห่งซีหลิงต้องการให้ลูกชายขององค์หญิงใหญ่ขึ้นเป็นผู้สืบทอด มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายถึงเพียงนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเด็กคนนั้นสามารถเกิดมาได้หรือไม่ แค่พูดถึงปัญหาทางฝั่งของราชนิกุลจะยินยอมหรือไม่ก็เป็นปัญหามากพอแล้ว” สายเลือดของจักรพรรดิมีความสำคัญอย่างไร เขาเป็นกรณีพิเศษ
ซูเหวินชิงเข้าใจจุดนี้ดี เขาเคยเห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าเหล่าขุนนางใหญ่และราชวงศ์ปฏิบัติอย่างไรกับหลานจิ่วชิง ทั้งหมดเป็นเพียงเพราะว่าหลานจิ่วชิงเป็นลูกขององค์หญิง ไม่ใช่ลูกของจักรพรรดิ
เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาต่อว่า “เรื่องในซีหลิงจะสิ้นสุดลงในอีกไม่นาน ส่วนเรื่องที่ลูกชายขององค์หญิงใหญ่จะสามารถสืบทอดตำแหน่งได้หรือไม่ อย่าให้เทียนอวี่เข้าไปยุ่งเป็นอันขาด อย่างไรเขาก็เป็นผู้ซึ่งถูกจักรพรรดิทอดทิ้ง อย่าทำเรื่องให้จักรพรรดิแห่งซีหลิงไม่พอใจไปมากกว่านี้ ปล่อยให้จักรพรรดิแห่งซีหลิงต่อสู้กับเหล่าราชนิกุลและเหล่าเสนาบดีด้วยตนเอง”
เสด็จอาเก้าไม่ได้เล่าเรื่องระหว่างเขากับจั่วอั้นให้ซูเหวินชิงฟัง แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้คิดจะบอกมันกับซีหลิงเทียนอวี่ ซีหลิงเทียนอวี่สามารถอดทนกับการมีอยู่ของจั่วอั้นได้ แต่ไม่มีทางยอมให้ลูกขององค์หญิงใหญ่เกิดมาเป็นอันขาด ถอนพืชไม่ถอนราก คนพวกนี้มีอยู่น้อยมาก และเขาก็ไม่อยากให้ใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนั้นมากนัก
“ข้าจะรีบไปแจ้งองค์ชายอวี่โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะให้เขาเตรียมรับมือได้ทัน เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ไม่สนว่าขาทั้งสองข้างจะสามารถเดินเป็นปกติได้หรือไม่ เขาต้องแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์”
“จักรพรรดิแห่งซีหลิงยังเด็ก แม้ว่าเวลานี้เขาจะไม่ต่อสู้ก็เหมือนกำลังต่อสู้อยู่” แทนที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ คงจะดีกว่าถ้าแอบสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ที่องค์หญิงใหญ่สามารถควบคุมอำนาจในพระราชวังซีหลิงได้มาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะผู้มีพระคุณและคนรักของนาง แต่เป็นอำนาจและกำลังทหารที่อยู่ในมือ
ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด อำนาจทหารคือแนวทางของกษัตริย์ มีอำนาจทางทหารก็มีอำนาจในการต่อรอง เสด็จอาเก้าหวังว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจะแอบรวบรวมอำนาจและกำลังพลขณะที่จักรพรรดิกำลังต่อสู้กับเหล่าขุนนาง