นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 973 ไม่เชื่อ,คนไข้ถูกชิงตัวไปแล้ว
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 973 ไม่เชื่อ,คนไข้ถูกชิงตัวไปแล้ว
โรคหัวใจขององค์รัชทายาทกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว!
ระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนแต่กลับกำเริบออกมาถึงสองครั้ง นี่สำหรับพวกเขาแล้วเป็นข่าวร้ายอย่างเห็นได้ชัด และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายขององค์รัชทายาทนั้นทนไม่ไหวหากปราศจากซึ่งยารักษา
เสด็จอาเก้าถือรายงานไว้ในมือ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถือรายงานฉบับนั้นไปหาเฟิ่งชิงเฉิน
ตามการคาดเดาของเสด็จอาเก้า เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นรายงานดังกล่าว สีหน้าของนางดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด เสด็จอาเก้าคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินน่าจะกำลังกังวล โกรธ โมโห ไม่แน่นางอาจจะไม่ยอมทำการรักษาให้องค์รัชทายาท แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากเฟิ่งชิงเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็กลับมามีท่าทีเหมือนปกติ
“องค์รัชทายาทจะมาถึงเมื่อใด?” ในฐานะหมอ ความเป็นมืออาชีพของเฟิ่งชิงเฉินนั้นสูงมาก ในเมื่อนางตัดสินใจจะทำการรักษาให้องค์รัชทายาทแล้ว นางก็จะคิดว่าองค์รัชทายาทเป็นคนไข้ของนาง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
“หลังจากนี้สามวัน” ร่างกายขององค์รัชทายาทไม่เหมาะสมกับการเดินทางในระยะไกล องค์รัชทายาททำได้เพียงค่อย ๆ เดินทางมาเท่านั้น แม้จะออกเดินทางมาก่อนพวกเขา แต่ก็ยังมาถึงช้ากว่า
“ข้าจะเตรียมตัวให้ดีที่สุด” ทัศนคติที่ไร้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เสด็จอาเก้าชอบและเกลียดไปพร้อมกัน
เขาชอบในความนิ่งสงบของเฟิ่งชิงเฉิน มีสติ ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาใด ๆ นางสามารถรับมือมันได้ แต่เกลียดที่เฟิ่งชิงเฉินแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นน้อยมาก ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะแสดงตัวเป็นวีรบุรุษต่อหน้านาง
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินบอกว่าต้องการของตนเองออกมาสองสามข้อ เสด็จอาเก้าพยักหน้าเพื่อบอกว่าเขาจะพยายามทำให้สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการให้ได้มากที่สุด
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้ากำลังกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยขององค์รัชทายาท เวลานั้นองค์รัชทายาทกลับไม่สนใจร่างกายของตนเอง พูดคุยกับหมอสองคนที่ได้พบระหว่างทาง
องค์รัชทายาทและชิงอ๋องแอบหนีไปอย่างเงียบ ๆ ซ่อนตัวตนของพวกเขาและกระทำการอย่างเป็นความลับ จักรพรรดิไม่เห็นองค์รัชทายาทอยู่ในสายตา การเดินทางของพวกเขาราบรื่นมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องพบกับภัยพิบัติระหว่างทาง องค์รัชทายาทเปียกฝน เป็นหวัด ทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ
องค์รัชทายาทป่วยหนัก พวกเขายังเดินทางไปไม่ถึงหมู่บ้าน เวลานั้นตงหลิงชิงอ๋องรู้สึกสูญเสียจิตวิญญาณ หากไม่พาองค์รัชทายาทไปหาเฟิ่งชิงเฉินเพื่อทำการรักษาให้ทันเวลา เกรงว่าองค์รัชทายาทคงจะต้องไปพบกับยมโลก เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถช่วยเขาได้ทันเวลา
องค์รัชทายาทเปิดกล่องรหัสลับของเขา ตงหลิงชิงอ๋องหายาที่องค์รัชทายาทต้องการจากขวดยาจำนวนมากเหล่านั้น ไม่ว่ายาเหล่านั้นจะสามารถทานได้หรือไม่ หากเป็นยาที่รักษาอาการหวัดและโรคหัวใจ เขาก็นำกรอกใส่ปากองค์รัชทายาททั้งหมด
ยังดีที่ตงหลิงชิงอ๋องยังมีสติมากเพียงพอ เขาไม่ได้คิดว่ายาเม็ดเล็ก ๆ เหล่านั้นมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย ยิ่งกินเยอะก็ยิ่งดี ตงหลิงชิงอ๋องปฏิบัติตามคำแนะนำที่เฟิ่งชิงเฉินเขียนไว้ข้างขวด ป้อนยาให้องค์รัชทายาทในทุกสามชั่วโมง และไม่ให้องค์รัชทายาททานยาในขณะท้องว่างเป็นอันขาด
ด้วยเหตุนี้ องค์รัชทายาทจึงสามารถรอดพ้นจากอันตรายด้วยยาที่ได้มาจากเฟิ่งชิงเฉิน และด้วยยาเหล่านี้ ทำให้ดึงดูดหมอสองคนที่เป็นรองเพียงแค่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี
ชื่อเสียงของหมอสองคนนี้ องค์รัชทายาทและชิงอ๋องก็รู้จักดี เนื่องจากพวกเขาสร้างชื่อเสียงในเวลาเดียวกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี คนหนึ่งเป็นหมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ย อีกคนคือหมอแห่งยาพิษกัวเป่าจี้
หมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นหมอที่ถนัดในเรื่องของการฝังเข็ม เขาท่องไปยังใต้หล้าอันยิ่งใหญ่ด้วยเข็มเพียงสามเล่ม ส่วนหมอแห่งยาพิษกัวเป่าจี้เป็นหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้พิษ เขาใช้พิษหลายชนิดเพื่อสร้างและยับยั้งซึ่งกันในการรักษาผู้คน
สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่มีชื่อเสียงจนถึงตอนนี้ พวกเขาสองคนไม่เคยห่างกัน หมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยสวมเสื้อผ้าสีสดใสและสวยงาม ริมฝีปากบาง ดูไม่เหมือนสุภาพบุรุษ แม้ว่าเขาจะอายุใกล้จะสี่สิบแล้ว แต่ท่าทางของเขาก็ยังเหมือนกับสัตว์ประหลาด
ส่วนหมอแห่งยาพิษกัวเป่าจี้ ลักษณะของเขาตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขาชอบสวมเสื้อผ้าสีอ่อน เขาดูเหมือนกับบัณฑิตผู้สง่างาม ไม่เหมือนผู้ใช้พิษเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนเป็นตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรที่เรียกว่า อย่ามองคนเพียงแค่ภายนอก
องค์รัชทายาทและชิงอ๋องได้พบกับสองคนนี้ พวกเขาต้องการให้ทั้งสองติดตามพวกเขาไปด้วย แต่การที่จะพาทั้งสองคนไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย องค์รัชทายาทพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาทั้งสองได้ ทั้งสองรักในความสันโดษ และไม่มีความคิดที่จะเผยตัวออกมายังโลกภายนอก
เพื่อที่จะเอาชนะใจหมอทั้งสอง องค์รัชทายาทไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไม้เด็ดของเขา เขากล่าวว่า เขารู้จักกับหมอคนหนึ่งที่สามารถรักษาโรคหัวใจได้ และครั้งนี้เขากำลังเดินทางไปหาหมอผู้นั้นเพื่อทำการรักษา
อย่าว่าแต่ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ที่เป็นหมอที่มีชื่อเสียงเลย ต่อให้เป็นแค่หมอธรรมดาก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดขององค์รัชทายาท
“เป็นไปไม่ได้ โรคหัวใจของเจ้าไร้หนทางรักษา มีเพียงแค่รอความตายเท่านั้น” หมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยกล่าวออกมา
หมอแห่งยาพิษกัวเป่าจี้เองก็พึมพำออกมาเช่นกัน “หากใช้สัตว์มีพิษ ข้าสามารถทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้สามถึงห้าปี แต่หากต้องการรักษาโรคให้หายขาด เกรงว่าคงไม่มีทาง”
ล้อเล่นบ้าอะไร นั่นมันโรคหัวใจ ลูกที่อยู่ภายใต้ทรวงอก หรือว่าจะแหวกหน้าอกแล้วนำหัวใจออกมารักษาและนำใส่กลับเข้าไปใหม่
นี่เป็นโลกแห่งความจริงไม่ใช่ละคร อย่าว่าแต่หมอในตำนานอันเลื่องชื่อเลย ต่อให้เป็นเจ้าบ้าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีนั่นก็ไม่กล้าพูดว่าตนเองสามารถเอาหัวใจของมนุษย์ออกมาได้โดยที่มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ตาย
องค์รัชทายาทเห็นว่าทั้งสองคนไม่เชื่อ เขาก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เพื่อแค่ทำการทดสอบบางอย่าง หยิบยาคลายกล้ามเนื้อหัวใจที่เฟิ่งชิงเฉินเตรียมให้เขาออกมา จงใจนำมันออกมาเล่นต่อหน้าทั้งสองคน
“ท่านทั้งสองอาจจะยังไม่รู้ แม้ว่าสหายของข้าผู้นี้จะยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็เคยรักษาโรคที่ซับซ้อนมามากมาย คิดว่าท่านทั้งสองน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยของคุณชายหยุนเซียวแห่งตระกูลหยุน”
“แน่นอนว่าพวกข้ารู้ ที่พวกข้าลงมาจากเขาก็เพราะต้องการรักษาอาการป่วยของเขา ต้องการเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิตงหลิงเพื่อดูอาการของคุณชายหยุนผู้นั้น” กัวเป่าจี้ไม่อายที่จะพูดถึงเหตุผลที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา อย่างไรสองคนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาและชื่อเลี่ยนฉุ่ย
เขาและชื่อเลี่ยนฉุ่ยอาศัยอยู่บนภูเขาอย่างสันโดษมาเป็นระยะเวลาหลายปี อุทิศตนในกับการคัดแยกหนังสือทางการแพทย์ ต้องการเขียนหนังสือเกี่ยวกับโรคที่รักษาได้ยาก รวมถึงโรคที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง หากไม่ใช่เพราะอาการป่วยของหยุนเซียวค่อนข้างพิเศษก็คงไม่มีทางลากพวกเขาลงมาจากภูเขาได้
หากสามารถบันทึกเกี่ยวกับอาการป่วยของหยุนเซียวลงในหนังสือได้ เหล่าหมอทั่วทั้งใต้หล้าจะได้เรียนรู้มันอย่างแน่นอน
น่าสนุก!
องค์รัชทายาทยิ้มออกมาอย่างเปล่งประกาย มองไม่เห็นความอ่อนแอที่อยู่ภายใน กล่าวออกไปด้วยความใบแห่งรอยยิ้ม “ท่านทั้งสอง อาการป่วยของคุณชายหยุนถูกรักษาโดยสหายผู้ไร้ชื่อเสียงที่ข้ากล่าวถึง นางเปิดกะโหลกของคุณชายหยุนออก จากนั้นก็นำเนื้อร้ายที่อยู่ด้านในออกมา และเย็บกะโหลกกลับไปให้เป็นดังเดิม ผู้อาวุโสชื่อ ผู้อาวุโสกัว สหายของข้าผู้นั้นสามารถเปิดกะโหลกของมนุษย์ได้ และยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่านางจะต้องสามารถเปิดทรวงอกของข้าได้โดยที่ข้ายังมีชีวิตอยู่”
แม้องค์รัชทายาทจะไม่ได้เข้าไปรับชมการผ่าตัดของเฟิ่งชิงเฉินกับคุณชายหยุน แต่เขาก็พอจะรู้เรื่องราวคร่าว ๆ มาบ้าง ซึ่งเขาถามมาจากหมอหลวงเหล่านั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าปิดบังเขา
“เปิดกะโหลกมนุษย์โดยที่ยังไม่ตาย นี่เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีต้องการใช่หรือไม่?” ดวงตาของชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นประกาย เขาถูกยั่วยวนใจอย่างสุดจะพรรณนา อย่างไรองค์รัชทายาทที่เป็นโรคหัวใจก็อยู่ตรงหน้า คนพวกนี้มีจิตใจนิ่งสงบราวกับน้ำนิ่ง ความงดงามไม่สามารถดึงดูดพวกเขาได้เท่าไหร่นัก
“แน่นอนว่าเวลานั้นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเองก็อยู่ด้วย เขาเห็นทุกกระบวนการด้วยตาของเขาเอง” องค์รัชทายาทกล่าวออกมาอีกครั้ง
และคำพูดขององค์รัชทายาทก็ทำให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้สงสัยในตัวตนของเขาขึ้นมา ทั้งสองคนมองหน้ากันพร้อมกับถามออกมา “เจ้าเป็นใคร?”
องค์รัชทายาทรู้มากเกินไปหรือเปล่า!
“ผู้อาวุโสทั้งสองน่าจะพอเดาได้ ใครในใต้หล้าที่จะรู้เรื่องของเมืองจักรพรรดิแห่งตงหลิงมากมายถึงเพียงนี้ แล้วยังเป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด” องค์รัชทายาทไม่ได้กล่าวออกไปโดยตรง แต่คำพูดของเขาก็มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัว
องค์รัชทายาทแห่งตงหลิง!
เช่นนั้นที่ว่าผ่าตัดเปิดกะโหลกก็เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? แล้วเรื่องที่จะรักษาโรคหัวใจให้องค์รัชทายาทก็เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?
ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้มองหน้ากัน และทั้งสองคนก็กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสอง องค์รัชทายาทก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาใจสั่น เขานำยาที่อยู่ในมือมอบให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ย เขามองออกว่าสองคนนี้ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจมากกว่า
“ข้ารู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองสนใจในยาขวดนี้ ยาขวดนี้เป็นยาที่นางทำขึ้นมา ผู้อาวุโสทั้งสองสามารถนำมันไปศึกษาได้ แต่หากเข้าใจแล้วก็รีบนำมันมาคืนข้า เพราะความสงสัยของพวกท่านมันเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของข้า”
องค์รัชทายาทพูดจบเขาก็ส่งสัญญาณบอกกับชิงอ๋องว่าถึงเวลาที่ต้องไป……
เขาได้ทิ้งเหยื่อไปแล้ว ทั้งสองจะงับเหยื่อหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของพวกเขา……
สองคนนี้ ถือเป็นของขวัญที่มอบให้เฟิ่งชิงเฉินก็แล้วกัน!