นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 989 สกปรกเกินไป,ออกไปห่าง ๆ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 989 สกปรกเกินไป,ออกไปห่าง ๆ
เร็วเข้า เร็วกว่านี้อีก!
แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินก็รับรู้ได้ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายนั้นดุเดือดเพียงใด แข็งแกร่งเพียงใด หากต้องถ่วงเวลาถึงสองชั่วโมง เกรงว่าคงต้องแลกกับความสูญเสียไม่ใช่น้อย
ในห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเร่งความเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเพราะกลัวว่าจะเสียเวลา
บรรยากาศในห้องผ่าตัดไม่ได้ด้อยกว่าสนามรบด้านนอกเลยแม้แต่น้อย มันตึงเครียดกว่าสนามรบเสียอีก เพียงแต่เสียงที่เกิดขึ้นเป็นเสียงของเข็มและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เฟิ่งชิงเฉินกวัดแกว่งมีดในมือด้วยความเร็วสูงสุดที่นางสามารถทำได้……
อาจเป็นเพราะเปลวเพลิงของสงครามภายนอก หรืออาจเป็นเพราะความกระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิตผู้คน เฟิ่งชิงเฉินระเบิดศักยภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วจนชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้มองไม่ชัดเจน
แน่นอน การระเบิดของศักยภาพนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเริ่มซีดขวา ข้อมือของนางสั่นเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดที่เส้นเอ็นของนาง
ภายใต้สภาวะที่มีความตึงเครียดทางจิตใจสูง เฟิ่งชิงเฉินถูกกดดันอย่างหนักทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซุนซือสิงที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายในใจ เพราะเกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะหมดสติไปก่อนที่การผ่าตัดจะเสร็จสิ้น……
ซุนซือสิงอยากจะพูดกับเฟิ่งชิงเฉินอยู่หลายครั้งว่าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ทำได้เพียงเงียบและเก็บความคิดเหล่านั้นไว้ เพราะเขารู้ว่าคำพูดของเขาในเวลานี้นั้นไร้ประโยชน์ เสียงการต่อสู้ด้านนอกยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง อาจารย์ของเขาไม่มีทางปล่อยวาง เวลานี้สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือภาวนาให้เสด็จอาเก้าถ่วงเวลาให้อาจารย์ของเขาได้สำเร็จ
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางไม่อาจทนต่อไปได้ แม้ว่าร่างกายของนางจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ยังไม่เพียงพอ ในตอนที่ผ่าตัดเปิดกะโหลก นางไม่เคยรู้สึกถึงความอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนที่ใช้กำลังในการผ่าตัดหัวใจ ความอ่อนแอในจุดนี้ของร่างกายก็ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ฮู้ว……เฟิ่งชิงเฉินใช้โอกาสนี้ในการสูดลมหายใจและกะพริบตาอันเจ็บปวดของนาง การผ่าตัดหัวใจมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว นางจะต้องฝืนทนต่อไป นางจะล้มลงบนเตียงผ่าตัดไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดของนางจะสูญเปล่า
เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงลดความเร็วลงเล็กน้อย นี่ทำให้พวกของซุนซือสิงสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่านางกำลังทำสิ่งใด เฝ้ามองเฟิ่งชิงเฉินรักษาหัวใจที่อ่อนแรงขององค์รัชทายาททีละขั้นตอน ต้องบอกเลยว่ามือคู่นั้นของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความชำนาญ และมันอยู่เหนือกว่าคำว่าพรสวรรค์ทั้งปวง
ซุนซือสิง ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้เฝ้าดูโดยไม่กะพริบ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินนำกรรไกรขึ้นมาตัดไหม ซุนซือสิงก็กล่าวออกมาว่า “สำเร็จแล้ว!”
แม้ว่าตอนนั้นหัวใจขององค์รัชทายาทยังไม่ฟื้นฟูกลับมา แต่ซุนซือสิงมั่นใจเป็นอย่างมากว่า การผ่าตัดของเฟิ่งชิงเฉินประสบความสำเร็จ
“ใช่ การผ่าตัดสำเร็จแล้ว!” ฮู้ว……เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้าอันตึงเครียดของนาง
ผ่าตัดสำเร็จภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมาก
“อาจารย์ ยินดีกับท่านด้วย” หากไม่ใช่ว่าช่วงเวลาไม่เหมาะสม ซุนซือสิงคงดีใจจนกระโดดขึ้นมา เพราะนี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์และเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในทักษะทางการแพทย์
ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้เองก็ดีใจเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้เพียงแค่คิด แต่เฟิ่งชิงเฉินพิสูจน์มันออกมาด้วยการกระทำ ว่าทุกอย่างนั้นสามารถทำได้
และเวลานั้นเอง รอยยิ้มที่เผยออกมาให้เห็นบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็จางหายไป นางกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “กล่าวคำยินดีเวลานี้ยังเร็วเกินไป แม้ว่าการผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าองค์รัชทายาทจะปลอดภัย ด้านนอกเต็มไปด้วยอันตราย หากองค์รัชทายาทไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เขาอาจจะติดเชื้อหลังการผ่าตัด หากเป็นเช่นนั้น……”
เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากของนาง จากนั้นกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอไป “เอาละ เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว ข้ายังต้องจัดการบาดแผลต่าง ๆ บนร่างกายขององค์รัชทายาท ซือสิง เจ้าเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย หากทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่”
“ขอรับ อาจารย์” คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจของพวกเขาทั้งสามเป็นอย่างมาก หากองค์รัชทายาทต้องมาจบชีวิตลงเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอหลังจากผ่าตัด พวกเขาคงเสียใจจนเสียสติเป็นแน่
เฟิ่งชิงเฉินยังคงนิ่งสงบ มุ่งเน้นไปกับหน้าที่ของตนเอง ยังคงเป็นคำพูดเดิม นางต้องทำให้สิ่งที่เป็นหน้าที่ของนาง เรื่องอื่นนางไม่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นการยอมรับต่อโชคชะตาอันเลวร้าย แต่ในบางครั้งมนุษย์เองก็ต้องเชื่อในเรื่องของโชคชะตาเช่นกัน
ยังมีเวลาอีกประมาณสิบห้านาทีกว่าจะเป็นเวลาสองชั่วโมง เฟิ่งชิงเฉินเย็บแผลผ่าตัดหัวใจขององค์รัชทายาท และสามคนที่เหลือก็ช่วยเย็บแผลเป็นรอยตะขาบ สุดท้ายการผ่าตัดก็สิ้นสุดลง
ในเวลาเดียวกัน คนที่ถูกส่งมาโดยจักรพรรดิก็พุ่งผ่านแนวป้องกันสุดท้ายมาแล้ว บุกมายังอีกฝั่งของแม่น้ำ แม้ว่าจะมีจำนวนคนไม่มาก แต่มันก็บ่งบอกถึงความสำเร็จของอีกฝ่าย
“เสด็จอาเก้า พวกเราต้านได้อีกไม่นานแล้ว” ในเวลานี้ตงหลิงชิงอ๋องรู้แล้วว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ตั้งใจที่จะสู้กับอีกฝ่ายตั้งแต่แรก เขาเพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาให้องค์รัชทายาทเท่านั้น
“ทนต่อไปอีกสิบห้านาที” น้ำเสียงของเขายังคงเยือกเย็น เสด็จอาเก้าไม่เคยตื่นตระหนกหรือร้อนรนเลยแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินบอกว่านางต้องการเวลาสองชั่วโมง เขาก็ต้องถ่วงเวลาไว้ให้ได้
“ได้” ตงหลิงชิงอ๋องกัดฟัน ชักดาบที่เอวออกมา พูดอย่างเคร่งขรึมด้วยดวงตาอันแดงก่ำว่า “เสด็จอาเก้า หากข้าต้องตายอยู่ที่นี่ ได้โปรด ได้โปรดเห็นแก่หลายผู้นี้ ปกป้องดูแลเสด็จพี่ เสด็จพี่ไม่มีวันแก่งแย่งอะไรจากเสด็จอาเก้าอย่างแน่นอน”
ตงหลิงชิงอ๋องต้องการสละชีวิตของตนเองเพื่อถ่วงเวลาให้องค์รัชทายาทจนถึงวินาทีสุดท้าย
เสด็จอาเก้าไม่ได้รับปากแต่อย่างใด เพียงแค่มองไปยังตงหลิงชิงอ๋องอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ ตงหลิงชิงอ๋องงอเข่าลงเล็กน้อย ต้องการที่จะคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตขององค์รัชทายาท แต่ในตอนนั้นเอง ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัดก็วิ่งมาพร้อมกับตะโกนว่า “ท่านอ๋อง แม่นางเฟิ่งบอกว่าสามารถถอยได้แล้ว”
สามารถถอยได้แล้ว?
ตงหลิงชิงอ๋องผงะอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากตอบสนองเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ “เสด็จอาเก้า เสด็จพี่ปลอดภัยแล้ว เสด็จพี่ปลอดภัยแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว ชิงอ๋อง เจ้าพาคนไปคุ้มกันองค์รัชทายาทเพื่อล่าถอย ข้าจะขวางเอาไว้ให้เอง” สีหน้าของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่คำพูดของเขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความดีใจมากนัก ราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องธรรมดาทั่วไป
เขาเชื่อในตัวเฟิ่งชิงเฉินมาโดยตลอด
“ไม่ เสด็จอาเก้า ข้าจะเป็นคนขวางเอาไว้เอง ท่านไปก่อนเถิด” แม้ว่าตงหลิงชิงอ๋องจะดีใจอย่างมาก แต่เขายังคงมีสติอยู่ การถ่วงเวลาศัตรูเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“เจ้า? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถรั้งพวกเขาไว้ได้?” ไม่ใช่ว่าเสด็จอาเก้าดูถูกตงหลิงชิงอ๋อง ตงหลิงชิงอ๋องเองก็มีความสามารถในเรื่องการนำทัพ แต่ที่นี่ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดา ตงหลิงชิงอ๋องไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากชัยภูมิที่ดีกว่าได้อย่างเต็มที่
“ข้า……” ตงหลิงชิงอ๋องทำได้เพียงอ้าปาก สุดท้ายก็ต้องยอมรับฟังคำสั่งของเสด็จอาเก้า ภายใต้การป้องกันของทหารผู้ติดตาม เขาไปรวมตัวกับเฟิ่งชิงเฉินและองค์รัชทายาท เตรียมที่จะหนีไปทางช่องทางลับหลังหุบเขา
ทุกคนล้วนต้องมีวิธีการฉุกเฉินไว้เพื่อป้องกันตนเอง ในตอนที่เสด็จอาเก้าสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา เขาได้ไตร่ตรองไว้แล้วว่าวันหนึ่งอาจจะถูกจักรพรรดิค้นพบ ดังนั้นทางออกจึงไม่สามารถมีทางเดียวได้
ในตอนที่ตงหลิงชิงอ๋องมาถึงห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินก็จัดการกับองค์รัชทายาทเป็นที่เรียบร้อย ทหารสี่คนแบกร่างขององค์รัชทายาทไว้ตรงปลายเปลทั้งสี่ด้านไว้อย่างมั่นคง ขวดน้ำเกลือแขวนอยู่บนเปล ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้น้ำเกลือขององค์รัชทายาท
“แม่นางเฟิ่ง เสด็จพี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ตงหลิงชิงอ๋องรีบก้าวเข้ามา มององค์รัชทายาทที่นอนไร้สติอยู่บนเตียงด้วยใบหน้ากังวล
“การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น เวลานี้องค์รัชทายาทสบายดี หากฟื้นขึ้นมาภายในหกชั่วโมง นั่นก็บ่งบอกได้แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร” ท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นางต้องการให้ตงหลิงชิงอ๋องออกห่างจากองค์รัชทายาท
“ชิงอ๋อง ร่างกายของท่านเต็มไปด้วยเลือด อย่าเข้าใกล้องค์รัชทายาทให้มากกว่านี้เลย องค์รัชทายาทมีบาดแผลของการผ่าตัด ท่านได้โปรดถอยออกไปสักเล็กน้อย” น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินไร้ซึ่งความเมตตา นางพูดออกไปตามตรง ตงหลิงชิงอ๋องสกปรกเกินไป ออกไปห่าง ๆ ได้แล้ว!
ไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินใส่อารมณ์มากเกินไป แต่นางรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ทันทีที่องค์รัชทายาทออกมาจากห้องผ่าตัด ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้เท่านั้น แต่ยังต้องเดินทางบนเส้นทางที่ยากลำบาก เฟิ่งชิงเฉินกังวลว่าองค์รัชทายาทจะติดเชื้อ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน บาดแผลเปิด เสียชีวิตจากภาวะเลือดคลั่งในหัวใจและอื่น ๆ อีกมากมาย
ช่างเป็นปัญหาเสียเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินมีความอดทนมากเพียงพอ นางคงโยนมีดทิ้งไปตั้งแต่แรก ไม่ทำอะไรทั้งนั้น เหตุใดสิ่งเลวร้ายถึงได้ถาโถมใส่นางเช่นนี้……