นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 99 ตายแล้ว
“หยุดมือ หยุดมือ”
เฟิ่งชิงเฉินพลันรีบร้อนตะโกนออกมา ทำให้ชายฉกรรจ์ชุดดำทั้งแปดคนพลันชะงักไปในทันที พร้อมทั้งหันกลับมามองนาง แล้วจึงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชาว่า “เฟิ่งซิ่ว? สัญชาตญาณของเจ้าพามารนหาที่ตายงั้นหรือ? ดี เช่นนั้นพวกข้าจักสนองให้เจ้าเอง”
ชายฉกรรจ์ทั้งแปดคน ต่างก็หันหลังกลับมาพุ่งเข้าใส่เฟิ่งชิงเฉินในทันที
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูปิติยินดียิ่งนัก
ดีจริง ที่นางสามารถปกป้องห้องผ่าตัดเอาไว้ได้
อีกทั้ง เจ้าคนพวกนี้
มีจุดประสงค์ที่จะมาทุบห้องผ่าตัดนางเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาไว้ชีวิตพวกเขาแล้ว
แกรก เสียงเปิดเซฟตี้ไกปืนพร้อม แววตาของเฟิ่งชิงหลิงพลันพาดผ่านไปด้วยความโหดเหี้ยม พร้อมกับไอสังหารที่กระจายออกมา อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ปั้ง ปั้ง ปั้ง”
เฟิ่งชิงเฉินหาใช่นักแม่นปืนไม่ แต่ทว่า ชายชุดดำทั้งแปดคนไม่รู้อานุภาพปืนของเฟิ่งชิงเฉินว่า มีความแข็งแกร่งมากเพียงใด พวกเขาจึงมิได้หลบหลีก เอาแต่กระโจนเข้ามาหานางในทันที
สุดท้ายแล้ว ชีวิตของแต่ละคนก็ล้มลงด้วยความลึกลับ
เมื่อคนด้านหลังสังเกตุถึงความผิดปกตินั้น ก็พลันรีบร้อนที่จะหลีกหนี
แต่ทว่า สายเกินไปที่จะหลบได้ทันเสียแล้ว
เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้ปืนเช่นนี้ จักหนีไปทางใดได้กัน
“ปั้ง ปั้ง ปั้ง”
ชายชุดดำทั้งแปดพลันล้มลงที่พื้นในทันที
เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วพาทหารของตนเองมุ่งหน้าเข้ามานั้น ก็พลันได้พบกับฉากตรงหน้าพอดี
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?” เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วพลันกวาดตามองดูสถานการณ์โดยรอบนั้น ก็เข้าใจได้ในทันที ผู้ที่มีปัญหาหาใช่นางไม่ แต่เป็นศัตรูที่อยู่ตรงหน้านางต่างหาก
สีหน้าที่เฉยเมยของอวี่เหวินหยวนฮั่ว พลันมองผ่านร่างของเฟิ่งชิงหลิงไป ก็พลันเห็นร่างของแขนขามากมายที่อยู่ใกล้เท้าของนาง เป็นชายร่างใหญ่ถึงแปดคนด้วยกัน
ฃ
นางแข็งแกร่งเกินไปหรือไม่?
และยังมี เสียงดังที่ได้ยินไปถึงด้านนอกอีก “ปั้ง ปั้ง ” เป็นเสียงอันใดกัน?
เฟิ่งชิงเฉินหาได้ตอบคำถามไม่ เพียงแต่เหลือบมองดูเหล่าทหารที่พากันหลั่งไหลเข้ามาในจวนของนางแทน เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ หยิบปลอกกระสุนปืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกล่าวถามไปด้วย “ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกัน? และยังนำกองกำลังมาด้วย?”
นางรู้ดี ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วหาได้มีอำนาจในการโยกย้ายกองกำลังไปมาภายในเมืองหลวงได้
เช่นนั้น เขามาที่จวนเฟิ่งตามพระราชโองการงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่อวี่เหวินหยวนฮั่วในทันที แววตาพลันพาดผ่านไปด้วยความกังวลมากมาย นางกังวลจริง ๆ ว่าการผ่าตัดในวันนี้จะต้องมีคนเข้ามาสอดมือยุ่งมากมาย
“ข้า? ข้ามาตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย” ท่าทางของอวี่เหวินหยวนฮั่วดูสง่างามยิ่งนัก
พูดจบ ยังไม่ลืมที่จะยืนตัวตรง เพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นเขาสวมเครื่องแบบทางการทหารมาในวันนี้
น่าเสียดาย ที่เฟิ่งชิงเฉินหาได้สังเกตุเห็นเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อได้ยินอวี่เหวินหยวนฮั่วกล่าวเช่นนั้นออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็พลันถามกลับว่า “ทำตามคำสั่ง? เป็นคำสั่งของผู้ใด ให้มาทำอันใดกัน?”
ก่อนที่จะทำการผ่าตัดได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตใจหรือความพร้อมทางด้านร่างกาย ล้วนแต่ต้องคงสภาพจิตใจให้ดี มิเช่นนั้น นางไม่อาจมีแรงมาจัดการเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงได้นางกลัวจริง ๆ ว่า
ก่อนที่นางจะทำการผ่าตัด มันจะมีเรื่องวุ่นวายตามมา
การผ่าตัดในครั้งนี้ มีความสำคัญต่อนางและหวังจิ่นหลิงมากนัก
ที่จริงแล้ว อวี่เหวินหยวนฮั่วอยากจะหยอกล้อเฟิ่งชิงเฉินเสียหน่อย แต่ทว่า เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของนางนั้น ก็ได้แต่กล่าวตามความจริงออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉินเจ้ามิต้องตื่นเต้นไป ข้ามาตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ เพื่อมาปกป้องคุ้มครองเจ้า”
“อะไรนะ? คำสั่งขององค์จักรพรรดิให้มาปกป้องข้างั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินคล้ายจะเป็นลมหมดสติไปในทันที
ไม่ใช่หรอกกระมัง นิสัยของราชวงศ์นะหรือ จะมาปกป้องนาง?
วันนี้พระอาทิตย์คงมิได้ขึ้นทางทิศตะวันตกหรอกกระมัง
เฟิ่งชิงเฉินพลันเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟากฟ้า พร้อมกล่าวพึมพำออกมา “คำสั่งขององค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิหรือ?”
โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินมิได้เป็นลมล้มพับไป นางค่อย ๆ ได้สติในเวลาต่อมา
อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันมองไปรอบด้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดนั้น ก็พลันก้าวเข้าไปกระซิบข้างหูของเฟิ่งชิงเฉินแล้วจึงเล่าว่า “เฟิ่งชิงเฉิน องค์จักรพรรดิล่วงรู้ว่าเจ้าจะทำการรักษาดวงตาให้หวังจิ่นหลิง จึงให้ข้ามาจับตาดูเจ้าว่า เจ้าได้มีกลโกงอันใดหรือไม่”
นี่เป็นศึกระหว่างเสด็จอาเก้ากับฮองเฮา ว่าท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร
เรื่องทักษะการแพทย์อันหลอกลวงของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ถูกทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด เรื่องนี้ถึงไปถึงหูองค์จักรพรรดิได้กัน
ฮองเฮากล่าวว่า เฟิ่งชิงเฉินใช้ทักษะการแพทย์หลอกลวงผู้คน ทั้งพฤติกรรมที่ไม่ดีของนาง สมควรที่จะต้องถูกประหาร
หากแต่เสด็จอาเก้าเชื่อว่า นางมิได้หลอกลวงผู้ใด หากแต่มีผู้คนสร้างหลักฐานขึ้นมามันมิใช่เรื่องจริง โดยฉวยโอกาสยามที่เฟิ่งชิงเฉินยังมิได้ทำการรักษาดวงตาให้หวังจิ่นหลิงนั้น กล่าวหาว่านางเป็นคนหลอกลวงแทน
ข่าวลือที่อยู่ด้านนอกจวนนั้น ล้วนแต่เกิดจากมีคนบ่งการใส่ร้ายป้ายสีให้นาง หากให้องครักษ์เสื้อโลหิตได้จับตัวไปทรมานสักสองสามคนละก็ ย่อมสามารถค้นหาความจริงได้ไม่ยาก
เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น ก็พลันโมโหเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เมื่อนึกไปถึงยามที่องค์หญิงอันผิงกลับตำหนักมาเล่าให้นางฟังนั้นว่า เฟิ่งชิงเฉินยามที่อยู่ในคุกขององครักษ์เสื้อโลหิต หาได้ถูกทรมานอันใดไม่ นางยิ่งโมโหเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้นไปอีก
ฮองเฮาไม่อยากจะถอยให้เลยแม้แต่ก้าวเดียว เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ไว้หน้าพระนางเลยแม้แต่น้อย โต้เถียงกันเสียจน จักรพรรดิยังไม่อาจหาทางแก้ได้ จึงได้แต่โบกมือไล่ทั้งสองออกไป
ต้อง
อวี่เหวินหยวนฮั่ว เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินต้องทำการรักษาดววตาให้กับหวังจิ่นหลิงนั้น เขาจักต้องตรวจสอบและจับตามองนางทุกฝีก้าว เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า เฟิ่งชิงหลิงเป็นบุคคลที่มีความสามารถจริง หาใช่เรื่องหลอกลวงไม่
เช่นนั้นแล้ว การเฝ้าจับตามองนาง ในความเป็นจริงก็คือการสั่งให้ปกป้องเฟิ่งชิงเฉินต่างหาก ถ้าหากว่า เฟิ่งชิงเฉินทำผิดพลาดขึ้นมา นางก็ต้องใช้คืนด้วยชีวิตของนางเองเช่นกัน
ประโยคสุดท้าย อวี่เหวินหยวนฮั่วหาได้เอ่ยออกไปไม่ เพียงแต่สายตาของเขาดูมืดมนไปเล็กน้อย
“ที่แท้ ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้น ข้าก็มิต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดมาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกแล้ว”เฟิ่งชิงเฉินพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ภายในใจพลันลอบขอบคุณเสด็จอาเก้าเล็กน้อย
เพื่อปัญหาของนาง เสด็จอาเก้าถึงได้สอดมือเข้ามาแทรกแซงด้วยตนเองเช่นนี้ นี่มันไม่ใช่วิธีของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะบอกว่า เฟิ่งชิงเฉินอาเฟิ่งชิงเฉิน ชีวิตของเจ้าเหตุใดช่างโชคดียิ่งนัก? สามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของเสด็จอาเก้าได้ เมื่อรู้ว่าฮองเฮาจ้องเอาเรื่องเจ้า ที่เป็นหนามยอกอกอยู่นั้น หากมิใช่เพราะเสด็จอาเก้าคอยปกป้องเจ้าเอาไว้ เจ้าคงตายไปเป็นพันครั้งแล้วกระมัง”
อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันส่ายหัวให้กับความคิดที่กำลังตกผลึกของตนเอง หากแต่เขาใช้น้ำเสียงเบา เพื่อพูดคุยให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
เขาไม่เชื่อ ว่าระหว่างเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินจะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น
บุรุษขี้นินทา!
เฟิ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะมองบน พร้อมกับชี้ไปที่ศพของชายฉกรรจ์ทั้งแปด พลางกล่าวว่า “ในเมื่อท่านแม่ทัพมาเพื่อปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน เช่นนั้นก็รบกวนท่านแม่ทัพช่วยนำแปดคนนี้เอาไปไว้ที่นอกจวนด้วยเถิด แต่มิต้องทำอันใดพวกเขา ข้าจักต้องใช้งาน”
ปลอกกระสุนนางยังเอาออกมาไม่หมดเลย
“ได้” อวี่เหวินหยวนฮั่วก็มิได้คิดสิ่งใดอีก เมื่อตรวจสอบร่างกายของศพชายฉกรรจ์ทั้งแปดแล้วนั้น ก็พลันพบว่าทั้งห้าคนล้วนแต่ถูกอาวุธแทงเข้าที่หัวใจ อีกสามคนบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก เสมือนว่าโดนอาวุธอะไรทะลวงเอา
ความสามารถเช่นนี้ โหดเหี้ยมยิ่งนัก อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้ดีว่าตนเองไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมามองเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับจะจ้องมองตัวนางให้ทะลุ
“เฟิ่งชิงเฉิน เป็นเจ้าที่ฆ่าพวกเขางั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงเฉินจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่”
“เจ้าใช้อะไรฆ่าพวกเขากัน?” อวี่เหวินหยวนฮั่วมั่นใจเป็นอย่างมากว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้ปะมือกับพวกเขาไม่
“เป็นกังฟูของตระกูล ไม่อาจบอกบุคคลภายนอกได้ หากเจ้าอยากรู้? ก็ไปถามบิดามารดาข้าดูสิ”
เฟิ่งชิงเฉินพลันพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก คงจะเป็นเพราะว่า นางเพิ่งจะทำการฆ่าคนไปเมื่อครู่กระมัง กลิ่นอายรังสีฆ่าฟันจึงยังคงอยู่
เฮ้อ
อวี่เหวินหยวนฮัาวพลันขมุบขมิบปากไปมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยถามอันใดออกมาอีก
“ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน ในเมื่อท่านมาตามคำบัญชาขององค์จักรรพดิแล้ว เช่นนั้นก็ฝากให้ท่านแม่ทัพช่วยจัดคนเฝ้าห้องสองห้องนี้ให้ดีด้วยเถิด ห้ามให้ผู้ใดเข้าใกล้เป็นอันขาด”เฟิ่งชิงเฉินหาได้รู้จักการเกรงใจไม่ พร้อมทั้งสั่งการพวกเขาออกมาในทันที
อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้ดีว่า วันนี้มีความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างไร ถึงแม้
ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ต้องเชื่อใจในตัวเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น
ยามที่นึกถึงราคาที่ต้องจ่ายหากนางทำการล้มเหลวนั้น สีหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วก็พลันมืดลงไปในทันที “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจักต้องรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงให้ดีเล่า อย่าได้ทำให้เสด็จอาห้าเสียหน้าเป็นอันขาด”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม หากเกี่ยวพันธ์ถึงราชวงซ์ละก็ ไม่มีคำว่าเล็กน้อย
“ข้ารู้ ข้าจักไม่ทำให้เสด็จอาเก้าผิดหวังในตัวข้าเป็นอันขาด” ใช่ ถึงแม้จะเพื่อเสด็จอาเก้าก็ตาม เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่ยอมให้ตนเองกระทำสิ่งใดให้ล้มเหลวเป็นอันขาด
ถึงแม้จะเป็นเพราะโชคชะตาที่นำพาให้พบหน้าบุรุษผู้นั้นเพียงแค่สามครั้ง พบหน้าสามครั้ง แต่เขาก็ได้ช่วยนางเอาไว้ถึงสี่ครั้งด้วยกัน
ชีวิตนี้ นางควรจะตอบแทนพระคุณเขาเช่นไรดี?
บางที เขาอาจจะไม่ต้องการให้นางตอบแทนความรักเพื่อเขาก็ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า แม้แต่ชีวิตของนางก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณเขาเลย
พลางส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินพยามยามที่จะสะบัดเอาความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่ภายในหัวออกมาให้หมด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะคุ้มครองเจ้าจนไปถึงตระกูลหวังเอง สถานการณ์ด้านนอกในยามนี้ เกรงว่า เจ้าอาจจะไปไม่ถึงตระกูลหวังก็เป็นได้” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วก็อดไม่ได้ที่จะนับถือเสด็จอาเก้า
หากว่าไม่มีฮองเฮาคอยอยู่เบื้องหลัง เสด็จอาเก้าก็คงไม่มีวิธีทีจะยื่นขอกองกำลังทหารจากองค์จักรพรรดิเพื่อมาที่จวนเฟิ่งได้เช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินคงไม่อาจไปหาหวังจิ่นหลิงได้ทันท่วงที
เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ มีความสามรถทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีได้จริง ๆ
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินออกมาด้านนนอกอีกครั้ง สถานการณ์ภายนอกได้ถูกควบคุมเอาไว้หมดแล้ว สองฝั่งข้างทางมีทหารคอยยืนคอบคุมอยู่ เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา ก็พลันมีคนจูงม้าเข้ามาให้
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเห็นว่าทักษะการขี่ม้าของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว วันนี้ให้เจ้าขี่ม้าเองเป็นอย่างไร?”