นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1020 เขตปกครองตนเองซีเซี่ย
ตอนที่ 1020 เขตปกครองตนเองซีเซี่ย
“พวกท่านคิดว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเชิญฮ่องเต้ซีเซี่ยไปทำอันใด ? ”
“วันนี้จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้ประกาศสงครามกับราชวงศ์เหลียวเพื่อแคว้นซีเซี่ย ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะบรรลุข้อตกลงบางประการร่วมกันแล้ว”
“พวกท่านคิดว่า…ประเทศต้าเซี่ยจะเปิดศึกกับทางราชวงศ์เหลียวเพื่อแคว้นซีเซี่ยจริง ๆ หรือ ? ”
“ศึกครานี้มิสูญเปล่าอย่างแน่นอน ต้าเซี่ยและซีเซี่ยแม้จะมีคำว่าเซี่ยเหมือนกัน ทว่าความจริงแล้วสองประเทศนี้ไร้ความเกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง ตามความคิดของข้า…เกรงว่าพวกเราจะประมาทจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพระองค์นี้มากจนเกินไป ! ”
“ท่านหมายความว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยต้องการคว้าแคว้นซีเซี่ยมาไว้ในครอบครองเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ประมุขแห่งอาหรับส่งยิ้มบางให้ทุกคน เขามิได้ตอบคำถามนี้เพราะคิดว่าแผนการของจักรพรรดิต้าเซี่ยคงยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด !
……
……
ฟู่เสี่ยวกวนพาท่าป๋าวั่งไปยังห้องทรงพระอักษร
“หลิวจิ่น…เจ้าจงไปสั่งให้ทางห้องเครื่องเตรียมเครื่องเสวยรสเลิศไว้ แล้วจงปิดประตูที่นี่ให้สนิท”
ท่าป๋าวั่งขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความฉงน ยามที่ยังอยู่ในหงหลูซื่อก็พบว่าฟู่เสี่ยวกวนเรียกชื่อของตนออกมาโดยตรง คาดว่าเขาคงเห็นตนเป็นหนึ่งในขุนนางภายใต้บัญชาไปแล้ว
ในพิธีถวายความเคารพ ฟู่เสี่ยวกวนสามารถบังคับให้ตนแสดงจุดยืนได้ ทว่าเขากลับเลือกที่จะแบกรับทุกอย่างเอาไว้เสียเอง นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการรักษาหน้าให้กับแคว้นซีเซี่ย
ชายหนุ่มผู้นี้วางกลอุบายได้อย่างแยบยล ยากที่จะคาดเดาออก !
มิแปลกใจเลยที่อีกฝ่ายสามารถโจมตีแคว้นฮวงแล้วส่งไม้ต่อให้ท่าป๋าคังขึ้นบริหาร นี่คือความยิ่งใหญ่และความมั่นใจในตนเองของเขา
เมื่อปิดประตูดีแล้ว ในห้องทรงพระอักษรจึงเหลือเพียงแค่ฟู่เสี่ยวกับท่าป๋าวั่งสองเท่านั้น พวกเขาต้องร่วมตกลงเรื่องผลประโยชน์ที่ต้าเซี่ยสมควรจะได้รับเมื่อยกทัพประชิดราชวงศ์เหลียว
“เชิญนั่ง ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนจัดแจงต้มชา ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “เชื่อข้าเถิดว่านโยบายชาวฮวงปกครองชาวฮวงด้วยกันเอง ได้ผ่านการทดสอบโดยการใช้งานจริงมาแล้ว หลายปีมานี้ได้พิสูจน์ประสิทธิภาพของนโยบายนี้ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง”
ท่าป๋าวั่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับฟู่เสี่ยกวนพลางขมวดคิ้วมุ่น คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะโพล่งออกมาโดยไร้ความเกรงใจเช่นนี้
เจ้าจะมิถามความเห็นของข้าสักหน่อยหรือ ?
บัดนี้ข้ายังดำรงตำแหน่งฮ่องเต้อยู่มิใช่หรือ ?
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้สังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของท่าป๋าวั่งเลยสักนิด เขายื่นถ้วยชาให้กับท่าป๋าวั่ง จากนั้นก็ถูมือไปมาแล้วเอ่ยว่า “นโยบายที่ทำให้ชื่อเล่อชวนมีสภาพอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ คาดว่าท่านคงมีความเข้าใจมาบ้างแล้ว นโยบายนี้มีบัญญัติไว้ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งต้าเซี่ย เมื่อเอ่ยถึงรัฐธรรมนูญ…ท่านอาจจะมิค่อยรู้ชัดสักเท่าใดนัก รัฐธรรมนูญคือกฎหมายขั้นพื้นฐานของประเทศ มิว่าผู้ใดก็ตามรวมถึงตัวข้าล้วนต้องเคารพรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งสิ้น”
เมื่อสิ้นเสียงของฟู่เสี่ยวกวน ท่าป๋าวั่งก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด… จักรพรรดิมิใช่ผู้กุมอำนาจสูงสุดหรอกหรือ ?
กฎหมายใดก็มิอาจมีอำนาจเหนือองค์จักรพรรดิได้หรอก นี่คือสิ่งที่ทุกคนทราบโดยทั่วกัน
ท่าป๋าวั่งรู้สึกสงสัยมากยิ่งนักว่าถ้อยคำของอีกฝ่ายเป็นจริงหรือเท็จ ทว่าเมื่อจ้องมองสีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนก็เหมือนจะเป็นจริงดังนั้น และอีกอย่างฟู่เสี่ยวกวนก็มิมีเหตุผลใดต้องโกหกตน
เช่นนั้นต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญกลับไปศึกษาสักเล่มแล้ว
“เรื่องเหล่านี้ที่ข้าเอ่ยให้ท่านฟัง ท่านอาจจะยังมิค่อยเชื่อ แต่มิเป็นไร…เวลาจะช่วยพิสูจน์ทุกอย่างเอง ทว่าวันนี้ข้ายอมชักดาบออกมาปกป้องท่านแล้ว การส่งกองทัพไปรบกับราชวงศ์เหลียวถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ข้ามิอยากเห็นราชวงศ์เหลียวยึดแคว้นซีเซี่ยไปก่อนที่ท่านจะตอบตกลงในข้อเสนอของข้า”
“ข้ามิชอบความอ้อมค้อม บัดนี้ท่านเข้าใจสถานการณ์ได้ดีมากกว่าข้า หากแคว้นซีเซี่ยมิยอมสวามิภักดิ์ต่อประเทศต้าเซี่ย แคว้นซีเซี่ยก็อาจจะมิสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้อีก”
“เป็นดั่งที่ข้าเคยเอ่ยให้ท่านฟังเมื่อสองคืนก่อน หากซีเซี่ยยอมสวามิภักดิ์ต่อต้าเซี่ย พวกเราจะโจมตีราชวงศ์เหลียวให้สูญสิ้นและดินแดนตรงนั้นก็จะกลายเป็นหยวนเป่ยเต้าของต้าเซี่ย”
“ท่านคงสงสัยใคร่รู้ว่าเหตุใดข้าถึงเลือกทำเช่นนี้ ในราตรีนั้นข้าได้บอกแล้วว่า… ข้าต้องการสร้างเส้นทางทองคำขึ้นมาและบังเอิญถนนสายนี้ได้ตัดผ่านซีเซี่ยกับราชวงศ์เหลียวพอดี เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกท่านกำลังขวางทางข้าอยู่ มิว่าจะเป็นท่านหรือเยลู่ชิงก็ล้วนต้องหลีกทางให้กับข้า”
“ส่วนวิธีการหลีกทางที่จะเลือกใช้ก็มีสารพัดรูปแบบ ยกตัวเช่น ยอมสวามิภักดิ์หรืออาจจะเลือกก่อสงครามเฉกเช่นราชวงศ์เหลียว… และท่านย่อมเลือกเส้นทางที่สามได้เช่นกัน…นั่นก็คือถูกเนรเทศ ข้าขอรับประกันเลยว่าจะมิตามไปสังหารท่านอย่างแน่นอน และข้าก็ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลราษฎรในซีเซี่ยให้ดีที่สุด”
ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมาราวกับว่าเขาให้เวลาท่าป๋าวั่งได้ซึมซับคำเอ่ยเหล่านั้น
ท่าป๋าวั่งคาดมิถึงเลยว่าเส้นทางทองคำที่ฟู่เสี่ยวกวนได้สาธยายอย่างออกรสในราตรีนั้นกำลังจะเป็นจริง !
เขาหลงคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนเพียงแค่สร้างมโนภาพเพื่อหลอกล่อให้ตนเข้าไปหาเงินตามแผนการที่เขาได้วางเอาไว้
สิ่งที่จักรพรรดิผู้นี้ให้ความสำคัญมาโดยตลอดก็คือเส้นทางสายไหม ทว่าบัดนี้แคว้นซีเซี่ยกับราชวงศ์เหลียวล้วนเป็นก้อนหินที่ขวางทางเดินของเขา
บัดนี้สถานการณ์ได้กระจ่างชัดแล้วว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยหวังว่าตนจะยอมสวามิภักดิ์ เพื่อที่จะได้ยกทัพไปตีราชวงศ์เหลียวได้อย่างสะดวกใจ
บัดนี้ท่าป๋าวั่งค่อนข้างมั่นใจแล้ว หากตนปฏิเสธความหวังดีของฟู่เสี่ยวกวน คนผู้นี้คงจะยกทัพไปตีซีเซี่ยจนแตกพ่าย
แคว้นล่มสลาย แคว้นแตกพ่ายและเผ่าพันธุ์ถูกทำลายล้างหรือถูกเนรเทศ นี่คือสามเส้นทางที่เขาได้ขีดไว้ให้เลือกเดิน ทว่าทุกเส้นทางล้วนต้องสูญเสียทั้งสิ้น
นอกเหนือจากเส้นทางที่กล่าวมา…ท่าป๋าวั่งมิรู้เลยจริง ๆ ว่าตนยังมีทางเลือกอื่นหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่
หรือว่าจะทำศึกกับประเทศต้าเซี่ยดี ?
ความคิดนี้ได้ฉายเข้ามาในหัวของท่าป๋าวั่งเพียงชั่วครู่เท่านั้น การเลือกเส้นทางนี้มิได้แตกต่างอันใดกับการที่แคว้นล่มสลายเลยสักนิด อีกทั้งยังเป็นการพาเหล่าทหารไปตายอย่างไร้ประโยชน์อีกด้วย
ดังนั้นตนจึงเลือกให้แคว้นซีเซี่ยกลายเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศต้าเซี่ย !
และคงมีเพียงเส้นทางนี้เท่านั้นที่จะสามารถช่วยรักษาความปลอดภัยของชาวซีเซี่ยได้ คงมีแค่หนทางนี้เท่านั้นที่ช่วยรักษาไว้ซึ่งชีวิตของสมาชิกราชวงศ์
ท่าป๋าวั่งค่อย ๆ ยืดกายขึ้นมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครา จากนั้นก็จ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยแววตามุ่งมั่นพลางเอ่ยอย่างรอบคอบว่า “เขตปกครองตนเองซีเซี่ยจะต้องเหมือนกับชื่อเล่อชวนทุกประการ”
“ท่านคิดผิดแล้ว”
ดวงตาของท่าป๋าวั่งหดเกร็งขึ้นมาทันใด เจ้ามิเห็นด้วยกับคำขอนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
“ข้าหมายความว่า…เขตปกครองตนเองซีเซี่ยต้องได้รับการเกื้อหนุนทางด้านการเงินจากส่วนกลางจำนวนมหาศาล ! นี่ย่อมแตกต่างจากชื่อเล่อชวน เพราะตอนที่เริ่มสถาปนาชื่อเล่อชวนใหม่ ๆ ที่นั่นทั้งยากจนและว่างเปล่า”
ความหวั่นวิตกของท่าป๋าวั่งพลันเหือดหายไปทันตา เขาเผยรอยยิ้มเห็นฟันออกมาราวกับว่าความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเนิ่นนานได้หายไปในห้วงเวลานี้
เขาโค้งตัวลงคำนับ “กระหม่อม…ท่าป๋าวั่ง ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“มิต้องมากพิธีรีตองหรอก นั่งลงเถิด จริงสิ ! ตัวข้าเป็นคนมิเน้นพิธีการสักเท่าใด ระหว่างจักรพรรดิกับขุนนาง…สองบทบาทนี้เพียงแค่มีหน้าที่ที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง มิมีผู้ใดสูงหรือต่ำ ประเดี๋ยวต่อไปท่านก็จะรู้เอง”
ท่าป๋าวั่งรู้สึกราวกับได้ยกภูเขาที่หนักอึ้งออกจากอก เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม รู้สึกว่าชาถ้วยนี้ช่างหอมหวานกว่าที่เคยดื่มมา
จากฮ่องเต้สู่ขุนนางมันทำให้เขาลังเลใจเพราะเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่ยากจะปล่อยวางมากที่สุดก็คือศักดิ์ศรี
ทว่าบัดนี้เขาปล่อยวางมันลงแล้ว รู้สึกว่ามีศักดิ์ศรีไปมันก็แค่นั้น
หากนำไปเปรียบเทียบกับการทำให้ชาวซีเซี่ยหลายสิบล้านคนได้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ศักดิ์ศรีนี้…มิมีก็ช่างปะไร
คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงราชวงศ์เหลียว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หุบลงทันใด “ทูลฝ่าบาท พระองค์ต้องการยกทัพไปตีราชวงศ์เหลียวจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เว้นแต่ราชวงศ์เหลียวจะยอมสวามิภักดิ์เสียก่อน”
“กระหม่อมได้ยินมาว่า…เยลู่ชิงซุ่มฝึกกองทัพแสนยานุภาพสูงจำนวนหลายแสนนายพ่ะย่ะค่ะ ! ”
นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุให้ท่าป๋าวั่งตัดสินใจยอมศิโรราบต่อต้าเซี่ย !
เนื่องจากกองทัพอาชาทมิฬซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของแคว้นซีเซี่ยหลงเหลืออยู่เพียงห้าหมื่นนายเท่านั้น
มองผิวเผินเหมือนว่ากองทัพหลักของราชวงศ์เหลียวเหลือเพียงแค่สองแสนกว่านายเท่านั้น แต่ความเป็นจริงตนได้รับรายงานว่าที่ภูเขาต้าเซียนเปยมีกองทัพที่แปลกออกไปจากกองทัพของราชวงศ์เหลียว ซุ่มฝึกฝนอยู่หลายแสนนาย !
เมื่อเขาทราบข่าวนี้ก็ตั้งมั่นว่าต้องมาเยือนแคว้นต้าเซี่ยให้จงได้ เพราะรู้ตัวดีว่าซีเซี่ยมิมีทางรบชนะกองทัพนั้นของราชวงศ์เหลียวได้เลย
“ข้าทราบแล้ว ! เพราะเหตุนี้ข้าถึงต้องยกทัพไปตีราชวงศ์เหลียว”