นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1058 จับกุม
ตอนที่ 1058 จับกุม
สงครามที่แม่น้ำเย๋ซุ่ย เมื่อกองทัพของกวนเสี่ยวซีเดินทางมาถึง ก็พบว่าทหารฝ่ายศัตรูแทบจะมิเหลือแล้ว
ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเช่นนี้ ทหารแห่งราชวงศ์เหลียวได้ยอมจำนน พวกเขาวางอาวุธลงและนั่งอยู่บนพื้นหญ้าที่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด รอคอยการไต่สวนของคู่ต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ
“หาเยลู่ฮัวพบแล้วหรือยัง ? ” ท่าป๋าเฟิงตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
“รายงานท่านแม่ทัพ พวกเรายังหาเขามิพบขอรับ ! ”
“จงแบ่งกองกำลังบางส่วนคอยเฝ้าเชลยเหล่านี้เอาไว้ ทุกคนที่เหลือจงออกไปค้นหาให้ทั่ว ต้องหาเยลู่ฮัวให้พบ นำตัวมันมาให้ได้ ถึงตายก็ต้องลากศพมันกลับมา ! ”
“รับทราบขอรับ ! ”
กวนเสี่ยวซีเดินตรงเข้ามา ยืนอยู่เบื้องหน้าท่าป๋าเฟิงแล้วเอ่ยถามว่า “เห็นเซวี๋ยติ้งชานและเซวี๋ยติ้งเหอสองพี่น้องนั่นหรือไม่ ? ”
“ข้าพบพวกเขาแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ดี ว่าแต่…กองพลทหารม้าของเจ้าทั้งสองกองเหลือกำลังพลเพียงแค่ 300 นายเท่านั้น ข้าสั่งให้พวกเขารอเจ้าอยู่ที่เดิมมิใช่หรือ ? มีอันใดเยี่ยงนั้นหรือ เจ้ามิพบพวกเขาหรือ ? ”
กวนเสี่ยวซีนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาวางใจลงมิน้อย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “มิมีผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว”
“แล้วพวกเขา…” ท่าป๋าเฟิงเงยหน้าขึ้น พลางจ้องมองไปทางแม่น้ำเย๋ซุ่ยที่กำลังไหลเชี่ยว “เยลู่ฮัวน่าจะข้ามแม่น้ำไปแล้ว”
จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า “ทหารกองพลที่หนึ่ง ข้ามแม่น้ำติดตามไป ! ”
กวนเสี่ยวซีหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง จากนั้นก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นผลงานการทำสงครามครานี้ ข้าจะมิเกรงใจเจ้าแล้วนะ…”
“กองพลที่หนึ่ง จงใช้วิชาตัวเบาติดตามข้าข้ามแม่น้ำนี้ไป ! ”
เมื่อสิ้นคำสั่งของกวนเสี่ยวซี ท่าป๋าเฟิงก็หัวเราะขึ้นแห้ง ๆ ออกมา “อย่าคิดว่ากองทัพของเจ้ามีวรยุทธ์เพียงกองทัพเดียว ข้าก็มีกององครักษ์เช่นกัน…”
“ท่าป๋าฉู่ จงนำกององครักษ์จำนวน 1,000 นายติดตามข้าข้ามแม่น้ำไป ! ”
เขาจ้องมองไปยังกวนเสี่ยวซี ที่บัดนี้กำลังทำหน้างุนงง “พวกเรามาแข่งกันว่าผู้ใดจะวิ่งได้เร็วกว่ากันดีหรือไม่ ! ”
ที่แม่น้ำเย๋ซุ่ย ร่างของพวกเขาข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา พวกเขาค่อย ๆ หายลับไปทีละคน ๆ
จากนั้นมินาน หยูเวิ่นเทียน ท่าป๋าวั่ง ท่าป๋าฮวงก็ได้พาทหารม้าจำนวน 50,000 นายเดินทางมาถึงที่นี่ พวกเขาพบว่าทุกสิ่งที่นี่ได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บกวาดสนามรบ
“ผู้บัญชาการของพวกเจ้าเล่า ? ”
“รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ ผู้บัญชาการของพวกเรา เขา…พวกเขาได้พากองทัพจำนวนหนึ่งข้ามแม่น้ำเพื่อไล่ตามเยลู่ฮัวไปแล้วขอรับ”
“อืม…เอาเถิด แล้วเชลยศึกเล่ารวมตัวกันอยู่ที่ใด ? ”
“เชิญแม่ทัพใหญ่ตามข้าน้อยมาขอรับ”
ท่าป๋าวั่งจ้องมองไปยังซากศพที่กองรวมกันเป็นภูเขาเลากานี้ จากนั้นก็นิ่งเงียบไปเนิ่นนาน อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยกับท่าป๋าฮวงที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เจ้าว่า…มีทหารราชวงศ์เหลียวตกตายไปเท่าใด ? ”
ท่าป๋าฮวงจึงมองไปยังกองซากศพที่โลหิตเจิ่งนองดุจทะเลสาบนี้พลันรู้สึกเอ่ยอันใดมิออก เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มิได้มีเพียงกองเดียวเท่านั้น ทว่ามีหลายกองด้วยกัน
“เกรงว่านับแสนคน ! ”
ท่าป๋าวั่งพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปด้านซ้าย ซึ่งเป็นค่ายของเชลยศึก มิรู้ว่าเชลยที่นั่งกองรวมกันมากมายเหล่านั้นเป็นคนจำนวนเท่าใด
“นี่คือความสามารถในการต่อสู้ของต้าเซี่ย บัดนี้เจ้ายังรู้สึกว่าข้าเลือกผิดอยู่อีกหรือไม่ ? ”
อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งซีเซี่ย ท่าป๋าฮวงอาจจะมิได้เอ่ยออกมาเรื่องที่ฝ่าบาทยอมแพ้และเข้าร่วมกับต้าเซี่ย ทว่าในใจของเขานั้นยังคงมิยอมรับ
ประเทศต้าเซี่ยเยี่ยงนั้นหรือ ? อืม…ช่างมิคุ้นเอาเสียเลย
เขามิรู้หรอกว่าประเทศนี้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากเพียงใด
ทว่าบัดนี้เขาเข้าใจแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาเปียกโชกขึ้นมาทันใด มิใช่เพราะสายฝนแต่อย่างใด เป็นเพราะเหงื่อต่างหากเล่า
เขาจึงคารวะท่าป๋าวั่งแล้วเอ่ยออกมาว่า “ฝ่าบาททรงฉลาดหลักแหลมมากยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“อย่าเรียกข้าว่าฝ่าบาทอีกเลย จงเรียกข้าว่าท่านผู้ว่าราชการ ! ”
“ไปกันเถิด… พวกเราไปดูว่าต้าเซี่ยจับเชลยศึกได้มากเท่าใด ดูสิว่าพวกเขาจะจัดการเยี่ยงไรกับเชลยศึกเหล่านั้น”
“รับทราบขอรับท่านผู้ว่าราชการ ! ”
……
……
ฝนเริ่มซาลงแล้ว
เยลู่ฮัวพาองครักษ์จำนวน 1,000 นายร่อนเร่หลบหนี มิต่างอันใดกับสุนัขจรจัด
แล้วจะไปที่ใดดีเล่า ?
อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกมืดมนและสับสนขึ้นมา พลางครุ่นคิดในใจว่าใต้หล้าที่กว้างใหญ่นี้ มิมีแม้แต่สถานที่ให้เขาซุกหัวนอน
หนีกลับไปต้าติ้งก่อนก็แล้วกัน…หรือจะมิไปต้าติ้งดี หาหุบเขาที่มิมีผู้คนอาศัยอยู่แล้วสร้างเรือนหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้นดีหรือไม่ ?
เพียงแค่ข้ามคืน เขาก็ได้ตกลงมาจากบัลลังก์รัชทายาทสู่พื้นธรณี มิใช่ ! เขาสู้มิได้แม้แต่ฝุ่นผงบนพื้นธรณีเสียด้วยซ้ำ
เดิมทีตำแหน่งฮ่องเต้ที่เคยคิดว่าจะต้องได้มาอย่างแน่นอน… ฮึ ๆ เขายกยิ้มขึ้นเยาะเย้ยตนเอง “อำนาจฮ่องเต้เฮงซวย ! ”
“อ๊าก ๆ ๆ… ! ”
เยลู่ฮัวตะโกนออกมาเสียงดัง ราวกับว่าเขาต้องการปลดปล่อยความอึดอัดในใจออกมา อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์สิ้นดี
หากว่าเขามิได้ลอบสังหารเยลู่ตานอัครมหาเสนาบดีเฒ่าผู้นั้น หากว่าเขาเชื่อฟังเสด็จพ่อ แล้วให้ราชวงศ์เหลียวเข้าร่วมเป็นต้าเซี่ย
ตนจะตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้หรือไม่ แม้จะมิได้เป็นองค์รัชทายาทอีกต่อไป ทว่าการได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายทั้งชาติก็คงมิใช่ปัญหา
จะเป็นเหมือนตอนนี้หรือ !
เหตุใดทหารของต้าเซี่ยถึงได้เก่งกาจเพียงนี้กัน ?
มิรู้ว่าซูฉางเซิงเผชิญหน้ากับทหารต้าเซี่ยเหล่านี้แล้วหรือยัง ทหารจำนวน 450,000 นายของเขาเป็นเยี่ยงไรบ้าง
เขาอยากรู้และคาดหวังมากยิ่งนัก
หยูติ้งชานที่อยู่ไกลออกไปได้ยินเสียงเยลู่ฮัวร้องแหกปากออกมา หยูติ้งชานรู้สึกงุนงงมากยิ่งนัก “น้องข้า ! เจ้าว่าเจ้าหมอนั่นแหกปากทำไมเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เสียงร้องคร่ำครวญเหมือนพวกนกหรือสัตว์ป่าเหล่านั้น ก่อนที่พวกมันจะสิ้นใจตาย พวกมันก็จะร้องโหยหวนเช่นนี้มิใช่หรือ ? ”
“อืม ! ” หยูติ้งชานครุ่นคิดแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ทุกคน…รอให้ศัตรูเข้ามาในป่า จากนั้นก็เริ่มทำการโจมตีได้ทันที ! ”
“จงจำเอาไว้ว่าให้จับเป็นเยลู่ฮัว ! ”
ในขณะเดียวกัน กวนเสี่ยวซีและท่าป๋าเฟิงก็ได้พากองทัพนับพันนายของตนมุ่งหน้าไปจับเยลู่ฮัว
กั้วยวี่ชาน บัดนี้มิต่างอันใดกับนกตื่นธนู เขาหันหลังกลับไปมอง ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย เนื่องจากท่ามกลางสายฝนนั้นเขามองเห็นคล้ายกับเงาของมนุษย์กำลังกระโดดมุ่งหน้ามาทางนี้
ในตอนแรกเขาคิดว่าตนตาลาย จึงยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงจนแทบจะเป็นลมล้มพับ “ข้าศึกบุก ! ”
เยลู่ฮัวที่นั่งอยู่บนหลังม้าตื่นตกใจจนเกือบจะตกลงจากอานม้า เขารีบหันกลับไปมอง “ไอหยา…สวรรค์ ! ”
“อย่าเผชิญหน้า ! รีบหนีเร็วเข้า ! ”
“ฝ่าบาท ! รีบหนีเข้าไปในป่าเถิด หลังจากเข้าไปในป่าแล้ว ให้หาสถานที่หลบซ่อนตัวให้ดี กระหม่อม…กระหม่อมจะไปขวางพวกเขาเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ท่านราชครู ข้า…ข้าจะจดจำท่านตลอดไป ! จงนำทหาร 800 นายไปเถิด ! ”
เยลู่ฮัวนำองครักษ์จำนวน 200 นายหลบหนีเข้าไปในป่า
กั้วยวี่ชานอีกทั้งองครักษ์จำนวน 800 นายมิได้หลบหนีไปที่ใด พวกเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เยลู่ฮัวหันหลังกลับไปมองเป็นคราสุดท้าย ชีวิตนี้…อย่างน้อยก็ยังมีผู้ที่ยินยอมสละชีวิตเพื่อตน
ก่อนหน้านี้เขาควรจะปฏิบัติต่อกั้วยวี่ชานให้ดีกว่านี้สักหน่อย
ท่าป๋าเฟิงและกวนเสี่ยวซีใช้วิชาตัวเบากระโดดมาหยุดอยู่เบื้องหน้ากั้วยวี่ชาน พวกเขาเพิ่งจะได้ยกดาบขึ้นมามิทันไร ก็ได้ยินกั้วยวี่ชานเอ่ยออกมาว่า “ท่านแม่ทัพ ! องค์รัชทายาทได้หลบหนีเข้าไปในป่าแล้ว ท่านส่งคนไปกุมตัวเถิด พวกข้า…พวกข้าขอยอมแพ้แล้ว ! ”
เมื่อกวนเสี่ยวซีได้ยินดังนั้น จึงจัดแจงทหารจำนวน 300 นายให้คอยเฝ้าพวกกั้วยวี่ชานเอาไว้ ส่วนตนและท่าป๋าเฟิงได้เข้าไปในป่า
ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางป่าเขาก็ได้ปรากฏเสียงดังขึ้นว่า “ฆ่า ! ” ตามมาด้วยเสียงต่อสู้ของดาบ จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังตามมา ท่าป๋าเฟิงรีบเข้าไปในป่าทันที จากนั้นก็ยืนตกตะลึงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น
ต่อมากวนเสี่ยวซีจึงได้หัวเราะออกมาเสียงดังว่า
“ฮ่า ๆ ๆ ! ท่าป๋าเฟิง สุรามื้อนี้ข้าคงต้องเลี้ยงเจ้าแล้วล่ะ ! ”
บัดซบ !
ท่าป๋าเฟิงจ้องหยูติ้งชานและหยูติ้งเหอสองพี่น้องที่กุมตัวเยลู่ฮัวเอาไว้ จากนั้นก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาทันใด เจ้าสองคนนี้ช่างฉลาดหลักแหลมมากยิ่งนัก พวกเขาเข้ามาหลบอยู่ในป่าตั้งแต่เมื่อใดกัน ?
“ท่านแม่ทัพกวนขอรับ ภารกิจลุล่วงแล้ว ! ” หยูติ้งชานยกมือขึ้นคารวะจากนั้นก็ยิ้มซื่อ ๆ ออกมา
“ยอดเยี่ยมมาก ! เมื่อกลับไปยังฐานทัพแล้ว ข้าจะตกรางวัลให้พวกเจ้าทั้งสองอย่างงาม จากผลงานในครานี้คาดว่าตำแหน่งผู้บังคับบัญชาคงจะหนีพวกเจ้าไปที่ใดมิพ้นเป็นแน่ ! ”
“ช้าก่อน ! นี่แม่ทัพกวน ต้องข้าสิถึงจะเป็นผู้บัญชาการทหารม้าอย่างแท้จริง เจ้าสองคนนี้มอบให้ข้าได้หรือไม่ ? ”
กวนเสี่ยวซีเหล่ตามองท่าป๋าเฟิง “ฮึ ๆ เจ้าคิดอันใดอยู่กัน ? จะเอาดวงใจของข้าไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เขาตบลงบนบ่าของท่าป๋าเฟิงพลางเอ่ยว่า “ไปกันเถิด ! ท่านแม่ทัพใหญ่หยูเวิ่นเทียนคงใกล้ถึงแล้ว หลังจากจัดระเบียบกองทัพเรียบร้อยแล้ว พวกเรายังต้องรีบเดินทางไปยังเมืองต้าติ้งอีก”