นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1081 แบบใดคือแผนการที่ดี
ตอนที่ 1081 แบบใดคือแผนการที่ดี
รัชสมัยต้าเซี่ยที่หนึ่ง เดือนแปด วันที่สิบห้า เทศกาลไหว้พระจันทร์ เหลือเวลาอีกห้าวันเท่านั้นก่อนจะถึงวันที่ยี่สืบ เดือนแปด ซึ่งหนิงหยู่ชุนได้เรียกให้ขุนนางทั้งสามจวนโจวสิบสองรัฐเข้ามาร่วมการประชุมใหญ่
รายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกจากเฉินไป๋ชิวอดีตเสนาบดีกรมขุนนางแห่งราชวงศ์เหลียวได้มาอยู่ในมือของหนิงหยู่ชุนแล้ว นอกเหนือจากเฉินไป๋ชิวและหนิงหยู่ชุนแล้ว ก็มิมีผู้ใดทราบว่าภายในกระดาษรายชื่อนั้นมีนามของผู้ใดอยู่บ้าง
หากมิมีชื่ออยู่ในรายชื่อเหล่านั้น ก็หมายความว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถือว่าไร้วาสนากับตำแหน่งขุนนางของประเทศต้าเซี่ย ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเรียกไปชำระความ
จนถึงวันนี้หนิงหยู่ชุนก็ยังมิได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างขุนนางของราชวงศ์เหลียว เขากำลังรอให้ถึงวันที่ยี่สิบเดือนแปด
ในวันนั้น…จะถือเป็นวันเริ่มต้นใหม่ของหยวนเป่ยเต้า เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของขุนนางจำนวนหนึ่ง และเป็นวันที่จะพาขุนนางจำนวนมากเข้าสู่ความมืดอีกด้วย รวมไปถึงเหล่าขุนนางในวังหลวงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
หลายวันมานี้ซ่งไคหมิงเสนาบดีกรมกลาโหมรู้สึกอยู่มิสุข เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมดังเดิม ทว่าแท้จริงแล้วอำนาจของเขาได้ถูกพรากไปตั้งแต่วันที่ต้าติ้งแตกพ่ายแล้ว
อำนาจควบคุมกองกำลังป้องกันเมืองตกอยู่ในมือของจ่งตูหนิงหยู่ชุน กองทัพบกต้าเซี่ยที่ประจำการอยู่นอกเมืองต้าติ้ง 10,000 นายก็อยู่ในการควบคุมของหนิงหยู่ชุนเช่นกัน
นี่ย่อมมิใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ในฐานะอดีตผู้อาวุโสที่อยู่ฝ่ายองค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทายาทถูกขังเอาไว้ในคุกหลวง กลับกันฝ่ายองค์ชายรองเยลู่ซู่ยอมจำนน เขาจึงสามารถเดินลอยหน้าลอยตาไปมาได้ !
ถึงแม้เยลู่ซู่จะมิมีอำนาจอันใด ทว่าเขาก็ยังสามารถอาศัยอยู่ในวังได้ตามปกติ ทั้งยังมีอิสระดังเดิม ดูเหมือนว่าจะรอจัดการเขาในภายหลัง ตอนที่จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ยเดินทางมาถึงที่นี่
จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ยกำลังเสด็จประพาสมายังเมืองต้าติ้งแห่งนี้ ถึงแม้จะเดินทางช้ามากยิ่งนัก ทว่าระยะทางก็กำลังร่นเข้ามาใกล้เมืองต้าติ้งเข้าไปทุกที
ณ จวนซ่ง ซ่งไคหมิงยืนอยู่ในเรือนพลางจ้องมองไปยังจันทราที่สว่างไสว โดยที่ในใจนั้นยากที่จะสงบลงได้ ตนเหมือนกับเต่าในโกศ จะหนีก็หนีมิพ้น จะบินหนีรอบด้านก็มีแต่กำแพงสูงขวางกั้น
ตนเองย่อมเข้าใจในเรื่องที่เคยทำลงไปอย่างชัดแจ้ง เงินและเสบียงทางทหารที่ฉ้อฉลมาด้วยความโลภถูกซ่อนไว้ในอุโมงค์ใต้ดินจนอันแน่นเต็มอุโมงค์
เดิมทีได้เตรียมการเอาไว้เพื่อให้องค์รัชทายาทแย่งชิงบัลลังก์ บัดนี้องค์รัชทายาทได้กลายเป็นนักโทษแล้ว เงินทองจำนวนมากนี้ได้กลายเป็นมันฝรั่งที่ลวกมือไปแล้ว การป้องกันประตูเมืองเข้มงวดเป็นอย่างมาก มิมีทางที่จะลอบขนออกไปได้เลย
หากมีคนลอบปล่อยข่าวหรือฟ้องเรื่องของตนเพื่อความก้าวหน้าในอนาคต… เช่นนั้นเกรงว่าตนคงได้กลายเป็นเพื่อนร่วมบ้านขององค์รัชทายาทเป็นแน่
จะทำเยี่ยงไรดี ?
เทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ครึกครื้นในปีที่ผ่าน ๆ มา วันนี้กลับต้องหยุดลงเพราะเขาด่าทอไปเสียยกใหญ่ เหล่าภรรยาและอนุก็ช่างใจใหญ่เสียจริง ใต้หล้าได้เปลี่ยนผู้ปกครองไปแล้วยังทำมิรู้ร้อนรู้หนาวอยู่อีก เฮ้อ…
“ไปเรียกหัวหน้าพ่อบ้านมาพบข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”
เขาเดินเข้าไปในศาลา ต้มชาหนึ่งกา มิว่าเยี่ยงไรก็ต้องหาหนทางรอดให้ได้ หากตนไร้หนทาง…มิว่าเยี่ยงไรก็ต้องหาหนทางให้กับบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ ให้จงได้
เฉาเหอเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของเขา ทั้งยังเป็นผู้ช่วยในกองบัญชาการที่เขาไว้ใจได้มากที่สุดอีกด้วย เขาต้องการถามวิธีการจากเฉาเหอ ต้องทำเยี่ยงไรถึงจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ได้
เฉาเหอเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ในฐานะพ่อบ้านอาวุโสของจวนซ่ง เขาย่อมเข้าใจทิศทางลมที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เกรงว่าฝนจะตกลงมาบนศีรษะของนายท่านเสียแล้ว
“นายท่านขอรับ”
“นั่งลง ! ”
“ขอบคุณขอรับ ! ”
“เฉาเหอ…สถานการณ์ในตอนนี้ ข้าอยากจะประจันหน้าโดยที่ราชรถมิได้รับความเสียหาย…สามารถทำได้หรือไม่ ? ”
เฉาเหอขมวดมุ่น เขาส่ายหน้าเบา ๆ “ราชรถของฝ่ายตรงข้ามได้ข้ามแม่น้ำมาแล้ว พวกเขาครองกระดานที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขายังมิได้เคลื่อนไหวอันใด ทว่าแท้จริงแล้วพวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ”
ซ่งไคหมิงคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นก็รินชาให้กับเฉาเหอหนึ่งจอก “ถ้าหากทิ้งราชรถไปเล่า จะสามารถขอสงบศึกได้หรือไม่ ? ”
“เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามได้ควบคุมทั้งกระดานแล้ว ทว่าพวกเขากลับมิรุกฆาต… บ่าวคิดว่าบางทีอาจจะกำลังรอให้นายท่านเป็นฝ่ายขอสงบศึกก่อนขอรับ”
“เอ่ยว่า…เป็นไปได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ในตอนนี้มิมีหนทางอื่นอีกแล้วขอรับ มีเพียงแต่ต้องลองเท่านั้นขอรับ”
“หากฝ่ายตรงข้ามมิยอมสงบศึกด้วยเล่า ? ”
เฉาเหอลุกขึ้นยืน จากนั้นก็โค้งคำนับ “หมากกระดานนี้มิสามารถพลิกได้แล้ว หากฝ่ายตรงข้ามมิยอมสงบศึกด้วย… นายท่าน โปรดขอสงบศึกเพื่อคุณชายและคุณชายน้อยด้วยเถิดขอรับ”
“ต้งจื่อกวนเสนาบดีกรมขุนนางก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เรียนนายท่าน…ยามค่ำวันนี้ต้งจื่อกวนได้ออกจากจวนไป เขาเดินทางไปยังวังหลวง จนถึงบัดนี้ก็ยังมิกลับมาเลยขอรับ”
ซ่งไคหมิงขมวดคิ้วมุ่น “ชายชราเยี่ยงข้า…บัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดี ? ”
เฉาเหอนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ “บ่าวคิดว่า นายท่านควรใช้ของที่อยู่ในอุโมงค์ใต้ดินรวมถึง…หลักฐานการฉ้อโกงอย่างลับ ๆ ของอดีตขุนนางราชวงศ์เหลียวที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อองค์รัชทายาทจำนวน 1,800 คน เพื่อขอหนทางรอดให้กับบุตรและหลานของท่านขอรับ”
ดวงตาของซ่งไคหมิงหดตัวลงทันใด ในอุโมงค์ใต้ดินมีเงินทั้งหมดสี่ล้านกว่าตำลึง ทั้งยังต้องเพิ่มรายชื่อขุนนางที่ฉ้อโกงอีก 1,800 ชื่อถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนกับหนทางรอดของบุตรและหลานได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
“แต้มต่อนี้มิใช่ว่ามากเกินไปหรอกหรือ ? ”
“นายท่าน…ทั้งหมดนี้สามารถคาดโทษไปที่องค์รัชทายาทได้ ข้าน้อยขอเอ่ยบางอย่างที่มิเหมาะสม… นายท่านขอรับเรื่องนี้เกรงว่าจะมีคนนำไปมอบให้กับจ่งตูหนิงหลายฉบับแล้ว หากแต้มต่อมิมากพอจะได้รับความกรุณาจากท่านจ่งตูหนิงได้เยี่ยงไรเล่าขอรับ ? ”
ซ่งไคหมิงสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ สองมือไขว้หลังและเดินวนไปวนมาภายใต้แสงจันทรานับสิบรอบ
ลำบากลำบนมาสิบกว่าปี พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาเงิน กลับกลายเป็นการตัดชุดเจ้าสาวให้กับเขาไปเสียได้ !
เขาเงยหน้าขึ้นมองจันทรา จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด “หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ข้าคงมิเริ่มทำหรอก”
“เตรียมรถม้า นำรายชื่อเหล่านั้นมา ข้าเองก็ต้องไปวังหลวงเพื่อร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์กับท่านจ่งตูผู้นั้นเช่นกัน ! ”
…..
…..
ณ จวนโจวว่านเซิ่งโจว
ฟู่เสี่ยวกวนและคณะได้มาถึงที่นี่ 2 วันแล้ว นายอำเภอเฉียนผู้นั้น ถูกฟู่เสี่ยวกวนปลดออกและโยนเข้าคุกไปโดยปริยาย
นี่คือเรื่องที่สะเทือนขวัญไปทั่วทั้งเมืองว่านเซิ่ง !
หลังจากที่ประกาศแผ่นนั้นถูกนำออกมาติด ชาวบ้านในเมืองว่านเซิ่งก็วิ่งออกมากู่ร้องด้วยความดีใจกับประกาศที่คาดมิถึงนี้ !
“สวรรค์เมตตาพวกเราแล้ว ! ”
“ในที่สุดสวรรค์ก็ทรงทอดพระเนตรลงมา ในที่สุดเจ้าสุนัขเฉียนป๋ายว่านก็ได้รับผลกรรมเสียที”
“ได้ยินมาว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้ส่งเสนาบดีอาวุโสมากวาดล้างขุนนางทุจริตเหล่านี้โดยเฉพาะ ! ”
“จริงหรือ ? เช่นนั้นก็คงเป็นงานหนักแล้วล่ะ เพราะราชวงศ์เหลียวมีขุนนางที่ทุจริตมากมายเสียจริง หากเขาจัดการกับขุนนางทุจริตเหล่านั้นจนหมด…เกรงว่าหยวนเป่ยเต้าแห่งนี้จะหลงเหลือขุนนางเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถขึ้นฝั่งไปได้อย่างปลอดภัย”
“เยี่ยงไรเสียนี่เป็นเรื่องที่ดี สังหารขุนนางโฉด ล้างบางตระกูลของพวกมันเก้าชั่วโคตร ให้พวกขุนนางเกิดความเกรงกลัว กลัวไปถึงแกนกระดูก เยี่ยงนี้ขุนนางที่มารับช่วงต่อก็จะมิกล้าทำชั่วอีก ! ”
“ฮ่า ๆ พวกเจ้าอย่าได้ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเลย หนึ่งโอรสสวรรค์หนึ่งราชสำนัก ไฟของขุนนางชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งกำลังลุกโชน จะสามารถแผดเผาไปได้นานเท่าใด คอยดูผลที่ตามมาเถิด”
“…..”
เหล่าราษฎรย่อมมีการวิจารณ์ที่แตกต่างกันออกไป ในยามที่พวกเขาปรบมือแสดงความดีใจที่เฉียนป๋ายว่านถูกคุมขัง แต่พวกเขาก็รู้สึกสับสนและงุนงงกับอนาคตไปด้วยพร้อม ๆ กัน
ท้ายที่สุดแล้วนี่มิใช่เรื่องที่พวกเขาจะสามารถคาดการณ์ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย
“หากจักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ยทรงพระปรีชา… เกรงว่าข้าและเหล่าราษฎรทั้งหลายทั้งปวงจะสามารถมีวันที่ดีขึ้นมาได้ในมิช้า”
ฟู่เสี่ยวกวนถือจอกสุราพลางเงยหน้าขึ้นมองจันทรา สองหูฟังรายงานจากสายลับของหอเทียนจีไปด้วย ทว่าเขากลับยกยิ้มขึ้นมา “นี่เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยพวกเขาก็กล้าที่จะซักถาม น่าเสียดายที่พวกเขามิกล้าที่จะควบคุม”
“ดังนั้นขุนนางทุกคนจึงเป็นเหมือนตัวแทนรูปลักษณ์ของประเทศต้าเซี่ย อึหนูหนึ่งก้อนสามารถทำลายโจ๊กหนึ่งชามได้โดยแท้จริง”
“หอเทียนจีและฝ่ายตรวจการต้องทำการควบคุมขุนนางอย่างเคร่งครัด ทว่านี่มิใช่แผนการที่ดี”
ฉินปิ่งจงเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วแบบใดคือแผนการที่ดีกัน ? ”
“มีเพียงแต่ต้องกำจัดกรงนกที่คุมขังราษฎรออกไปเท่านั้น หากราษฎรกล้าที่จะเป็นผู้ควบคุม แบบนั้น…ถึงจะเรียกว่าแผนการที่ดี ! ”