นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1085 แผนการใหญ่
ตอนที่ 1085 แผนการใหญ่
หลังจากที่ได้เปิดการประชุมขนาดย่อมในห้องทรงพระอักษร ณ วังหลวง ก็ได้มีการพาดหัวข่าวสำคัญสองเรื่องด้วยกันบนหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ย
แบบภาพวาดพิมพ์เขียว รูปแบบเศรษฐกิจใหม่เอี่ยมของต้าเซี่ยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว !
สามสำนักได้ส่งเจ้าหน้าที่รุดหน้าไปทั้งเจ็ดประเทศแล้ว และประเทศต้าเซี่ยก็ได้สร้างสถานทูตขึ้นมาในเจ็ดประเทศอาณานิคมนั้น เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต้าเซี่ยกับประเทศอาณานิคมทั้งเจ็ด
เกิดความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงกับโครงสร้างของชนชั้นบัณฑิต เกษตรกร ช่างฝีมือ และพ่อค้า เหล่าพ่อค้าออกมาต้อนรับฤดูใบไม้ผลิของพวกเขาแล้ว…
ตะลึง มีบุตรมากก็ออกต้นได้มาก มีบุตรชายหรือมีบุตรีก็สามารถร่ำรวยได้ !
วันนี้กรมคลังได้ออกหนังสือเรียกร้องให้หนุ่มสาวชาวต้าเซี่ยที่อยู่ในวัยที่เหมาะสมจะแต่งงาน หากพวกเขาให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรี 3 คน กรมคลังจะมีเงินรางวัลจำนวน 50 ตำลึงมอบให้ !
มิมีบุตรตอนนี้ แล้วจะรอไปถึงเมื่อใดกัน…
ปัจจุบันหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยได้กลายเป็นหนังสือพิมพ์ที่ขุนนางและราษฎรของต้าเซี่ยต้องอ่าน บนหนังสือพิมพ์ของทางการฉบับนี้ มีนโยบายใหม่จากทางราชสำนักส่วนกลาง มีการตีความของนโยบาย และมีทั้งข่าวซุบซิบที่ผู้คนจำนวนมากชอบฟัง เดี๋ยวนี้ทันทีที่หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยถูกปล่อยออกมา ก็จะทำให้เกิดการหารือในคนหมู่มากโดยปริยาย
เหล่าพ่อค้าย่อมให้ความสนใจกับข้อที่หนึ่ง นี่คือก้าวแรกของการเปิดการค้าระหว่างประเทศ !
ฝ่าบาทได้ตรัสเอาไว้เนิ่นนานแล้ว นี่คือเวทีขนาดใหญ่ทว่าก็โหดร้ายมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฝ่าบาทจะสร้างเวทีขนาดใหญ่นั่นขึ้นมาแล้ว เยี่ยงนั้นเหล่าพ่อค้าก็จำต้องขึ้นไปบนเวทีนี้ จะได้เฉิดฉายต่อไปบนเวที…หรือจะถูกกำจัดออกไปก็ต้องลองดูสักครา
แน่นอนว่า หากจะเอ่ยถึงการถูกกำจัดในตอนนี้ยังเร็วจนเกินไป สุดท้ายแล้วฐานผู้บริโภคภายในประเทศต้าเซี่ยก็ยังแข็งแกร่งดังเดิม
ทว่าหากผู้ใดสามารถยืนหยัดอยู่บนเวทีระดับสากลนี้ได้ ย่อมส่งผลดีอย่างคาดมิถึงต่อธุรกิจของครอบครัวของพวกเขาในอนาคต
พ่อค้าจำนวนมากต่างก็พร้อมที่จะลงมือแล้ว พวกเขาล้วนวาดหวังที่จะแสดงความสามารถบนเวทีใหญ่นี้
ทว่าเหล่าชาวบ้านทั่วไปกลับให้ความสนใจในหัวข้อที่สอง หากคลอดบุตรทางการจะแจกเงินจริง ๆ หรือ ?
หากคลอดบุตร 3 คนแล้วจะได้รับเงินรางวัล 50 ตำลึงจริงหรือ ?
นี่คือเงินก้อนใหญ่ !
สวัสดิการของราษฎรชาวต้าเซี่ยในตอนนี้ถือว่าดีมากยิ่งนัก เด็กสามารถเข้าศึกษาโดยที่มิต้องจ่ายเงินแม้แต่อีแปะเดียว คนชราหากมิต้องการไปบ้านพักคนชรา ก็สามารถขอรับเบี้ยชราที่ถือว่ามิเลวได้หนึ่งก้อน เงิน 50 ตำลึงสำหรับปุถุชนทั่วไป แท้จริงแล้วมันเพียงพอที่จะเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ได้
“เหล่าจาง… เจ้าเพิ่งจะมีบุตรเพียง 2 คนเท่านั้น รีบมีเพิ่มเถิด ! ”
“เฮ้อ…ข้าเองก็อยากมีเช่นกัน แต่อายุปาไป 50 ปีแล้ว ข้ารับมิไหวหรอก จะคลอดลูกอีกได้เยี่ยงไรกัน ? ”
“เยี่ยงนั้นก็บอกให้ลูกของเจ้ารีบมีบุตรสิ ! ”
“ยังมิได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ”
“รออันใดอีกเล่า บุตรีของหวางชาวปิ่งถึงแม้จะขาพิการไปหนึ่งข้าง ทว่าก็บริหารบ้านได้ยอดเยี่ยมยิ่ง บุตรชายของเจ้ามิมีทางคัดค้านหรอก รีบใช้ประโยชน์จากนโยบายนี้เถิด รีบจัดการเรื่องแต่งงานเสีย ขาพิการมิได้มีผลกระทบต่อการมีบุตรนี่ ! ”
“…ที่เจ้าเอ่ยมาก็เหมือนจะสมเหตุสมผล ! ”
“…..”
หลังจากที่หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยได้เผยแพร่ออกไป หลังจากหนึ่งเดือนให้หลัง ทั่วทั้งประเทศต้าเซี่ย รวมไปถึงเขตปกครองตนเองซีเซี่ยและหยวนเป่ยเต้าที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ ต่างก็ได้รับทราบนโยบายทั้งสองนี้แล้ว เหล่าพ่อค้าต่างก็วุ่นวายกับการเตรียมตัวขยายธุรกิจไปยังเจ็ดประเทศอาณานิคม ส่วนเหล่าคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยที่เหมาะสมจำนวนมากก็ได้แต่งงานกัน
อย่างเช่นหลิวต้าเถียนและหยูเหลียนที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยพบที่หมู่บ้านฮวงหลิน หรือแม้แต่หลี่ซิ่วไฉที่ต้องตาต้องใจสตรีร่วมหมู่บ้านอย่างหลิวชุ่ยฮวา
อย่างเช่นหวังเสี่ยวจ้วงและหยูรั่วซิง พวกเขายังมิได้แต่งงานกัน ทว่าหลังจากที่หวางเอ้อได้ไปพบเผิงยวี๋เยี่ยนที่ชนเผ่าหวานเหยียนในชื่อเล่อชวน เรื่องนี้ก็ได้ถูกกำหนดขึ้นมาในตอนนั้น
เผิงยวี๋เยี่ยนพาหยูรั่วซิงมายังโม่โจว เพราะกองทัพบกที่ห้าของหวังเสี่ยวจ้วงได้ถอยกลับไปยังฐานทัพแล้ว และหวังเสี่ยวจ้วงก็จะกลับไปจัดงานแต่งที่โม่โจวในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
ณ หยวนเป่ยเต้าสถานที่อันไกลโพ้น หยุนซีเหยียนที่ได้รับหนังสือพิมพ์นี้ก็ตื่นเต้นเป็นเวลานาน โหยวซีเฟิ่งปักหลักอยู่ที่เมืองต้าติ้ง ทั้งยังร่วมทำธุรกิจกับโจ่งหยูที่เมืองต้าติ้งอีกด้วย
ความตั้งใจของโหยวซีเฟิ่งได้เขียนไว้บนหน้าอย่างชัดเจนแล้ว ปัญหาในตอนนี้ก็คือต้องรอให้สำนักงานการค้าของหยวนเป่ยเต้ามั่นคงเสียก่อน แล้วเขาจะพาโหยวซีเฟิ่งกลับไปยังเมืองกวนหยุนเพื่อทำการสู่ขอจากเสนาบดีโหยว
“ซีเฟิ่ง เจ้าดูสิ ! นี่ย่อมเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาทเป็นแน่ หากคลอดบุตร 3 คนจะมีรางวัลให้ ! ”
โหยวซีเฟิ่งกลอกตาใส่หยุนซีเหยียนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ น้ำเสียงก็เบาราวกับยุงบิน “เจ้าขาดเงิน 50 ตำลึงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฮึ ๆ นี่มิใช่ข้ากำลังตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของฝ่าบาทอยู่หรอกหรือ นอกจากนี้ตระกูลหยุนของข้าก็มีแต่บุตรชายมาหลายชั่วอายุคน… เจ้าดูฝ่าบาทสิ เดิมทีคุณชายเศรษฐีที่ดินเยี่ยงพระองค์ก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวเช่นกัน ทว่าพระองค์ก็ได้แตกกิ่งก้านสาขาออกมามิใช่หรือ ? ”
“พระองค์ทรงอภิเษกชายาและพระสนมมากถึง 10 นางมิใช่หรือ…” โหยวซีเฟิ่งเหลือบมองหยุนซีเหยียน “หรือเจ้าก็อยากตบแต่งเพิ่มด้วยเช่นกันเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ไอหยา…ไม่ไม่ไม่ ! ” หยุนซีเหยียนโบกมือพัลวัน “ชีวิตนี้ข้ามีเพียงเจ้าก็พอแล้ว… ทว่าเยี่ยงไรเสียจักรพรรดินีก็ได้ให้กำเนิดพระธิดามาอีก 1 พระองค์ พระสนมหลานเองก็ได้กำเนิดพระโอรสอีก 1 พระองค์ พระนางต่างก็มีโอรสและธิดา 2 คนแล้ว ข้าคาดว่าหลังจากที่ฝ่าบาททรงเสด็จกลับไปครานี้…เกรงว่าคนที่สามก็อาจจะอยู่มิไกลเกินเอื้อม”
“ปากมาก ! ” โหยวซีเฟิ่งก้มหน้าหลบด้วยความเขินอาย “แต่งงานแล้วค่อยสนทนาเรื่องนี้อีกครา บุตรคือของขวัญที่ฟ้าประทานให้ ผู้ใดจะทราบได้กันว่าจะมีกี่คน”
หยุนซีเหยียนดีใจมากยิ่งนัก และจุมพิตลงไปบนใบหน้าได้รูปของโหยวซีเฟิ่ง “ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ข้าจะตรงไปสู่ขอ…”
“เฮ้อ ! ” หยุนซีเหยียนถอนหายใจยาวอีกครา โหยวซีเฟิ่งเอียงศีรษะมองใบหน้าเหี่ยวแห้งของเขาแล้วเอ่ยถามว่า “มีอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฝ่าบาททรงต้องการเปิดการค้าระหว่างประเทศ… เจ้าคงมิทราบ…ข้าเคยได้ยินมาจากซังเหลียงเมื่อนานมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน ยามที่ฝ่าบาทยังอยู่ที่ราชวงศ์หยู พระองค์ได้ไปเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋ พระองค์ได้เอ่ยถึงเรื่องการค้าระหว่างประเทศขึ้นมาแล้ว”
“การค้าระหว่างประเทศคืออันใดน่ะหรือ ? ”
“ก็คือการค้าสากลระหว่างประเทศ เป็นการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ฝ่าบาททรงมีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลอย่างแท้จริง ในตอนนั้น พระองค์ที่ยังทรงพระเยาว์ได้เอ่ยถึงการค้าระหว่างประเทศขึ้นมา บัดนี้ต้องดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น พระประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดของฝ่าบาทก็คือเปิดการค้าระหว่างประเทศกับประเทศที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทร ! ”
“พระองค์ตรัสว่าในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้ากรมการค้า เกรงว่าจะมีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการในปีหน้า และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องออกไปเยือนทั้งเจ็ดประเทศนั้น เพื่อลงนามการค้าระหว่างประเทศและเพื่อดำเนินอนุญาโตตุลาทางการค้าหรืออื่น ๆ ”
“ทั้งเจ็ดประเทศนี้ถือว่ายังดีที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน หากฝ่าบาททรงยื่นพระหัตถ์ไปยังอีกฟากฝั่งมหาสมุทรขึ้นมาอย่างแท้จริง ได้ยินมาว่าเพียงแค่เดินเรืออยู่ในทะเลก็ใช้เวลามากถึงครึ่งปีแล้ว… เยี่ยงนั้นการเดินทางไปกลับก็ต้องใช้เวลามากถึง 1 ปีมิใช่หรือ ? ”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ หยุนซีเหยียนก็ค่อนข้างเป็นกังวล เขากุมมือของโหยวซีเฟิ่งเอาไว้ “มิได้การ ! พวกเราต้องออกเดินทางกลับตั้งแต่ตอนนี้ และต้องแต่งงานก่อนสิ้นปี เจ้าเห็นว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
โหยวซีเฟิ่งทราบเพียงว่าวันปกติหยุนซีเหยียนก็ยุ่งเสียจนเท้าแทบมิแตะพื้น นางคิดว่าหากจัดการเรื่องราวที่หยวนเป่ยเต้าเสร็จแล้ว เขาคงจะสบายขึ้นมาบ้าง ทว่าคาดมิถึงว่าวันข้างหน้าจะวุ่นวายยิ่งกว่านี้… นี่มันยุ่งจนมิมีทางได้กลับบ้านเลยมิใช่หรือ !
“ดี…เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถิด ! ”
โหยวซีเฟิ่งได้รับปากอย่างเด็ดขาดแล้ว ทันทีที่เอ่ยจบ หนิงหยู่ชุนก็ได้เดินเข้ามา
“นายท่านหยุน จดหมายจากฝ่าบาท” หนิงหยู่ชุนนั่งลงข้าง ๆ หยุนซีเหยียน “ฝ่าบาทเรียกให้เจ้ากลับไป ข้าเองก็ต้องกลับไปเช่นกัน”
“ข้าทราบอยู่แล้ว” หยุนซีเหยียนรับจดหมายฉบับนั้นมาอ่าน “จ่งตูหนิง… ข้าคาดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าจะมิใช่การเปิดการค้าระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว ข้าเกรงว่าฝ่าบาททรงกำหนดแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาต่อจากนี้ไว้แล้ว”
“ตามรายงานจากหอเทียนจี ผ่านหย่วนเป่ยเต้าไปจะเป็นแคว้นโหลวหลาน จากแคว้นโหลวหลานไปทางตะวันตกจะเป็นแคว้นชิวสือ สถานที่ตั้งของหยวนเป่ยเต้าเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมเส้นนี้ นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงยึดครองราชวงศ์เหลียวอย่างแท้จริง”
“ข้าคิดว่า…ท่านสามารถส่งกองกำลังไปคุ้มกันราชทูต ที่เดินทางไปยังแคว้นโหลวหลานได้”