นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1109 ความสุข
ตอนที่ 1109 ความสุข
“พี่ชูหลาน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าช่วงนี้เขาดูแปลกไปกัน ? ”
สตรีทั้งสิบต่างนั่งล้อมวงกันอยู่ในตำหนักเฟิ่งอี๋ของจักรพรรดินีหยูเวิ่นหวิน ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปยังห้องทรงพระอักษรแล้ว ต่งชูหลานจึงเรียกทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเตรียมเปิดประชุมเล็ก
แน่นอนว่ามิได้เกี่ยวข้องกับนโยบายของประเทศแต่อย่างใด ทว่าเกี่ยวกับบริษัทจินเฟิ่งทั้งหลาย
ระหว่างรอ…จางเพ่ยเอ๋อร์ได้เอ่ยถามด้วยความสงสัยขึ้นมา
ต่งชูหลานยิ้มบาง ๆ “รู้สึกว่าช่วงนี้เขากระตือรือร้นมากเกินไปใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่แล้ว…มักรู้สึกว่ามิค่อยเหมือนจริงสักเท่าใด ราวกับ ราวกับกำลังฝันอยู่ก็มิปาน”
หยูเวิ่นหวินเองก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน “บัดนี้ทั้งสี่ทิศของประเทศต้าเซี่ยก็สงบลงแล้ว เป็นความสงบของประเทศและราษฎรอย่างแท้จริง คิดว่าภายในใจของเขาก็คงผ่อนคลายลงมิน้อย นี่มิใช่ว่าดีมากหรอกหรือ นี่มิใช่ว่า…ในปีนี้วังหลังจะมีเด็ก ๆ เพิ่มขึ้นหรอกหรือ”
หนานกงตงเซวี๋ยและซือหม่าเช่อหน้าแดงระเรื่อ พวกนางทั้งสองลูบท้องไปมา เพียงคนผู้นี้ลงมือ พวกนางก็ตั้งครรภ์อีกแล้ว
ทว่าอู๋หลิงเอ๋อร์ค่อนข้างเหงาหงอย ตั้งแต่ที่คลอดอู๋เทียนซื่อ ก็มิมีสิ่งใดเคลื่อนไหวในท้องของนางอีกเลย และนางก็มิทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด
ด้วยเหตุนี้ นอกจากซูซูแล้ว เหล่าพี่สาวน้องสาวทั้งหลายต่างก็คลอดบุตรสองคนแล้ว ในตอนที่ราชสำนักกำลังตอบสนองต่อนโยบายของชาติและพัฒนาขึ้นไป ตนเองกลับล้าหลังกว่าผู้อื่น
“หากจะให้เอ่ย โชคดีที่เขาบรรลุไปสู่ขั้นที่หนึ่งแล้ว และโชคดีที่เขาฝึกฝนคัมภีร์พระสูตรเก้าหยางเช่นกัน คิก ๆ เขาจึงฮึกเหิมประดุจเสือและมังกร” ต่งชูหลานหัวเราะร่า “ข้าจะบอกให้ พี่สาวน้องสาวทั้งหลาย พวกเราก็อย่าได้คิดแต่เรื่องคลอดบุตรเลย เสี่ยวโหลวมาถึงแล้ว พวกเรามากันครบแล้ว วันนี้พวกเราจะมาสนทนาถึงเรื่องกลุ่มจินเฟิ่ง”
เมื่อต่งชูหลานเอ่ยเข้าเรื่อง คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็เงียบเสียงลง และตั้งใจฟังแผนการของต่งชูหลาน ในใจของสตรีทั้งเก้า ด้านธุรกิจและการเงิน พวกนางต่างก็นับถือต่งชูหลานอย่างถึงที่สุด
ที่กลุ่มจินเฟิ่งต้าเซี่ยสามารถมีสถานการณ์เฉกเช่นทุกวันนี้ได้ ก็แทบจะเอ่ยได้เลยว่ามาจากน้ำมือของต่งชูหลาน
ถึงแม้เสด็จแม่จะทรงแต่งตั้งผู้รับผิดชอบของแต่ละบริษัทแล้ว ทว่าพวกนางก็มิได้มีประสบการณ์ด้านการค้าสักเท่าใดนัก กงล้อใหญ่ของเรือพาณิชย์กลุ่มจินเฟิ่งนี้ ต่างก็อาศัยหางเสือของต่งชูหลานเป็นหลัก
“ข้าคิดเอาไว้เยี่ยงนี้ การค้าปลากระป๋องที่ถูกส่งมาจากหยวนตงเต้ามิเลวเลยทีเดียว ทว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินทุน กำลังการผลิตจึงมิเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของอาหารกระป๋องมิสูงมากนัก”
“เพ่ยเอ๋อร์ เจ้ารับผิดชอบด้านอาหาร ข้าตัดสินใจจะส่งคนไปยังหยวนตงเต้าสักครา เพื่อเจรจาการค้าร่วมกันกับเถิงหยวนจี้เซียง กลุ่มจินเฟิ่งของพวกเราสามารถลงทุนให้นาง 30 ล้านตำลึงเพื่อขยายโรงงานได้ ส่วนเรื่องการค้านั้นให้ทางเราเป็นผู้แก้ไข…”
“วิธีการแก้ไขแบ่งออกเป็นสองทาง ประการที่หนึ่งคือการขายในตลาดภายในประเทศ โดยจะค้าขายผ่านช่องทางของพวกเรา ประการที่สองร่วมการประมูลของกรมสรรพาวุธโดยผ่านทางบริษัทติดตั้งสรรพาวุธ ของสิ่งนี้มีเพียงหยวนตงเต้าเท่านั้นที่มี ดังนั้นย่อมมิมีการแข่งขันทางการตลาด เพียงแต่เรื่องราคานั้น พวกเราสามารถลดลงให้เหมาะสมได้เล็กน้อย”
เมื่อเอ่ยเรื่องนี้จบ นางก็หันไปหาซือหม่าเช่อ “ในด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สถานการณ์ของตระกูลซือหม่าสมบูรณ์แบบมากยิ่งนัก พวกเขาได้เปิดตัวที่หยวนเป่ยเต้า ทั้งยังได้ติดตามขุนนางกรมพิธีการไปยังแคว้นอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นข้อขอข้ามเรื่องนี้ไปเลย ส่วนด้านกำลังหลักนั้นข้าอยากจะวางไว้ที่หยวนตงเต้า”
“สามีมิได้เอ่ยไว้แล้วหรอกหรือ เส้นทางสายไหมนี้มีสองเส้นทาง ทางน้ำบัดนี้ยังมิได้รับความสำคัญจากผู้คนมากนักเพราะยังมิได้เปิดเส้นทางอย่างเป็นทางการ ข้าจึงคิดเยี่ยงนี้ หยวนตงเต้ามีปัจจัยที่เอื้ออำนวยหลาย ๆ อย่าง หากเส้นทางเดินเรือเปิดออก เหล่าพ่อค้าจะต้องพากันไปที่หยวนตงเต้าแน่นอน”
“หยวนตงเต้ามีหม่อนและป่าน พวกเขาเข้าใจเรื่องการเลี้ยงหนอนไหมด้วยเช่นกัน ส่วนผ้าไหม พวกเราสามารถสร้างโรงงานที่หยวนตงเต้าได้โดยตรงเลย เมื่อเศรษฐกิจของหยวนตงเต้าฟื้นฟูขึ้นมา ยอดขายในท้องที่จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
“หากเป็นเรื่องทางทะเล เมื่อเปิดใช้งานเส้นทางสายไหมอย่างเป็นทางการ ข้าคิดว่าหยวนตงเต้าจะกลายเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่ง พวกเราจำต้องช่วงชิงโอกาสนี้มาล่วงหน้า”
“…ด้านบริษัทขนส่งทางเรือ เรือขนสินค้าของพวกเรา บัดนี้สร้างเสร็จแล้วถึง 8 ลำด้วยกัน ห้าลำแรกจะถูกนำไปใช้ในเส้นทางเดินเรือแม่น้ำแยงซี ส่วนอีกสามลำจะนำไปใช้เส้นทางเมืองเจียงจนถึงเกาหลี”
“นอกจากนี้จำต้องไหว้วานอู่ต่อเรือเขตเหยาและอู่ต่อเรือเมืองเจียง เพราะพวกเราจำต้องสร้างเรือขนสินค้าที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นมาอีก 10 ลำ… ต้องมีขนาดเทียบเท่ากับเรือรบของกองทัพเรือ เพื่อนำมาใช้เป็นเรือขนสินค้าบนมหาสมุทร ประเดี๋ยวหลังจากที่พวกเราสนทนากันเสร็จแล้ว จำต้องสั่งให้ดำเนินการในเรื่องนี้ทันที เพราะบริษัทขนส่งแห่งอื่นต่างก็กำลังเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน”
“…..”
ต่งชูหลานเอ่ยถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดเป็นเวลา 1 ชั่วยามเต็ม
นางได้วิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจของประเทศต้าเซี่ยในปัจจุบันอย่างละเอียด ทั้งยังได้คาดการณ์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคตของประเทศต้าเซี่ยอีกด้วย นางได้กำหนดเส้นทางพัฒนาของกลุ่มจินเฟิ่งเอาไว้แล้ว
ทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการไปอย่างช้า ๆ เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สวี่หยุนชิงเคยทำขึ้นมาเล่น ๆ บัดนี้กำลังโลดแล่นภายใต้การนำทางของต่งชูหลาน
ช่วงพลบค่ำ ฟู่เสี่ยวกวนได้กลับมายังตำหนักหยางซิน หยูเวิ่นหวินได้พาสนมทั้งเก้ามายังตำหนักหยางซินแล้วเช่นกัน ทันใดนั้น ภายในตำหนักหยางซินก็ครึกครื้นขึ้นมาทันใด
“หลิวจิ่น…กำชับให้ห้องเครื่องยกมื้อค่ำมาส่งที่นี่”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“จ้าวโฮ่ว เจ้าจงไปเรียกหยุนซีเหยียนให้มา…ช่างเถิด เจ้าไปแจ้งให้หยุนซีเหยียนมาที่ห้องทรงพระอักษรในเช้าวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ! ”
หลังจากที่สองขันทีได้จากไป ฟู่เสี่ยวกวนก็เรียกให้เหล่าภรรยาของเขามานั่งล้อมโต๊ะ “พวกเจ้าอยากฟังเรื่องโอกาสทางธุรกิจหรือไม่ ? ”
ดวงตาของต่งชูหลานเปล่งประกายขึ้นมาทันใด “โอกาสทางธุรกิจอันใดเยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”
“ฉางอัน…สถานที่ตรงนั้นกำลังก่อสร้างอย่างใหญ่โต ฉินโม่เหวินคาดการณ์เอาไว้ว่าจะสร้างเสร็จภายในสองปี”
“ความหมายของท่านคือ…ฉางอันต่างหากที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าของประเทศต้าเซี่ยในอนาคตเยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนแสยะยิ้ม “อาณาบริเวณทั้งสี่ด้านของเมืองกวนหยุนค่อนข้างเล็ก บัดนี้ภายในเมืองกวนหยุนมีจำนวนประชากรเกือบจะ 4 ล้านคนแล้ว ถือว่าแออัดมากยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงคิดจะย้ายไปที่นั่นหลังจากที่ฉางอันสร้างเสร็จแล้ว”
เห็นได้ชัดว่านี่คือความลับที่ยังมิได้ประกาศออกไป ทันใดนั้นต่งชูหลานก็เข้าใจถึงโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ทันพลัน
“ดีเพคะ พรุ่งนี้หม่อมฉันจะให้หลี่เจียเดินทางไปยังฉางอัน ซื้อที่ดินที่นั่นหนึ่งผืน พวกเราจะสร้างเมืองการค้าที่ใหญ่ที่สุดในฉางอัน”
“เป็นความคิดที่ดียิ่ง คำแนะนำของข้าคือสร้างกลุ่มการค้าจินเฟิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศต้าเซี่ยที่ฉางอันหนึ่งหลัง สร้างสูงแปดชั้น เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ครบวงจร”
หยูเวิ่นหวินเอ่ยหยอกล้อว่า “ท่านสามี…ท่านกำลังใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าก็ต้องเหลือทรัพย์สมบัติหนึ่งแห่งไว้ให้ตระกูลของพวกเราด้วยสิ ! ”
มิมีผู้ใดเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้นของเขา พวกนางต่างก็คิดเพียงแค่ว่าเขาทำเพื่อลูกหลานในภายภาคหน้าก็เท่านั้น
ต่งชูหลานต้มน้ำชา ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองทางซูซูแล้วเอ่ยถามว่า “งานแต่งของหวางเสี่ยวจ้วงเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“ครึกครื้นดี คนจากราชสำนักและชาวเกษตรต่างก็มากันถ้วนหน้า เป็นงานเลี้ยงที่มีโต๊ะรับรองถึง 200 ตัว ฉลองนานสามวันสามคืน จนทำให้หวางเอ้อมีความสุขมากยิ่งนักเพคะ”
“เผิงยวี๋เยี่ยนก็เข้าร่วมด้วยหรือ ? ”
“เข้า…เห็นได้ชัดว่านางเองก็พอใจมากยิ่งนัก ทว่าหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีสมรส นางเอ่ยว่าจะเดินทางไปยังที่ราบชังซีสักหน่อย”
ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้าลึก บุตรีของหยูชุนชิวตบแต่งกับหวางเสี่ยวจ้วง เผิงยวี๋เยี่ยนคงหมดกังวลในเรื่องนี้ไปแล้ว คาดว่านางคงจะไปบอกเล่าเรื่องนี้ที่หน้าหลุมศพของหยูชุนชิว
สองพี่น้องหยูติ้งชานและหยูติ้งเหอได้รับความดีความชอบอย่างมากในสงครามระหว่างราชวงศ์เหลียว ตามความเห็นของกรมกรมกลาโหม สองพี่น้องจะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองทัพบกกองที่หนึ่งของประเทศต้าเซี่ย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการที่มีอายุเพียง 20 ปี บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่หยูชุนชิวอยากจะเห็นก็เป็นได้