นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1111 สถานการณ์ฉุกเฉินทางทหาร
ตอนที่ 1111 สถานการณ์ฉุกเฉินทางทหาร
อดีตองค์หญิงยิงฮวาแห่งแคว้นหลิวและอดีตองค์หญิงใหญ่หยูซูหรงได้เดินทางออกไปจากจินหลิง ล่องเรือไปตามเส้นทางแม่น้ำแยงซี มิทราบจุดหมายปลายทาง ทั้งยังขนเครื่องประดับและเงินทองไปด้วยหนึ่งลำเรือ…
ฟู่เสี่ยวกวนคิ้วขมวดมุ่น ทว่าเพียงมิกี่อึดใจก็คลายออก
“ข้าทราบแล้ว”
“ฝ่าบาท จะให้ขวางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
“มิจำเป็น พระนางคือพระปิตุจฉาของจักรพรรดินี ในอดีตก็มีพระคุณต่อข้าด้วยเช่นกัน บางทีพระนางอาจจะเบื่อจินหลิงแล้วก็เลยอยากออกไปอยู่อาศัยที่อื่น เรื่องของพวกนางทั้งสองมิต้องแพร่งพรายออกไป เยี่ยงไรแล้วก็มิน่าฟังเท่าใดนัก ปล่อยพวกนางไปเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญนั่งลงก่อน”
จี้หยุนกุยนั่งลงข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนโยนกระดาษรายงานในมือออกไป กระดาษแผ่นนี้ลอยตามลมหายไปในทะเลหมอก
“ตรวจสอบกองทัพบกกับกองทัพเรือแล้วหรือยัง ? ”
นี่คือภารกิจที่ฟู่เสี่ยวกวนมอบหมายให้กับหอเทียนจีหลังจากที่กลับมาจากเซี่ยเย๋ จากเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองเซี่ยเย๋ ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดเรื่องคล้ายกันนี้ในกองทัพอื่น ๆ
เรื่องนี้หากมีเงาของกองทัพอยู่ เรื่องราวก็คงจะเลวร้ายมากยิ่งนัก ต้องบีบให้ตายตั้งแต่กำลังแตกหน่อ
“ทูลฝ่าบาท ได้ทำการตรวจสอบแปดกองทัพบกและสามกองทัพเรือทั้งหมดแล้ว มิพบความผิดปกติแต่อย่างใด ทว่าเยี่ยงไรเสีย… เมื่อเหล่าทหารมิมีการทำสงคราม จึงมีข้อร้องเรียนในค่ายทหารเล็กน้อย”
นี่คือเรื่องที่ปกติอย่างมาก แต่ละคนต่างก็ฝึกกันมาอย่างลำบาก สุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในกองทัพทหารของประเทศต้าเซี่ย สิ่งที่คิดไว้ก็คงจะเป็นการแสดงฝีมือในกองทัพ
เพียงแต่สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน นอกจากทางทะเลแล้ว บนผืนปฐพีก็มิมีอันใดให้ต่อสู้โดยแท้จริงแล้ว
ทว่าแนวป้องกันชายแดนก็มิสามารถผ่อนปรนได้เช่นกัน นอกจากนี้…ฟู่เสี่ยวกวนกำลังคิดว่าจะพากองทัพบกออกทะเลไปด้วยดีหรือไม่ หากมีความจำเป็นต้องก่อสงครามบนบก ถึงแม้ว่าจะมีกองนาวิกโยธิน ทว่าในกรณีที่อยากจะยึดครองประเทศใดประเทศหนึ่ง กองทัพบกถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่ก็มิได้เอ่ยถึงความคิดนี้ออกมา คงต้องกลับไปหารือกับกรมกลาโหมสักหน่อยแล้ว
“บัดนี้ข้าก็มิมีเรื่องอันใดแล้ว เชิญพวกท่านทั้งสามกลับไปก่อนเถิด”
พวกจัวอี้สิงลุกขึ้นยืน โค้งคำนับ แล้วเดินออกไปจากกวนหยุนถาย
ฟู่เสี่ยวกวนเรียกหลิวจิ่นเข้ามา “ข้าจะมอบภารกิจให้แก่เจ้า พรุ่งนี้เจ้าจงออกเดินทางไปยังหยวนตงเต้า ประการที่หนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนของข้าไปตรวจสอบกองทัพเรือที่หนึ่ง นอกจากนี้ให้เจ้ามอบราชโองการลับหนึ่งฉบับให้แก่จั่วมู่”
“ส่วนประการที่สอง…”
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองไปทางหลิวจิ่นด้วยสายตามีเลศนัย “จ่งตูแห่งหยวนตงเต้า เถิงหยวนชิวทำงานได้มิเลว หยวนตงเต้าที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ข้าจะประทานรางวัลให้กับเขา เจ้าจงเป็นตัวแทนของข้าไปปลุกใจเถิงหยวนชิวสักเล็กน้อย และจงไปเยี่ยมเยียนตามสถานที่ต่าง ๆ ของหยวนตงเต้าต่อ ! ”
หลิวจิ่นคุกเข่าลงกับพื้นดังตึง “กระหม่อมเข้าใจพระประสงค์ของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอสัญญาว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปเตรียมตัวเถิด”
“กระหม่อมกราบลาพ่ะย่ะค่ะ”
จี้หยุนกุยรู้สึกสงสัยมากยิ่งนัก หากจะเอ่ยถึงคุณงามความดี จ่งตูของแต่ละที่ในตอนนี้ก็ทำได้มิเลวเลยนี่ เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงประทานรางวัลให้แก่เถิงหยวนชิวเพียงผู้เดียวเล่า ?
แน่นอนว่าเขามิได้เอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท ไทเฮาเดินทางไปที่สำนักเต๋าจริง ทว่าพักอยู่ที่สำนักเต๋าเพียงมิกี่วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังจินหลิง เสด็จประพาสไปตามเส้นทางของแม่น้ำแยงซี จนไปถึงท่าเรือเจียงเฉิง จากนั้นก็เปลี่ยนไปขึ้นเรือสมุทร บัดนี้ได้เดินทางไปยังหยวนตงเต้าแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักงันขึ้นมาทันใด เสด็จแม่ไปทำอันใดที่หย่วนตงเต้ากัน ?
เขามิได้คิดอันใดให้มากความ บางทีเสด็จแม่อาจจะอยากไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ของประเทศต้าเซี่ย
“อือ…ให้สายลับคอยจับตาดูให้ดี ถึงแม้ท่านแม่จะเป็นถึงขั้นปรมาจารย์ แต่ก็ห้ามให้อันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับนางทั้งสิ้น ! ”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
จี้หยุนกุยเองก็ออกไปจากกวนหยุนถายแล้ว บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะหมากรุกตัวนี้เพียงลำพัง และมีขันทีจ้าวโฮ่วคอยปรนนิบัติรับใช้
เขาดื่มชาไปหนึ่งกา จ้องมองทะเลหมอกที่เปลี่ยนรูปร่างไปมาอยู่เนิ่นนานพลางวางแผนขั้นต่อไปอยู่ภายในใจ
ปืนบรรจุกระสุนท้ายลำกล้องที่ได้ทดลองใช้ในกองทัพเรือมีจุดที่ต้องแก้ไขอีกมิมาก ตามจดหมายที่ฉินรั่วเสวียส่งมาหา การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มิใช่เรื่องที่ยากลำบากจนเกินไป
กองสรรพาวุธ ณ ภูเขาเฟิ่งหลิน ได้ทำการหล่อปืนบรรจุกระสุนท้ายลำกล้องแล้ว บัดนี้ได้ผลิตและส่งไปยังท่าเรือราชนาวีเซี่ยเย๋ยี่สิบกว่าลำแล้ว แน่นอนว่าย่อมมิเพียงพอให้ติดตั้งบนเรือรบทุกลำอย่างแน่นอน แต่ก็มิอาจล่าช้าเรื่องการออกทะเลได้อีกแล้ว
ปีหน้าจะเป็นปีแรกของโครงร่างแผนพัฒนาห้าปีฉบับที่สอง โครงร่างฉบับนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำให้สมบูรณ์ แผนพัฒนาห้าปีฉบับที่สองนี้ จะต้องทำให้ประเทศต้าเซี่ยก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สองให้จงได้ !
จำต้องพิชิตเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในให้ได้ ในเวลาเดียวกันรถไฟที่ติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำก็ต้องแล่นไปได้ทั่วผืนปฐพีที่กว้างใหญ่ของประเทศต้าเซี่ย
ส่วนการทหาร จะต้องวิจัยปืนกลออกมา ก้าวหน้าจนต้องขจัดปืนเหมาเซ่อออกไป ต้องเสริมความสามารถในการต่อสู้ให้กับทหารแต่ละนาย เป็นเวลาที่จะสร้างกองกำลังพิเศษทางบกขึ้นมาแล้ว
ในภายภาคหน้าจะมีภารกิจให้ทหารไปปฏิบัติงานต่างประเทศ นอกเหนือจากสงครามคราใหญ่ กองกำลังพิเศษทางบกหรือไม่ก็กองนาวิกโยธินจะเป็นผู้สำเร็จภารกิจทั้งสิ้น
ด้านเศรษฐกิจ กฎหมายภาษีภายในประเทศจำต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น กฎหมายการค้าระดับสากลจะต้องเป็นหนึ่ง จำต้องสร้างกงล้อเศรษฐกิจขนาดใหญ่ขึ้นมาให้ได้ นำพาทั้งเจ็ดประเทศเข้ามาสู่กงล้อเศรษฐกิจนี้ การทำการค้าระหว่างประเทศจำต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย ประการที่หนึ่งคือต้องเปิดเส้นทางเดินเรือให้สำเร็จเสียก่อน ประการที่สองคือยังมิทราบว่าสภาพของประเทศแถบชายฝั่งนั้นเป็นเยี่ยงไร
เรื่องสงครามเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ หลังจากจบศึกสงครามจะต้องทำให้พวกเขายอมรับกฎหมายการค้าของประเทศต้าเซี่ยให้จงได้
ด้านการศึกษาจะต้องสร้างมหาวิทยาลัยครูแห่งประเทศต้าเซี่ยขึ้นมาหลายแห่ง อาจารย์ที่มิสั่งสอนให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ถือว่าใช้การมิได้แล้ว เยี่ยงไรเสียวิทยาศาสตร์ต้องได้รับการพัฒนา นี่ต่างหากที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟู่เสี่ยวกวนคิดไปเรื่อยเปื่อยหลากหลายเรื่องราว มีบางคราที่หยิบแท่งถ่านขึ้นมาจดบันทึก และมีบางคราที่จ้องมองทะเลหมอกหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะต้องสำเร็จภายในห้าปี เขาเชื่อว่าหากมีเวลาต่อไปอีกห้าปี เรือใหญ่นามประเทศต้าเซี่ยก็จะมั่นคงมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น…เรื่องรัชทายาท เดิมทีคิดว่าจะรอให้ลูก ๆ เติบใหญ่ก่อนแล้วค่อยใช้วิธีเลือกตั้ง ทว่าเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาอีกสิบกว่าปี ตนมิอยากรั้งรออีกต่อไปแล้ว
แล้วองค์ชายคนใดเหมาะจะเป็นรัชทายาทกัน ?
ดังนั้นมีบุตรมากมายก็ทำให้ลำบากใจเช่นกัน
ท้องนภามืดครึ้ม จ้าวโฮ่วจ้องมองไปยังใบหน้าที่เคร่งเครียดขององค์จักรพรรดิพลางเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ… ได้เวลาเสวยมื้อเย็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนปล่อยวางเรื่องน่าปวดหัวลง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พบจี้หยุนกุยเหินลงมาจากท้องนภา
“ฝ่าบาท จดหมายฉุกเฉินจากหยวนตงเต้าพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม รับจดหมายมาเปิดอ่านทันทีทันใด
“สถานการณ์ฉุกเฉินทางทหาร !
เรือลาดตระเวนของกองทัพเรือที่หนึ่งได้ค้นพบเรือศัตรูจำนวนมาก อยู่ห่างจากหยวนตงเต้าราว 500 ลี้ คาดว่ามีร้อยกว่าลำด้วยกัน
พวกกระหม่อมพยายามเอ่ยถามถึงความตั้งใจของการมาเยือนของฝ่ายศัตรู ทว่ากลับถูกฝ่ายศัตรูยิงโจมตีด้วยลูกไฟปืนใหญ่
เรือของพวกเราอาศัยความเร็วกระจายกลับไปยังหยวนตงเต้า เรือรบ 16 ลำของกองทัพเรือที่หนึ่งต่างก็เตรียมพร้อมแล้ว บัดนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าไปหาเรือของศัตรู
ตามคำเอ่ยของปาเออร์ นั่นเป็นขบวนเรือของชาวฝูหล่างจี กองทัพของแม่ทัพจั่วมู่จะออกโจมตี ฝ่าบาทและกรมกลาโหมโปรดอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ในที่สุดก็มาแล้ว !
ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็หัวเราะขึ้นมาทันใด ดูเหมือนว่าครานี้ชาวฝูหล่างจีจะมาอย่างกระหายเลือด หากได้กลืนกินกองทัพเรือของพวกเขา คาดว่าเรือรบที่สามารถใช้การได้ของชาวฝูหล่างจีก็คงจะหลงเหลือเพียงมิกี่ลำเท่านั้น
“เรียกกรมกลาโหมและเสนาบดีอาวุโสทั้งสาม มาประชุมที่ห้องประชุมของกรมกลาโหม”
“จ้าวโฮ่ว สั่งให้ห้องเครื่องนำมื้อค่ำไปส่งที่ห้องประชุมของกรมกลาโหม ทำไปเยอะ ๆ สักหน่อยนะ”
“จี้หยุนกุย รีบไปแจ้งเฮ้อซานเตา ให้กองทัพเรือที่สามเข้าเตรียมการรบระดับที่หนึ่ง จากนั้นให้รั้งรอคำสั่งจากกรมกลาโหมต่อไป”
“แจ้งเผิงหลางแห่งกองทัพเรือที่สอง ให้เข้าเตรียมการรบระดับสอง ! ”
“แจ้งจั่วมู่แห่งกองทัพเรือที่หนึ่ง บอกให้เขาลงมืออย่างดุดัน ! ”