นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1116 แตรแห่งสงครามดังขึ้นอีกครา
ตอนที่ 1116 แตรแห่งสงครามดังขึ้นอีกครา
รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนเก้า วันที่หก
วันนี้ฟู่เสี่ยวกวนพาไป๋ยู่เหลียนและหยุนซีเหยียนรวมถึงขุนนางคนอื่น ๆ เดินทางออกไปจากเมืองกวนหยุน มุ่งหน้าไปทางเซี่ยเย๋
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน กรมกลาโหมได้จัดประชุมสงครามขึ้น ซึ่งในครานี้แม้แต่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยก็มิได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย
มิมีผู้ใดรู้ถึงเนื้อหาการประชุมสงครามครานี้เลย บรรดาขุนนางในกรมต่าง ๆ รู้เพียงแค่ว่ามีเรือรบขบวนใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางหยวนตงเต้า
และในวันนี้กองทัพเรือที่สองซึ่งนำโดยแม่ทัพเผิงเหลียง ได้นำเรือรบจำนวน 10 ลำและกองกำลังทหาร 30,000 นายเดินทางออกจากท่าเรือเซินกังไปยังหยวนตงเต้า หอเทียนจีได้ส่งสายลับจำนวนนับร้อยชีวิตติดตามไปด้วย
ประเทศที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเยี่ยงต้าเซี่ยย่อมมีอาวุธครบครัน พวกเขากำลังจะระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การเตรียมทำสงครามในครานี้มิได้ส่งผลกระทบต่อราษฎรในต้าเซี่ยแต่อย่างใด บรรดาเกษตรกรยังคงหมกมุ่นอยู่กับการเพาะปลูกของพวกเขาในผืนนา ส่วนพ่อค้าก็ยังคงยุ่งอยู่กับกิจการของตนเอง
กวนเสี่ยวซีผู้บังคับบัญชาทหารบกกองทัพที่หนึ่งของต้าเซี่ยได้รับคำสั่งที่ลงนามร่วมกันระหว่างฟู่เสี่ยวกวนและกรมกลาโหม ให้แบ่งทหารบกกองทัพที่หนึ่งออกเป็น 7 กองพลแล้วมุ่งหน้าไปยังเจ็ดประเทศอาณานิคมเพื่อประกาศศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ย และเพื่อเป็นการรับประกันพ่อค้าของต้าเซี่ยว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม หากมีผู้ใดขัดแย้งหรือต้องการต่อต้าน…ให้ทำลายมันเสีย !
และในวันเดียวกันนี้เอง เฮ้อซานเตาผู้บังคับบัญชาการกองทัพเรือที่สามก็ได้รับจดหมายลับจากกรมกลาโหม
“เสี่ยวถัง เสี่ยวถัง… ! ”
เฮ้อซานเตาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เสี่ยวถัง เจ้าจงไปตามฮว่าหนานสวินและผู้บัญชาการทั้งสิบกองพลของกองทัพเรือที่สามมา อ้อ ! เรียกผู้บัญชาการของกองนาวิกโยธินทั้งสองคนมาพบข้าด้วย ! ”
“มีงานให้ทำเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“งานใหญ่เลยทีเดียว หากสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ พวกเราก็จะร่ำรวยแล้ว ! ”
ถังเชียนจวินชะงักงันไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามออกมาว่า “จะไปปล้นผู้ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“จะยังมีผู้ใดได้อีกเล่า ? แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าสุนัขฝูหล่างจีพวกนั้น ! รีบไปเถอะ ลูกพี่ของข้าจะออกรบด้วยตนเอง ! ”
เมื่อถังเชียนจวินได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใด เนื่องจากลูกพี่ที่เฮ้อซานเตาเรียกก็คือองค์จักรพรรดิ !
“ฝ่าบาทจะเดินทางไปทำสงครามด้วยพระองค์เองเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่ ! ดังนั้นสงครามนี้จะทำเล่น ๆ มิได้ ฝ่าบาทพาพวกเราออกไปด้วยตนเอง แหะ ๆ ” เฮ้อซานเตานำมือทั้งสองข้างถูเข้าด้วยกัน “รวยแล้วพวกเรา เร็วเข้ารีบไปเรียกเจ้าพวกนั้นมา ครานี้ข้าจะต้องวางแผนให้ดี”
“จริงสิ ! เรียกเจ้าปิซาร์โรมาด้วย ให้เขานำปืนบรรจุกระสุนท้ายลํากล้องที่ขนส่งมาจากซีซานบรรจุไปยังเรือรบกวนหยุนห้าว อีกอย่าง…ฝ่าบาททรงกำชับว่าให้นำอาหารกระป๋องไปมากหน่อย เจ้าจงให้ฝ่ายธุรการแนวหลังตรวจดูว่าพวกเรามีอาหารกระป๋องเหลืออยู่มากน้อยเท่าใด หากมีมิเพียงพอก็มิเป็นไร พวกเราค่อยไปเติมเต็มที่หยวนตงเต้า หากโชคดีมิแน่ว่าอาจจะแย่งผลงานจากเจ้าจั่วมู่นั่นได้เล็กน้อย”
ถังเชียนจวินเดินออกจากกระโจมผู้บังคับบัญชาการ แท้ที่จริงแล้วในใจของเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย นี่เป็นคราแรกที่ทหารเรือต้าเซี่ยจะออกเดินทางไปรบระยะไกล อีกทั้งศัตรูยังเป็นชาวฝูหล่างจี !
สถานที่แห่งนี้ได้ทำการบันทึกลงไปในแผนที่แล้ว และแผนที่นั้นฝ่าบาทกับปิซาร์โรได้ร่วมกันเขียนมันขึ้นมา ช่วงที่ผ่านมานี้ตนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับปิซาร์โรบ้างเล็กน้อย จึงทำให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับฝูหล่างจีมากเลยทีเดียว
ปิซาร์โรเอ่ยว่าฝูหล่างจีเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง พวกเขารบในท้องทะเลได้เก่งกาจมากเลยล่ะ อย่างน้อยในด้านของจำนวนเรือรบ ความสามารถของกองทัพเรือในการควบคุมปืนใหญ่ และในด้านทักษะการขับเรือรบก็แข็งแกร่งกว่ากองทัพเรือต้าเซี่ยมาก
แต่จุดแข็งของทหารเรือต้าเซี่ยคือเรือรบของพวกเราแข็งแกร่งกว่าเรือของฝูหล่างจีมากเลยทีเดียว มันมีพลังทำลายล้างค่อนข้างสูงและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว รัศมีการยิงก็ไกลกว่า
จากคำเอ่ยของปิซาร์โร หากกองทัพเรือของต้าเซี่ยต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเรือของฝูหล่างจี อัตราการเสียหายจะเท่ากับห้าต่อหนึ่ง นั่นหมายความว่าเรือรบของฝูหล่างจี 5 ลำถึงจะเอาชนะเรือรบต้าเซี่ยได้ 1 ลำ
ทว่ากองเรือรบของฝูหล่างจีมีนับร้อยลำ !
ทหารเรือกองทัพที่สามมีเรือรบเพียงแค่ 10 ลำเท่านั้น !
เช่นนี้…ความเสี่ยงมีมากเลยทีเดียว
เฮ้อซานเตามิได้ตริตรองมากมายเช่นนี้ เขามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า…ผู้ใดกล้าหาญไร้ความเกรงกลัว ผู้นั้นเป็นใหญ่ !
เจ้าเฮ้อซานเตาเวลาออกรบเขามิเคยคิดถึงชีวิตของตนเอง รวมไปถึงบรรดาทหารที่เขาฝึกฝนออกมาก็ได้รับอิทธิพลนี้ไปด้วย แต่เยี่ยงไรเสียการรบทางทะเลก็แตกต่างจากการรบทางบก ถังเชียนจวินมิได้กลัวการรบกับฝูหลางจีแม้แต่น้อย สิ่งที่เขากลัวคือฝ่าบาททรงมาออกรบครานี้ด้วยพระองค์เอง !
หากว่าสงครามครานี้พ่ายแพ้มิเป็นท่า…จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยจะถูกพวกฝูหล่างจีจับไปเป็นเชลย นี่คงจะเป็นการดูถูกเหยียดหยามที่ยากจะยอมรับได้ !
แล้วกองทัพเรือที่สามจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้อีกกัน ?
เกรงว่ากรมกลาโหมคงจะยึดเอาตำแหน่งกลับคืนไปเป็นแน่
ในครานี้ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ฟังความคิดเห็นต่อต้านของเสนาบดีอาวุโสทั้งสามคน เขาทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับแล้วเดินทางไปยังเซี่ยเย๋ทันที
ณ เมืองกวนหยุน สำนักตรวจสอบพระราชโองการ
จัวอี้สิง หนานกงอี้หยู่และเมิ่งฉางผิง เสนาบดีอาวุโสทั้งสามคนได้จัดการเรื่องราวต่าง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว จึงเดินทางมาพบปะกันอีกครา
“ฝ่ายธุรการแนวหลังจะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ! ” จังอี้สิงนำมือไขว้หลังเดินวกไปวนมา เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างพลางเอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “ด้านกรมกลาโหมกล่าวว่าอาวุธกระสุนของพวกเรามิมีปัญหา ลูกกระสุนในคลังที่ท่าเรือเซี่ยเย๋เพียงพอต่อการออกรบทางทะเลครานี้ ทว่าข้ารู้สึกว่ามันยังมิเพียงพอ”
เมิ่งฉางผิงเงยหน้าขึ้นมองดูจัวอี้สิงแล้วเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นท่านจัวรู้สึกว่ามีส่วนใดยังขาดตกบกพร่องเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ครานี้ฝ่าบาทเดินทางออกรบด้วยพระองค์เองเชียว ! ”
จัวอี้สิงทอดสายตาออกไปด้านนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยต่อว่า “มิมีผู้ใดรู้ได้ว่าอีกฟากของทะเลเป็นเยี่ยงไร ข้อมูลที่พวกเรามีนั้นล้วนมาจากการบอกเล่าของปิซาร์โรและอดีตเชลยทั้งหลายเหล่านั้น หากว่าพวกเขาให้ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนความจริง แม้แต่หอเทียนจีก็คงมิอาจส่งรายงานกลับมาได้เป็นแน่”
เขาหันหลังกลับไปมองดูเมิ่งฉางผิงและหนานกงอี้หยู่ “บัดนี้เรือการค้าของพวกเราก็ได้ใช้เครื่องจักรไอน้ำในการขับเคลื่อนแล้ว แม้จะวิ่งได้มิเร็วเท่าเรือรบ แต่ก็มิได้แตกต่างกันมากเท่าใด”
“ข้าจึงมีความคิดเช่นนี้ ให้กระทรวงกลาโหมระดมเรือรบ 2 ลำที่ท่าเรือเจียงเฉิงและทหารเรือจำนวน 10,000 นาย โดยเรือรบทั้งสองลำนี้จะนำเรือสินค้ามากกว่าสิบลำดำเนินไปพร้อมกับกองเรือของฝ่าบาท”
“ที่เรือบรรทุกสินค้าจะต้องมีเสบียงพร้อมสรรพ มิใช่อาวุธแต่เป็นอาหาร…ข้าได้ยินมาว่าในมหาสมุทรนั้นขาดแคลนน้ำจืดสำหรับดื่ม เรือสินค้าเหล่านี้ให้บรรทุกน้ำจืดสำหรับดื่มไป”
“สรุปโดยรวมคือ มิว่าจะมีประโยชน์หรือมิมีก็ตาม พวกเราจะต้องปกป้องคุ้มกันความปลอดภัยของฝ่าบาทเอาไว้ ! ”
หนานกงอี้หยู่ยกมือขึ้น “ข้าเห็นด้วย ความคิดเห็นของข้าคือระดมเรือสินค้า 20 ลำ ในสิบลำนั้นให้บรรทุกอาหารและน้ำ อีกสิบลำบรรจุกระสุนและอาวุธ… ในครานี้ที่ฝ่าบาทเดินทางไปรบกับฝูหล่างจี ก็หมายความว่าสงครามครานี้ค่อนข้างหนักหนาเอาการ ข้าได้ยินมาว่าสถานที่แห่งนั้นมิได้มีเพียงฝูหล่างจีประเทศเดียว แต่ยังมีจักรวรรดิฝรั่งเศส จักรวรรดิเยอรมันและมาซิโดเนียเป็นต้น”
“พวกเรามิรู้ว่าประเทศเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ฟังจากที่พวกเขาเอ่ยมานั้นก็ล้าหลังกว่าต้าเซี่ยของพวกเรามิมาก แต่ระยะทางจากต้าเซี่ยไปยังฝูหล่างจีช่างไกลมากยิ่งนัก หากประเทศเหล่านั้นรวมตัวกัน…สงครามครานี้มิรู้ว่าจะหดหู่มากเพียงใด”
เมิ่งฉางผิงพยักหน้าเห็นด้วย “อืม…ข้าเองก็เห็นด้วยเช่นกัน”
จัวอี้สิงหันหลังกลับไป “เช่นนั้นจงรีบไปเตรียมตัวเถิด จงทำตามคำแนะนำของท่านหนานกง ส่วนข้าจะไปหาจัวเปี๋ยหลี”
ฝ่าบาทเสด็จหนีไปอีกแล้ว เรื่องนี้มิได้ปิดบังเอาไว้ ขุนนางทุกคนรับรู้ว่าฝ่าบาททรงเสด็จไปออกรบระยะไกลทางทะเลครานี้ด้วยพระองค์เอง
และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งยินดีและเศร้าโศก หากว่าฝ่าบาททรงสามารถพิชิตประเทศเหล่านั้นได้ หรือสามารถเจรจาการค้าได้สำเร็จ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อต้าเซี่ยมากยิ่งนัก
ทว่าหากพ่ายแพ้…จุดจบเช่นนี้พวกเขาได้แต่นึกอยู่ในใจ ทว่ามิมีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมา
เมื่อฝ่าบาทเสด็จออกไปแล้ว แน่นอนว่าประตูของห้องทรงพระอักษรต้องปิดสนิท
จ้าวโฮ่วยังคงคุ้มกันอยู่ที่หน้าประตูอย่างแน่นหนา มิห่างไปที่ใดแม้แต่ก้าวเดียว
เนื่องจากฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์อยู่ด้านในห้องทรงพระอักษรนี้