นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1126 คนรู้จัก
ตอนที่ 1126 คนรู้จัก
“ประเทศที่งดงามเยี่ยงนี้ หากสามารถกลับมาได้…ก็จงกลับมา ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างจริงจังพลางเอ่ยว่า “ประเทศแห่งนี้นับว่าเป็นบ้านของข้า หากกลับมาได้ ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน ! ”
เขาอาศัยอยู่ในโลกใบนี้มา 9 ปีแล้ว เขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้ไปแล้ว จนถึงขั้นปิดกั้นโลกใบเดิมเอาไว้ เขาแทบจะมิได้นึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ
ในโลกใบนี้ ความรู้สึกภาคภูมิใจที่เขามีมิใช่เพราะตนรวบรวมอาณาจักรได้ใหญ่โต มิใช่เพราะประชากรมากมายในต้าเซี่ยมีอาหารกินจนอิ่ม มีเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่นและมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง แต่เป็นเพราะภรรยากับลูก ๆ ทั้งหลายที่รักเขาต่างหาก
ทุกคนเป็นรากฐานของเขา
และเป็นสิ่งที่เขาผูกพันในโลกใบนี้ที่สุด
ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกลังเลที่จะเปิดชั้นสิบแปดของหอเทียนจี เขาเห็นแก่ตัวเกินไปหรือไม่ ?
สถานที่แห่งนั้นคู่ควรให้เขาเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ทว่าความคิดที่จะไปเสาะหาความจริงจากสถานที่แห่งนั้นก็ผุดขึ้นมาราวกับหน่อไม้หลังฝนตก ในใจของเขามีความคิดแฝงขึ้นมาว่า ได้ผ่านมาแล้วพันปี แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะอันตราย ทว่าก็คงจะลดน้อยลงมาบ้างแล้ว
ข้าเพียงแค่ไปดูเท่านั้น จากนั้นก็จะกลับมา
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือนหลังหนึ่งในตรอกเจียงหนาน ณ เมืองเซียอี๋ เขาสูดหายใจเข้าลึกและได้ละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ทำการเคาะประตู
เรือนหลังนี้เป็นของเถิงหยวนจี้เซียง !
……
ฤดูใบไม้ร่วงในหยวนตงเต้าค่อนข้างหนาวเย็น
เรือนทางทิศตะวันตกของเรือนหลัก มีแสงสีแดงส่องผ่านหน้าต่างออกมา ด้านนอกเป็นต้นยิงฮวาที่กำลังผลัดใบ บนต้นมีดอกเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนว่าใต้ต้นจะมีกลีบดอกกองทับถมกันมากมาย
เถิงหยวนจี้เซียงกำลังต้มชาอยู่หนึ่งกา ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนางก็คือยิงฮวาอดีตองค์หญิงแห่งแคว้นหลิว และหยูซูหรงอดีตองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หยู
“ได้ยินมาว่าวันนี้ฝ่าบาทเสด็จมาที่เซียอี๋เยี่ยงนั้นหรือ ? ” ยิงฮวาถือถ้วยน้ำชาพลางจ้องมองเถิงหยวนจี้เซียงก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค
มือของเถิงหยวนจี้เซียงที่จับหูกาน้ำชาอยู่ชะงักและสั่นเทาเล็กน้อย นางพยักหน้ารับพลางตอบว่า “อืม…ได้ยินว่าเสด็จมาที่นี่และยังได้ยินมาว่าครานี้เขาจะออกรบทางไกลด้วยตนเอง”
หยูซูหรงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ในสามคนนี้ นับว่านางเข้าใจความคิดของฟู่เสี่ยวกวนดีที่สุดแล้ว
บัดนี้ต้าเซี่ยกำลังเข้าที่เข้าทาง เจ้าหมอนี่คงจะอยู่มิติดอีกแล้ว เขามิกลัวจริง ๆ หรือว่าตอนที่เขามิอยู่ ประเทศจะเกิดความวุ่นวายขึ้นมา ?
บัดนี้ทหารต้าเซี่ยมิมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ ต่อให้คนเหล่านั้นต้องการสร้างความวุ่นวาย ก็ควรจะพิจารณาความสามารถของตนเองเสียก่อน
ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ต้าเซี่ยคงมิมีปัญหาใหญ่ใดเกิดขึ้น ทว่าเถิงหยวนจี้เซียงเอ่ยว่าในมหาสมุทรนั้นยากเกินคาดเดา หากพบเข้ากับสภาพอากาศที่เลวร้าย ผลที่ตามมาก็ยากเกินกว่าจะคาดคิด เจ้าหมอนี่ใจกล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
หากว่าเขาตกตายไป…ต้าเซี่ยจะยังมั่นคงเช่นนี้อยู่หรือไม่ ?
หากว่าเขาตกตายไปจริง ๆ จะสามารถฟืนคืนราชวงศ์หยูได้อีกหรือไม่ ?
ความคิดนี้ทำให้หยูซูหรงสะดุ้งขึ้นมาทันใด หลายปีมานี้…นางมิได้รบเร้าให้หยูเวิ่นเทียนฟื้นคืนราชวงศ์หยู เนื่องจากหยูเวิ่นเทียนชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งนัก อีกทั้งยังจงรักภักดีต่อเขา
อีกอย่างต้าเซี่ยในบัดนี้ ต่อให้เป็นตัวนางเอง ก็ต้องยอมรับว่ามันช่างมั่นคงและรุ่งเรืองกว่ายุคสมัยใด ๆ
ดังนั้น…ทางที่ดีเขาจงอย่าตายเลย
“ในกองทัพมิมีแม่ทัพแล้วหรือเยี่ยงไร ? ผู้บัญชาการของกองทัพเรือทั้งสามล้วนเป็นผู้มากความสามารถ เขาจำเป็นต้องเสี่ยงไปออกรบด้วยตนเองด้วยหรือเยี่ยงไร ? ” ยิงฮวาเอ่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ
หยูซูหรงยกยิ้มขึ้นมาบาง ๆ “เขายังมิพอใจกับปัจจุบัน พวกเจ้าคงมิรู้ว่าแท้จริงแล้วก่อนหน้านี้มิกี่ปี เขาก็มีความคิดที่จะทำการค้าระหว่างประเทศแล้ว”
“เพียงแต่ว่าตอนนั้นราชวงศ์หยูมิมีท่าเรือและมิมีทหารเรือ อีกอย่างเขาเอ่ยว่าสินค้าของราชวงศ์หยูมิเพียงพอต่อการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศ”
“ดังนั้น…” หยูซูหรงถอนหายใจออกมาเบา ๆ “บัดนี้ได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว ทางบกเขาได้ลงนามการค้าระหว่างต้าเซี่ยกับประเทศอาณานิคมทั้งเจ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางทะเล…จากที่ข้ามองดูแล้ว การที่เขาออกเดินทางไปด้วยตนเองในครานี้ ก็เพื่อจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
ยิงฮวาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “บัดนี้เขากำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์จะรีบร้อนเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? เขาสามารถส่งทหารเรือออกไปพิชิตประเทศแถบชายฝั่งเหล่านั้นก็ได้นี่…ต่อให้เป็นการเจรจา ก็สามารถส่งหยุนซีเหยียนหรือคนอื่น ๆ ออกไปก็ได้มิใช่หรือ ? ”
ที่จริงก็สมเหตุสมผล ทว่าหยูซูหรงกลับเอ่ยว่า “เขามิชอบรอคอยสิ่งใด อีกอย่างความคิดนี้ เขามีอยู่ในหัวเนิ่นนานแล้ว ใต้หล้านี้คงมีเพียงภรรยาของเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
และทันใดนั้นเอง ยามเฝ้าประตูก็ได้พาฟู่เสี่ยวกวนเดินตรงเข้ามายังห้องนี้ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย
เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก เนื่องจากหยูซูหรงก็อยู่ที่นี่ด้วย จากนั้นเขาก็กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใด หยูซูหรงเดินทางมากับยิงฮวา ส่วนยิงฮวากับเถิงหยวนจี้เซียงสนิทสนมกัน จึงมิใช่เรื่องแปลกที่พวกนางจะอยู่ด้วยกันที่นี่
“สามีของเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ ? ” อยู่ ๆ ยิงฮวาก็เอ่ยถามขึ้นมา เถิงหยวนจี้เซียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพลางตอบว่า “เขาน่ะหรือ…แท้ที่จริงข้าก็มิค่อยเข้าใจเขาสักเท่าใดนัก รู้เพียงแค่ว่าเขายุ่งมากยิ่งนัก ยุ่งเสียจนมิมีเวลาดูแลพวกเราสองคนแม่ลูก หรือบางที…โลกภายนอกนั้นอาจจะงดงาม งดงามเสียจนเขาลืมพวกเราสองแม่ลูกไปแล้ว”
เถิงหยวนจี้เซียงสูดหายใจเข้าลึก “อย่าเอ่ยถึงเขาอีกเลย พวกท่านว่าหากฝ่าบาททรงก่อตั้งการค้าทางทะเลได้สำเร็จ หยวนตงเต้าของพวกเราซึ่งอยู่ติดกับทะเล จะได้รับโอกาสมากกว่าเดิมหรือไม่ ? ”
“แน่นอน…” หยูซูหรงรีบเอ่ยออกมา ในขณะที่นางกำลังจะชี้แจงถึงมุมมองต่าง ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ฟู่เสี่ยวกวนก้าวเท้าเดินเข้ามา เขาคารวะหยูซูหรงว่า “ท่านป้า ! ”
นี่คือมารยาทในครัวเรือน มิได้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิและราษฎรแต่อย่างใด ทว่ากลับทำให้หยูซูหรงสะดุ้งโหยง เยี่ยงไรเสียเขาก็เป็นถึงองค์จักรพรรดิ !
หยูซูหรงรีบลุกขึ้นยืนแล้วคารวะกลับ “ถวายพระพรฝ่าบาท ! ”
กาน้ำชาในมือของเถิงหยวนจี้เซียงร่วงหล่นลงสู้พื้นเสียงดังเคร้ง ! ดูเหมือนว่าหัวใจของนางกำลังเต้นระรัว นางหันหลังกลับไปมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นก็ก้มลงกราบ
“หม่อมฉันเถิงหยวนจี้เซียง ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ ! ”
“เอาล่ะ ! พวกเจ้าอย่าได้มากพิธีไปเลย ลุกขึ้นเถิด ขอน้ำชาให้ข้าสักแก้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงข้าง ๆ เถิงหยวนจี้เซียงอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาของยิงฮวาแทบจะหลุดออกจากเบ้า นางลืมแม้กระทั่งคารวะเขา
เป่ยหวังฉวนและหนิงซือเหยียนยืนอยู่ข้างหลังฟู่เสี่ยวกวน สวี่ซินเหยียนนั่งอยู่ซ้ายมือของหยูซูหรง
“ท่านป้า…หนึ่งปีแล้วนับจากที่พบกันคราสุดท้ายในเมืองจินหลิง ท่านคงจะมิรู้ว่าในใจของข้านั้นยังซาบซึ้งที่ท่านป้าเคยดูแลข้า”
ฟู่เสี่ยวกวนทำลายบรรยากาศที่อึดอัดลง เขาเอ่ยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “แท้ที่จริงพวกท่านอาจจะมิรู้ว่า เมื่อคราที่อยู่ในหลินเจียงเป็นช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขมากที่สุด อาทิเช่น ทำการค้าหรือทำสงครามที่เจี้ยนเหมิน”
“ในวันนี้ที่ข้าเดินทางมา เป็นไปตามที่พวกท่านคิดเอาไว้ ข้าต้องการจะออกไปดูว่าอีกฟากของทะเลมีอันใดบ้างและคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ลงนามการค้าระหว่างประเทศด้วย”
“ในครานี้ข้าคงต้องใช้เวลานานกว่าเดิมสักหน่อย หากว่าสามารถลงนามการค้าได้อย่างราบรื่น มิเพียงแค่ที่หยวนตงเต้าจะได้รับโอกาสทางการค้า ทว่าทั้งต้าเซี่ยจะได้รับผลกำไรนี้ด้วย”
“ดังนั้นนี่คือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ซึ่งส่งผลต่ออนาคต ข้าจึงต้องออกเดินทางไปด้วยตนเอง”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หันไปทางเถิงหยวนจี้เซียง ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของยิงฮวาและหยูซูหรง เขาได้จับมือของเถิงหยวนจี้เซียงมากุมไว้ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หยวนตงเต้าอากาศหนาวเหน็บมากยิ่งนัก ฤดูหนาวในเมืองกวนหยุนอากาศดีกว่าเล็กน้อย เจ้ายินดีจะไปยังเมืองกวนหยุนกับข้าหรือไม่ ? ”