นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1127 ชัยชนะครายิ่งใหญ่
ตอนที่ 1127 ชัยชนะครายิ่งใหญ่
ฟู่เสี่ยวกวนจึงพักอยู่ที่เรือนแห่งนี้
ในคืนนั้นเองที่หยูซูหรงและยิงฮวาได้ทราบถึงตัวตนสามีของเถิงหยวนจี้เซียงที่เป็นตายเยี่ยงไรก็มิยอมหลุดปาก คาดมิถึงว่าจะเป็นฟู่เสี่ยวกวน !
พวกนางคิดว่าเถิงหยวนจี้เซียงจะยอมออกไปจากหยวนตงเต้า เพื่อไปยังเมืองกวนหยุนกับฟู่เสี่ยวกวน เพราะนี่ถือเป็นการกู้ชื่อเสียงที่ฟู่เสี่ยวกวนทำเพื่อเถิงหยวนจี้เซียง
ทว่าเถิงหยวนจี้เซียงกลับปฏิเสธ ฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้บังคับแต่อย่างใด เขาอุ้มบุตรีที่นอนอยู่ในผ้าอ้อมที่เพิ่งจะอายุได้สองสามเดือน และเขายังได้ประทานชื่อให้กับนาง…ฟู่โอ่วหลาน
พบเจอกันโดยบังเอิญ รู้จักกันโดยบังเอิญ และร่วมหลับนอนกันโดยบังเอิญ
เถิงหยวนจี้เซียงย่อมดีใจเป็นอย่างมาก ในช่วงหลายวันต่อจากนั้น นางก็ได้ปรนนิบัติฟู่เสี่ยวกวนอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่
นางได้ทำอาหารรสเลิศของหยวนตงเต้าหลายอย่างให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน และได้บอกเล่าเรื่องราวประเพณีของอดีตแคว้นหลิวให้ฟู่เสี่ยวกวนได้ฟัง ยุคสมัยที่สงบสุขเยี่ยงนี้ ทำให้ทุกวันของเถิงหยวนจี้เซียงราวกับอยู่ในความฝันก็มิปาน
ห้าวันให้หลังความสงบสุขเช่นนี้ได้ถูกทำลายลงจากข่าวคราวที่มาถึง กองทัพเรือที่หนึ่งแห่งต้าเซี่ยได้เดินทางกลับมาแล้ว
สิ่งที่ตามกลับมาพร้อมกับกองทัพเรือที่หนึ่งก็คือข่าวดีของชัยชนะครายิ่งใหญ่ ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเซียอี๋อย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง บัดนี้ได้มาถึงหูของฟู่เสี่ยวกวนแล้วเช่นกัน
ฟู่เสี่ยวกวนก้มหน้าลงไปหยอกล้อกับฟู่โอ่วหลานที่อยู่ในอ้อมกอด เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ฟู่เสี่ยวกวนก็ยิ้มกว้างมากเช่นกัน นี่คือบุตรีของเขา นี่คือหลักฐานการคงอยู่ในโลกใบนี้ของเขา และก็เป็นความกังวลของเขาเช่นกัน
“ข้าต้องไปกองบัญชาการทหารเรือที่หนึ่ง คาดว่ากองทัพเรือจะออกเดินทางหลังจากที่ซ่อมแซมเรือเสร็จในสองสามวันนี้…” เขาส่งฟู่โอ่วหลานคืนให้กับเถิงหยวนจี้เซียง และเอ่ยถามขึ้นมาอีกครา “ดังนั้น…เจ้าพาลูกไปอยู่ที่เมืองกวนหยุนดีหรือไม่ ? ”
เถิงหยวนจี้เซียงลูบปอยผมที่ตกมาจากหลังใบหู ยกยิ้มบาง ๆ พลางก้มหน้ามองบุตรีที่อยู่ในอ้อมกอด “โอ่วหลาน…คือความสุขของข้า ข้ารู้สึกว่าในตอนนี้ก็ดีมากแล้ว จำต้องเพิ่มจำนวนโรงงานกระป๋องอีกสักเล็กน้อย ข้าอยากจะเปิดโรงงานกระป๋องไปทั่วทุกที่ในหยวนตงเต้าเพคะ”
นางบิดตัวเล็กน้อย เขย่าทารกในอ้อมกอดไปมา สีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยประกายของคนเป็นแม่ จากนั้นก็เอ่ยต่ออีกว่า “รอหลังจากที่ท่านกลับมาแล้ว ข้าคิดว่าการจัดวางโรงงานกระป๋องก็คงจะเสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน ข้าจะคอยรักษากิจการนี้ไว้เพื่อโอ่วหลาน ในอนาคตโรงงานเหล่านี้จะกลายเป็นสินสมรสของโอ่วหลานเพคะ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ในช่วงหลายวันมานี้เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความเพียบพร้อมของเถิงหยวนจี้เซียง ทั้งยังสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่ต้องการยืนหยัดด้วยตนเองจากสตรีที่ท่าทางอ่อนแอผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงมิได้บีบบังคับแต่อย่างใด
“…ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว เยี่ยงนั้นหลังจากที่ข้ากลับมา ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าอีกครา”
“เพคะ”
ฟู่เสี่ยวกวนก้าวเท้าเดินออกไปจากเรือนหลังนี้ เถิงหยวนจี้เซียงจ้องมองแผ่นหลังที่หายลับไป นางมองอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งฟู่โอ่วหลานที่อยู่ในอ้อมอกโวยวายขึ้นมา นางถึงได้ดึงสายตากลับมา
“ไอหยา…เสี่ยวโอ่วหลานหิวแล้วเยี่ยงนั้นหรือ แม่ป้อนนมให้เจ้านะ”
…..
…..
ข่าวชัยชนะครายิ่งใหญ่ของกองทัพเรือที่หนึ่งได้กระจายไปทั่วทั้งเมืองเซียอี๋ราวกับไฟที่กำลังลุกโชน
ผู้คนในเมืองเซียอี๋ต่างก็วิ่งไปพลางป่าวประกาศไปพลางอย่างคึกคัก เมืองเล็ก ๆ ริมฝั่งคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น
“ชนะแล้ว ! ชัยชนะครายิ่งใหญ่ของกองทัพเรือที่หนึ่งแห่งประเทศต้าเซี่ย ! ”
“พวกฝูหล่างจีถูกกองทัพเรือที่หนึ่งของพวกเราโจมตีจนเผ่นแน่บไปแล้ว กองทัพเรือที่หนึ่งแทบจะกวาดล้างเรือรบของศัตรูไปจนหมดสิ้น”
“กองเรือรบฝูหล่างจีมากันถึง 100 ลำจริง ๆ หรือ ? กองทัพเรือที่หนึ่งของพวกเรามีเรือรบเพียง 18 ลำเท่านั้น เช่นนั้นเหลือกลับมากี่ลำกัน ? ”
“ฮึ ๆ ลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นมือยิงกระสุนบนเรือโม่โจวห้าวของกองทัพเรือที่หนึ่ง พวกเราสูญเสียเรือรบไปเพียง 2 ลำเท่านั้น ทว่าสามารถทำลายเรือรบของศัตรูได้มากถึง 90 ลำ เจ้าว่านี่มิใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
แน่นอนว่านี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่ง ทั้งยังแตกต่างจากคราที่แล้ว ครานี้ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วยามเท่านั้นนับจากที่กองเรือรบของฝูหล่างจีได้รุกรานเข้ามาในแคว้นหลิว
สงครามครานั้น ฝูหล่างจีใช้เรือรบเพียงยี่สิบกว่าลำ ก็สามารถทำลายเรือรบของแคว้นหลิวได้อย่างง่ายดายแล้ว ทั้งยังได้ยึดครองแคว้นหลิวไปในคราเดียวอีกด้วย
ในสายตาของชาวหลิวที่เคยผ่านสงครามมา กองทัพของฝูหล่างจีก็เปรียบเสมือนกับหมาป่าที่ดุร้ายจนยากที่จะเอาชนะได้ ทว่าบัดนี้กองทัพเรือที่หนึ่งแห่งต้าเซี่ยใช้เรือรบเพียง 18 ลำในการกวาดล้างเรือรบ 90 ลำของฝู่หล่างจี นี่เป็นชัยชนะที่พวกเขามิอาจจินตนาการถึงได้
“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ หากมิใช่เพราะพวกเราผนึกรวมกับต้าเซี่ย หากมิใช่เพราะฝ่าบาทสร้างท่าเรือราชนาวีขนาดใหญ่ขึ้นมาที่หยวนตงเต้าและฝึกฝนจนเกิดกองทัพเรือที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ขึ้นมา… การมาถึงของเรือรบจำนวนร้อยกว่าลำของฝูหล่างจี เกรงว่าผืนปฐพีของพวกเราตรงนี้จะถูกพวกมันทำลายเสียจนราบเรียบ ! ”
“เจ้าฝูหล่างจีสมควรตายเหล่านั้น พวกมันได้แย่งชิงทรัพย์สินของพวกเรา ทั้งยังชิงตัวสตรีของพวกเราไป ได้ยินว่าครานี้ฝ่าบาททรงลงมากำกับกองทัพเรือด้วยพระองค์เอง ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะสามารถทำลายล้างฝูหล่างจีได้ ! ”
“…”
โรงน้ำชาและร้านสุรา ตลาดปลาข้างทาง ทั่วทุกซอกทุกมุมของเมืองเซียอี๋ ขอเพียงแค่มีคนอยู่ พวกเขาต่างก็สนทนาถึงชัยชนะครายิ่งใหญ่จากศึกทางทะเลในครานี้
ท่าเรือเซียอี๋ ค่ายทหารของกองทัพเรือที่หนึ่ง เฮ้อซานเตาต่อยเข้าที่อกของจั่วมู่พลางสบถสาปแช่งไปเรื่อย “ข้าคิดอยากจะทานเนื้อสักคำ แต่สุดท้ายก็มิได้ดื่มแม้แต่น้ำแกงสักอึก เจ้านี่มัน…เจ้าทำเกินไปแล้ว ! ”
จั่วมู่หัวเราะร่า “ข้ายังมิทันได้ลิ้มรสเนื้อจนพอใจเลย เจ้าคิดอันใดของเจ้าอยู่กัน ? ใช่ ! แล้วฝ่าบาทเล่า ? ”
“…” เฮ้อซานเตาเหลียวซ้ายแลขวา แล้วเอนตัวไปข้างหูของจั่วมู่ด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วว่า “เจ้าคงมิทราบ คาดมิถึงว่าฝ่าบาทของพวกเราจะมีคนรักอยู่ที่เมืองเซียอี๋แห่งนี้ด้วย”
จั่วมู่ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด พลางหันหน้าไปมองเฮ้อซานเตาด้วยท่าทีตกตะลึง “เจ้ามิได้กำลังหลอกข้าใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าจะหลอกเจ้าหาพระแสงอันใด ท่านแม่ทัพใหญ่ป๋ายบอกว่านี่คือชีวิตของฝ่าบาท มิต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายให้มาก…” เฮ้อซานเตายกยิ้มอย่างมีชัย “เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? มองดูแล้วเหมือนจะมิเข้าใจ อย่าได้เอ่ยถามให้มากความ วันนี้ฝ่าบาทต้องเสด็จมาเป็นแน่”
จั่วมู่ตื่นตกใจมากยิ่งนัก แต่เมื่อลองตริตรองดูดี ๆ แล้ว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าเซี่ย ออกมาฝึกในสนามรบเป็นบางคราก็ดูเหมือนว่าจะมิใช่ปัญหาใหญ่อันใด
“จะออกเดินทางเมื่อใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เจ้ารีบซ่อมเรือก่อนเถิด จงให้เหล่าทหารพักผ่อนให้เต็มที่ในสองวันนี้ ให้ทหารแนวหลังเติมกระสุนให้เต็ม คาดว่าพรุ่งนี้เผิงหลางก็คงจะมาถึงแล้วเช่นกัน ข้าคิดว่าฝ่าบาทคงจะออกเดินทางในไม่กี่วันนี้แล้ว”
จั่วมู่ถูฝ่ามือไปมา รอยยิ้มกริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าซื่อ ๆ อีกครา “ฮึ ๆ ข้าได้วางแผนเอาไว้เนิ่นนานแล้ว ซานเตาเอ๋ย ศึกทางทะเลครานี้ ได้กำไรมาเยอะมากยิ่งนัก เจ้าอยากฟังหรือไม่ ? ”
“อยาก ! ”
กองทัพเรือที่สามของเฮ้อซานเตายังมิเคยได้ออกรบอย่างเป็นทางการมาก่อน เขาจ้องมองไปที่จั่วมู่อย่างคาดหวัง ทว่าจั่วมู่กลับเลิกคิ้วขึ้นพลางเอ่ยว่า “ไอหยา…หอซื่อฟางของเมืองเซียอี๋มีสุราเลิศรสเยี่ยงซีซานเทียนฉุนอยู่ด้วย ทั้งยังมีอาหารรสเลิศที่แตกต่างจากเมืองกวนหยุน…”
“คืนนี้ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง ตกลงหรือไม่ ? ”
“ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟังในคืนนี้”
“จั่วมู่… ! ”
“ไอหยา ข้ายังมีธุระที่ค่ายทหารอยู่เลย เจอกันค่ำนี้ ! ”
จั่วมู่หันหลังเดินจากไป เฮ้อซานเตาขบกรามอย่างนึกชิงชัง เขาเกือบจะชักดาบออกมาแล้วด้วยซ้ำ ทว่าทันใดนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นมา
ตอนที่จั่วมู่เพิ่งจะก้าวเท้าไปได้สองก้าว เขาก็จำต้องหยุดฝีเท้าลงเช่นกัน เพราะฟู่เสี่ยวกวนมาถึงแล้ว
“กระหม่อมผู้บัญชาการกองทัพเรือที่หนึ่งแห่งต้าเซี่ย…จั่วมู่ขอเข้าพบฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ! ”
จั่วมู่ยังมิทันได้ถอดชุดเกราะออกเลยด้วยซ้ำ เขายกมือขึ้นคำนับพลางเอ่ยทักทาย ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือไปมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพจั่ว คุณงามความดีของชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในครานี้จะขาดเจ้ามิได้เลย มา ๆ ๆ เล่าสถานการณ์ของสงครามครานี้ให้ข้าฟังโดยละเอียดสักหน่อยสิ”
เฮ้อซานเตาหัวเราะเยาะขึ้นมาทันพลัน จั่วมู่จ้องมองเฮ้อซานเตาเขม็งอย่างนึกเข่นเขี้ยว จากนั้นก็เดินนำฟู่เสี่ยวกวนเข้าไปยังห้องประชุมของกองทัพเรือที่หนึ่ง