นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1128 ออกเดินทาง
ตอนที่ 1128 ออกเดินทาง
รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนสิบ วันที่หนึ่ง ยามเช้าตรู่
สุริยายังมิทันโผล่พ้นขึ้นมาจากท้องทะเล ทว่าท้องนภาทิศตะวันออกเริ่มเป็นสีแดงแล้ว
ในเวลานี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้เดินออกมาจากเรือนหลังหนึ่งในตรอกเจียงหนาน เขาหันไปมองเถิงหยวนจี้เซียงที่เดินออกมาส่ง จากนั้นก็เบนสายตาไปมองฟู่โอ่วหลานอีกคราแล้วหันหลังเดินจากไป
ต้นฤดูหนาวช่างหนาวเหน็บมากยิ่งนัก ดูเหมือนฟู่โอ่วหลานจะรับรู้ได้ว่าบิดาของตนกำลังจะออกเดินทางไกล นางนอนอยู่ในอ้อมอกของเถิงหยวนจี้เซียงแล้วเบิกตากลมโตมองตามร่างที่เดินจากไป นางมิได้ร้องไห้ออกมา บางทีอาจจะเป็นเพราะนางยังเยาว์วัยและยังมิทันรู้ความ
ทว่าเถิงหยวนจี้เซียงรู้ดีอยู่เต็มอก
การที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางจากไปครานี้ เกรงว่าเขาคงยากที่จะกลับมาหาพวกนางสองแม่ลูกที่เซียอี๋อีกแล้ว
นางละสายตากลับมา จ้องมองทารกในอ้อมอกด้วยสายตารักใคร่ ความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง “ลูกสาวข้า เขาคือบิดาของเจ้า จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า ! เขากำลังจะออกสำรวจทางไกล พวกเรามาช่วยกันอธิษฐานให้เขาและตั้งตารอการกลับมาของเขาอย่างปลอดภัยกันเถิด”
……
……
ขบวนรถม้ามุ่งหน้าไปทางค่ายทหารของกองทัพเรือที่หนึ่ง
ด้านในรถม้าสวี่หยุนชิงได้เอ่ยถามฟู่เสี่ยวกวนขึ้นอีกคราว่า “เจ้าตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ หรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าตอบรับ “เนื่องจากการเดินทางออกทะเลครานี้ยาวนานมากยิ่งนัก ข้าจึงอยากไปดูที่ชั้นสิบแปดของหอเทียนจีด้วยตาของตนเองก่อน…”
เขาเงยหน้าขึ้นมองสวี่หยุนชิง ยกยิ้มแล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าเพียงแค่ไปดูเท่านั้น”
สวี่หยุนชิงพยักหน้า “แม่รู้ว่าหากเจ้าตัดสินใจใด ๆ ไปแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเจ้าได้ ทุกสิ่งอย่างแม่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้เจ้าขึ้นสู่เรือกวนหยุนห้าวและพบปะกับเหล่าทหารเรียบร้อยแล้วแม่จะพาเจ้าจากไป เจ้าจงทิ้งราชโองการเอาไว้หนึ่งฉบับให้แก่ไป๋ยู่เหลียน มิเช่นนั้นเมื่อพวกเขาพบว่าฝ่าบาทมิได้อยู่บนเรือ คงจะพากันหันหัวเรือกลับมาตามหาเจ้าเป็นแน่”
“อืม…ประเดี๋ยวข้าจะไปพบไป๋ยู่เหลียนด้วยตนเอง”
“ลูกแม่”
“ขอรับ ? ”
“แม่อยากถามเจ้าเสียเหลือเกิน แท้จริงแล้วเจ้ามาจากที่ใดกันแน่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับมาว่า “เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลมากยิ่งนัก แท้จริงแล้วข้าก็มิแน่ใจนัก ทว่าสถานที่ที่ข้าเคยใช้ชีวิตอยู่นั้น มิว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรมหรือวิทยาศาสตร์ก็ล้ำหน้ากว่าที่นี่มากโขเลยทีเดียว”
“สถานที่แห่งนั้นมีเครื่องบินที่สามารถบินบนท้องนภาได้ มีรถยนต์ที่ทำจากเหล็กวิ่งอยู่บนท้องถนน รถไฟที่ต้าเซี่ยกำลังศึกษาค้นคว้าอยู่นั้น ในสถานที่ที่ข้าเคยอยู่มันสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ในโลกใบนั้นยังมีสิ่งที่พวกท่านมิอาจจินตนาการได้อีกมากมาย”
“อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ มันเป็นสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ ทว่าสามารถติดต่อกับผู้อื่นในระยะทางไกลได้ เช่น ท่านอยู่ที่หยวนตงเต้า แต่ข้าอยู่ที่เมืองกวนหยุน หากข้าคิดถึงท่านก็สามารถใช้เจ้าสิ่งนั้นสนทนาให้หายคิดถึงได้”
“นั่นคือโลกที่สดใส ทว่าก็มีสงคราม มีคนจนและความไม่เท่าเทียมในโลกใบนั้นเช่นกัน แต่ประเทศที่ข้าอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง มันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ในแง่ของตำแหน่งเกือบจะเหมือนกับต้าเซี่ยในปัจจุบันนี้”
สวี่หยุนชิงตั้งใจฟังอย่างละเอียด แน่นอนว่านางมิเข้าใจและมิอาจจินตนาการถึงได้
อยู่ ๆ นางก็เอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ดังนั้น…ต้าเซี่ยแห่งนี้เจ้าได้ก่อตั้งมันขึ้นมาโดยใช้แนวคิดของประเทศนั้นใช่หรือไม่ ? ”
“ก็มิใช่เสียทั้งหมด เนื่องจากยุคสมัยที่แตกต่างกัน ทว่าหากต้าเซี่ยสามารถพัฒนาไปตามแนวทางของประเทศนั้นได้ ก็คงมิต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากอีก ต้าเซี่ยจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ยิ่งใหญ่เสียจนมิมีผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามา ยิ่งใหญ่เสียจนต้าเซี่ยว่าเยี่ยงไรก็มิมีผู้ใดกล้าคัดค้าน ! ”
ดวงตาของสวี่หยุนชิงเป็นประกายขึ้นมาทันใด “หากว่าที่ชั้นสิบแปดของหอเทียนจีมีอันตรายอยู่จริง หากว่า… แม่หมายถึงหากว่าเจ้านั้นมิอาจกลับมาได้ เช่นนั้นต้าเซี่ยจะสูญเสียทิศทางไปหรือไม่ ? ”
ครานี้ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนานเพื่อครุ่นคิด บัดนี้ต้าเซี่ยยังคงเป็นสังคมศักดินา ต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเข้าสู่อารยธรรมอีกขั้นหนึ่ง หากเขามิอยู่แล้วจริง ๆ ก็คงมิมีผู้ใดรู้ว่าอารยธรรมต่อไปจะเป็นเยี่ยงไร อนาคตของต้าเซี่ยจะดำเนินไปในทิศทางใด
แม้ว่าวงล้อแห่งอารยธรรมจะหมุนไปข้างหน้าเสมอ ทว่าหนทางข้างหน้าจะราบเรียบหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ? จะตรงหรือคดเคี้ยว ? ก็คงมิมีผู้ใดสามารถทำนายสิ่งเหล่านี้ได้
“บางทีสถานที่แห่งนั้น อาจจะมิมีอันตรายเหมือนอย่างที่คิด”
“เจ้าเองก็รู้ดีว่าความมิแน่นอนมิสามารถรับประกันได้ เอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่…” สวี่หยุนชิงก้มตัวลงมา จ้องมองไปทางฟู่เสี่ยวกวนอย่างคาดหวัง “ส่งทหารของต้าเซี่ยเข้าไปรื้อสถานที่แห่งนั้นดู เจ้าคิดเป็นเยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงทันใด นี่เป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว แต่ในมิช้าเขาก็ได้สลัดความคิดนี้ออกไปจากสมอง เนื่องจากเขามิอาจรู้ได้ว่าที่ข้างใต้นั้นมีสิ่งอันตรายต่อมนุษย์อยู่หรือไม่ อาทิเช่น…มลพิษนิวเคลียร์หรือไวรัสบางชนิด
เนื่องจากมันถูกสร้างไว้ใต้ดินชั้นที่สิบแปด สถานที่แห่งนั้นเปรียบเสมือนนรก หากว่าไวรัสเหล่านั้นถูกปล่อยออกมา อาจจะทำลายล้างใต้หล้านี้จนราบก็เป็นได้
ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าแล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ลูกไปดูเองจะดีกว่า”
สวี่หยุนชิงยืดตัวตรง นางมิได้ห้ามปรามฟู่เสี่ยวกวนอีก
ขบวนรถม้าดำเนินมาถึงค่ายทหารของกองทัพเรือที่หนึ่ง ชั่วอึดใจที่สุริยาโผล่พ้นขอบฟ้า ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่ประตูของค่ายทหาร
ทหารระดับผู้นำทุกนายซึ่งนำโดยไป๋ยู่เหลียนได้รออยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาทั้งหมดยืนและยกมือขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ทำความเคารพฟู่เสี่ยวกวนอย่างทหาร
“ทุกท่าน”
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ด้านหน้า สายตาของเขาสอดส่องไปยังใบหน้าของนายทหารระดับผู้นำทุกนาย
“ในวันนี้พวกเราจะทำการเดินเรือ ไปยังสถานที่ที่พวกเรามิเคยไปมาก่อน ! ”
“การเดินทางในครานี้ พวกเราอาจจะต้องพบกับพายุกระหน่ำในมหาสมุทร หรืออาจจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้นอาจจะต้องก่อสงครามอันโหดเหี้ยมขึ้นกลางทะเล ! ”
“แต่ในครานี้พวกเราจำเป็นต้องเดินทางออกไป เพื่ออนาคตอันยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ย เพื่อความสุขของราษฎรในอนาคต ! ”
“พวกเรามิได้ต้องการทำสงครามเพื่อขยายอาณาเขต สิ่งที่พวกเราต้องการคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางการค้ากับประเทศเหล่านั้น”
“แน่นอนว่า หากมีประเทศใดมิให้การต้อนรับพวกเรา…พวกเราก็มิรังเกียจที่จะใช้ความรุนแรงให้พวกเขายอมจำนน”
“ดังนั้น พวกเจ้าจงไปบอกกับลูกน้องทุกคนว่า การเดินทางในครานี้ พวกเราจะเดินทางไปบนเส้นทางสายโลหิตและกลีบดอกไม้ ข้าจะใช้เลือดของศัตรูเหล่านั้นมารดดอกไม้แทนน้ำ ! ข้าต้องการให้ทุกประเทศในใต้หล้านี้ เงยหน้ามองดูต้าเซี่ยของเรา ! ”
“ต้าเซี่ยตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของโลกใบนี้ ข้าต้องการให้ทั้งโลกเข้าใจว่า ดินแดนเทพทางตะวันออกศักดิ์สิทธิ์และมิสามารถขัดขืนได้ ! ”
“ไป๋ยู่เหลียนจงอยู่ก่อน ส่วนทหารนายอื่น ๆ จงขึ้นสู่เรือรบ เตรียมตัวออกเดินทางได้ ! ”
เหล่าทหารทั้งหลายพากันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ทำความเคารพแบบทหาร ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติยินดี
ท่ามกลางห้องโถงของค่ายทหาร ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงตรงข้ามกับไป๋ยู่เหลียน
สวี่หยุนชิงยืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวน ส่วนเป่ยหวังฉวนกับหนิงซือเหยียนนั่งขนาบข้างฟู่เสี่ยวกวน
ไป๋ยู่เหลียนจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนในตอนนี้จริงจังมากยิ่งนัก
“แม่ทัพไป๋ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าจำต้องบอกกับเจ้า”
ไป๋ยู่เหลียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “เชิญฝ่าบาทตรัสมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ข้า…มิอาจเดินทางไปด้วยได้แล้ว”
“…เกิดเรื่องขึ้นที่เมืองกวนหยุนเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“มิใช่…”
ฟู่เสี่ยวกวนยังมิทันได้เอ่ยจนจบ สวี่หยุนชิงก็ได้ยกมือขึ้นมา ในขณะที่เป่ยหวังฉวนและหนิงซือเหยียนยังมิทันได้ตั้งตัว ชั่วอึดใจนั้นมือของนางก็ฟาดลงไปท้ายทอยของฟู่เสี่ยวกวน
“พลั่ก… ! ”
จากนั้นร่างของฟู่เสี่ยวกวนก็อ่อนแรงจนล้มพับลงกับพื้น…