นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1139 ชายอ้วนผู้หลงทาง
ตอนที่ 1139 ชายอ้วนผู้หลงทาง
ทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่ คณะเดินทางคณะหนึ่งกำลังเดินฝ่าพายุหิมะอย่างยากลำบาก
“ซูเจวี๋ย นี่คือเส้นทางที่เจ้าเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ ? มันมีทางเดินตรงที่ใดกัน นี่พวกเรากำลังหลงทิศใช่หรือไม่ ? ”
ชายอ้วนฟู่ต้ากวนแผดเสียงดังลั่น สองมือของซูเจวี๋ยจับหมวกเอาไว้พลางมองไปทางชายอ้วนด้วยความอับอาย “ท่านอาจารย์รอง…เกรงว่าพวกเราจะหลงทางแล้วจริง ๆ ”
“บัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดี ? ”
“ท่านอายุมากสุด ท่านตัดสินใจเถิด ! ”
ชายอ้วนรู้สึกมิดีไปทั้งร่าง ทั้งสี่ด้านแปดทิศของสถานที่แห่งนี้ต่างก็เป็นสีขาวโพลน ทั้งยังมองมิเห็นจุดจบ ซูเจวี๋ยเอ่ยว่าหากข้ามทุ่งหิมะนี้ไปก็จะไปถึงภูเขาหิมะ ที่เชิงเขาหิมะมีชนเผ่าเล็ก ๆ อาศัยอยู่ ตามแผนการพวกเขาจะพักเท้าที่หมู่บ้านแห่งนั้น พอข้ามภูเขาหิมะลูกนี้ไปก็จะถึงแคว้นหงเหมาแล้ว
ทว่าบัดนี้ได้เกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว แคว้นหงเหมาอยู่ทิศทางใดกัน ?
“ซูม่อ เจ้าก็จำมิได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซูม่อกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ถอนหายใจยาวออกมาพลางส่ายหน้าพรืด “ยามที่ข้าและศิษย์พี่ใหญ่เดินทางกลับ ที่นี่มิได้เป็นทุ่งหิมะเยี่ยงนี้ ยามนั้นยังเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี บุปผากำลังเบ่งบาน…”
“หยุด ๆ ๆ ” ชายอ้วนเอ่ยขัดซูม่อพลางเงยหน้าขึ้นมองพายุหิมะที่น่าพิศวงด้วยท่าทีห่อเหี่ยว พวกเราจะนั่งรอให้ถึงช่วงหิมะละลายในปีหน้ามิได้หรอก หากเมื่อถึงเวลานั้นแล้วยังหาทางออกจากทุ่งหิมะสมควรตายนี่มิได้ เกรงว่าคงต้องฝังร่างเป็นผีอยู่ที่นี่เสียแล้ว ปรมาจารย์หนาวตาย เหมือนว่าจะมิเคยได้ยินมาก่อน
ซูโหรวอุ้มบุตรไว้ในอ้อมอกพลางสอดสายตามองไปรอบด้าน จากนั้นก็เอ่ยกับชายอ้วนด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงว่า “ท่านอาจารย์รอง… ท่านเลือกมาสักทิศทางดีหรือไม่ ศิษย์น้องเล็กเอ่ยไว้ว่าโลกเป็นทรงกลมมิใช่หรือ หากพวกเราเดินไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ต่อให้ไปมิถึงแคว้นหงเหมา มิแน่ว่าอาจจะไปถึงแคว้นลู่เหมาหรือแคว้นจื่อเหมาก็เป็นได้”
ชายอ้วนก็คิดเยี่ยงนี้เช่นกัน เยี่ยงไรเสียบัดนี้ก็หมดหนทางแล้ว เดินหาทางออกไปเรื่อย ๆ ยังจะดีกว่า !
ดังนั้นชายอ้วนผู้ทรงอำนาจก็ได้ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ชี้ออกไป “ไปทางเหนือ ! ”
ขบวนจึงออกเดินทางทั้งอย่างนั้นอีกครา พวกเขามุ่งหน้าไปทางเหนือ
ชายอ้วนมิทราบเลยว่าเส้นทางที่เขาชี้นั้น กำลังนำกลุ่มผู้มีวรยุทธ์สูงส่งไปอีกทิศทางหนึ่ง พวกเขาจะได้พบกับภูเขาหิมะที่สูงตระหง่านแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน มันคือเทือกเขาหิมาลัย !
พวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มนักสำรวจกลุ่มแรกของโลกที่ได้ข้ามผ่านเทือกเขาหิมาลัย หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไปถึงอาณาจักรที่ใหญ่โตอย่างมาก…ราชวงศ์โมริยะ !
ทว่าในขณะเดียวกัน ยุโรปที่อยู่ห่างไกล ก็ได้มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง นำทหาร 30,000 นายออกสำรวจทางตะวันออก
คนในกลุ่มของชายอ้วน ซูม่อได้รับคำแนะนำจากฟู่เสี่ยวกวน เขาพาอดีตทหารดาบเทวะ 3,000 นายมาด้วย และทหารดาบเทวะทั้งสามพันนายนี้ก็แทบจะเป็นลูกศิษย์สำนักเต๋ากันทั้งหมด
นอกจากนี้แล้ว ยังมีกลุ่มคนที่พิเศษอีกกลุ่มหนึ่ง หากฟู่เสี่ยวกวนได้มาเห็น เขาจะต้องตกตะลึงเป็นแน่ พวกนางก็คือภรรยาทั้งหกและลูกทั้งหกของชายอ้วนนั่นเอง !
ชายอ้วนมิได้สังหารพวกนางแล้วโยนลงแม่น้ำแยงซีแต่อย่างใด เขาเพียงซ่อนพวกนางเอาไว้ เพราะ…พวกนางคืออนุของเขาโดยแท้จริง พวกนางได้ให้กำเนิดบุตร 6 คนและเป็นเมล็ดพันธุ์ของเขาโดยแท้จริงเช่นกัน !
ดังนั้นชายอ้วนจึงมิสามารถอยู่ที่ประเทศต้าเซี่ยต่อไปได้ เขาจำต้องไปยังสถานที่ห่างไกลเพื่อค้นหาดินแดนในอุดมคติ
ในเมื่อซูเจวี๋ยเอ่ยว่าอะแลสกามิเลว สิ่งที่เขาตั้งใจในตอนต้นคือเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น
แต่คาดมิถึงว่าพายุหิมะลูกใหญ่นี้จะเปลี่ยนเส้นทางการเดินของพวกเขาไป
“บัดนี้มืดมากแล้ว หาที่กำบังลมและพักแรมเถิด ซูเจวี๋ย ซูม่อและเกาหยวนหยวน… พวกเจ้าออกไปล่าสัตว์กลับมาสักเล็กน้อย พวกเราจะพักทานมื้อค่ำกันที่นี่ แล้วค่อยออกเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ ! ”
“นายท่าน แท้จริงแล้วจะพาพวกเราไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ ? ” ฉีซื่อที่สวมชุดขนสัตว์สีดำยืนอยู่เบื้องหน้าฟู่ต้ากวนพลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ไปยังสถานที่ที่ดีและใหญ่กว่าหลินเจียง ! ”
“ประเทศต้าเซี่ยรุ่งเรืองมากยิ่งนัก เหตุใดพวกเราต้องจากมาด้วยกัน ? ” พวกชวูหลิงหลงและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน พวกนางต่างก็มองไปทางฟู่ต้ากวน
นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกนางยากจะเข้าใจ นายท่านหายไปเสียเนิ่นนานสุดท้ายก็กลับมายังจวนฟู่ที่หลินเจียง ทว่าในราตรีนั้นเอง เขาก็ได้ส่งพวกนางขึ้นเรือไป
ฟู่เสี่ยวกวนเป็นจักรพรรดิของประเทศต้าเซี่ย !
มิว่าเยี่ยงไรฟู่เสี่ยวกวนก็คือคนที่ฟู่ต้ากวนเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ด้วยตนเอง จนถึงขั้นแต่งตั้งให้ฟู่ต้ากวนเป็นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงของประเทศต้าเซี่ยอีกด้วย
เดิมทีคิดว่าในที่สุดก็ได้เห็นแสงจันทร์เสียที ครุ่นคิดไปว่าช่วงเวลาที่ดีได้มาถึงแล้ว มิเคยคิดเลยว่าต้องมาเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการพลัดถิ่นเยี่ยงนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดช่องว่างระหว่างนายท่านและเสี่ยวกวน ?
“อย่าได้คิดมากไป ข้าคือเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียง ทว่าที่ดินที่หลินเจียงนั้นเล็กเกินไป มิเหมาะกับฐานะของเศรษฐีที่ดินใหญ่เยี่ยงข้า บุตรชายของข้าเสี่ยวกวนบัดนี้ได้เป็นเศรษฐีที่ดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าแล้ว ข้ามิสามารถน้อยหน้าเขาได้ ดังนั้นข้าจึงพาพวกเจ้าไปตามหาดินแดนที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า เพื่อเป็นเจ้าของที่ดินที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าของเสี่ยวกวนบุตรชายของข้า”
เห็นได้ชัดว่าเป็นคำเอ่ยไร้สาระ ในท้ายที่สุดสตรีทั้งหกก็มิเข้าใจอยู่ดี แท้จริงแล้วมิเพียงแต่พวกนางเท่านั้น แม้แต่พวกซูเจวี๋ยก็มิเข้าใจเหตุผลของชายอ้วนเช่นกัน
สิ่งที่พวกเขาคิดคือท่านอาจารย์ซูฉางเซิงตกตายด้วยเงื้อมมือของท่านอาจารย์รอง ท่านอาจารย์รองมิต้องการเห็นพวกเขาตามแก้แค้นฟู่เสี่ยวกวน ดังนั้นจึงพาพวกเขาจากประเทศต้าเซี่ยมา
ในใจของพวกเขามิได้มีความคิดที่จะลงมือกับศิษย์น้องเล็กแต่อย่างใด ดังนั้น “แท้จริงแล้วมาลำบากลำบนเยี่ยงนี้เพื่ออันใดกัน ? ” ร่างกลม ๆ ของเกาหยวนหยวนราวกับกำลังกลิ้งไปบนพื้นหิมะ
ซูเจวี๋ยขยับหมวก จากนั้นก็คว้าแกะตัวหนึ่งจากพื้นหิมะขึ้นมาพลางตอบกลับไปว่า “ชีวิตขึ้นอยู่กับความยากลำบาก ! ”
ซูม่อจ้องมองศิษย์พี่ใหญ่อยู่เงียบ ๆ เขารู้สึกว่าวาจาของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มฟังดูลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
ซูเตี่ยนเตี่ยนกระตุกยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “คนของสำนักเต๋าต่างก็จากมาจนหมดสิ้น แล้วสำนักเต๋าจะทำเยี่ยงไรต่อไป ? ”
“ผู้ใดบอกเจ้าว่าจากมาจนหมดสิ้นกัน มิใช่ว่าศิษย์น้องหกกับท่านอาจารย์สามยังอยู่ที่ประเทศต้าเซี่ยหรอกหรือ ? พวกนางย่อมสามารถพัฒนาสำนักเต๋าให้กลับมารุ่งเรืองได้ดังเดิมเป็นแน่” เมื่อซูเจวี๋ยเอ่ยจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาสีเทาหม่น “นอกจากนี้…พวกเรากำลังเดินทางค้นหาสถานที่แห่งใหม่กับท่านอาจารย์รอง เมื่อพบแล้วก็สามารถสร้างสำนักเต๋าขึ้นมาได้อีกคราเช่นกัน”
คำเอ่ยของศิษย์พี่ใหญ่ค่อนข้างสมเหตุสมผล เหล่าศิษย์น้องที่เหลือจึงมิได้เอ่ยถามอันใดอีก ซูม่อถอนหายใจออกมาช้า ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าว่า…พวกเราจะยังสามารถกลับไปประเทศต้าเซี่ยได้อีกหรือไม่ ? ”
“เจ้าคำนึงถึงศิษย์น้องเล็กเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อืม…นี่คือคำสอนของสำนักเต๋า ในยามที่ท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้เอ่ยเอาไว้หลายครา มีความเป็นไปได้ที่ศิษย์น้องเล็กจะเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมความรู้ ข้าอยู่ข้างกายศิษย์น้องเล็กมานาน บัดนี้ก็แน่ใจแล้วว่าท่านอาจารย์มองมิผิด และเขายังเป็นผู้บุกเบิกอีกด้วย ควรจะมีศิษย์ของสำนักเต๋าคอยคุ้มกัน ! ”
“เยี่ยงนั้นเหตุใดท่านอาจารย์ถึงต้องลงมือกับศิษย์น้องเล็กด้วยกัน ? ”
“…” ซูม่อมิสามารถตอบกลับไปได้
ซูเจวี๋ยขยับหมวกอีกครา “ท่านอาจารย์ได้มอบราชวงศ์เหลียวให้กับศิษย์น้องเล็ก ทำให้จำนวนปรมาจารย์ในใต้หล้าลดลง และได้ใช้ชีวิตของตนเองพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วศิษย์น้องเล็กเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความรู้จริงหรือไม่… ดังนั้นท่านอาจารย์คือผู้ยิ่งใหญ่”
คิ้วของซูม่อขมวดเข้าหากันแน่น เขาเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หากท่านอาจารย์ต้องการสังหารศิษย์น้องเล็กจริง ๆ…จะอธิบายว่าเยี่ยงไร ? ”
“นั่นหมายความว่าศิษย์น้องเล็กมิใช่ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความรู้…”
สำหรับมุมมองนี้ของศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ย ซูม่อยังคงมีท่าทีสงสัย เพียงแค่ตอนนี้ท่านอาจารย์ได้สิ้นไปแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องลึกลับที่ยากจะเข้าใจ
“เจ้าเอ่ยถามข้าว่า…บัดนี้ศิษย์น้องเล็กกำลังทำอันใดอยู่กัน ? ”
“เขาต้องการจะหยุด แต่เขาหยุดมิได้ เพราะนี่คือกระแสของใต้หล้า ! ”