นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 114 แบบร่างธุรกิจ
ตอนที่ 114 แบบร่างธุรกิจ
เช้าตรู่วันต่อมา ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินเดินทางมายังที่พักที่ฟู่เสี่ยวกวนอาศัยอยู่ชั่วคราว ต่งซิวเต๋อได้เดินทางมาด้วยเช่นกัน เขาอยากรู้ว่าน้องสาวและน้องเขยนั้นจะมีเงินทองมากน้อยเพียงใด
แน่นอนว่าเขาเองก็ประหลาดใจว่าน้องสาวและพี่เขยนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ?
นางเป็นถึงองค์หญิงเก้าเชียว !
สถานที่ฟู่เสี่ยวกวนพำนักอยู่ตอนนี้คือจวนของชินอ๋องในราชวงศ์ก่อนหน้า แต่เขามิใช่ชินอ๋องแต่อย่างใด หากองค์หญิงและบุตรเศรษฐีที่ดินเช่นเขาลงเอยกัน เขาจะได้รับตำแหน่งพระราชสวามี ถ้าเป็นเช่นนั้นน้องสาวของเขาจะทำเยี่ยงไร ?
บัดนี้มองดูแล้วน้องสาวตนและองค์หญิงเก้าคล้ายกับมิมีปัญหาขัดแย้งอันใดกัน แต่ต่อไปเล่า ?
ต่งซิวเต๋อไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะมาดูด้วยตาตนเอง
ทั้งสี่คนนั่งร่วมโต๊ะกัน หยูเวิ่นหวินกล่าวออกมาเป็นคนแรกว่า “เมื่อคืนข้าได้ไปกราบทูลกับเสด็จแม่ ท่านก็มิได้แสดงท่าทางอันใด กล่าวว่าจะต้องสอบถามจากปี้ตง เสนาบดีกรมโยธา ที่ผ่านมาทางราชสำนักมิเคยก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่คาดว่าไม่มีผลใด เพียงแต่ค่าใช้จ่ายเรื่องของวัสดุอุปกรณ์และค่าแรง พวกเราจะต้องจัดหาเอง”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าตอบรับ ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบสิ้นเสียที
“ข้าสั่งให้เสี่ยวฉีไปพบกับผู้ค้าแรงงานเรียบร้อยแล้ว กำชับนางซื้อบ่าวรับใช้และคนสวนมาจำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมการจัดเก็บทำความสะอาดล่วงหน้า อีกทั้งในอนาคตท่านลุงและท่านป้าจำนวนมากมายจะได้เดินทางมาอย่างสะดวก มีบ่าวรับใช้ไม่ติดขัด ส่วนผู้ดูแลนั้นหายากเสียจริง หรือเจ้าจะคัดสรรจากซีซานมาบ้างก็คงดี”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอีกครั้ง บัดนี้เขามีแม่ถึงหกคน อีกทั้งแม่รองของเขาคาดว่าน่าจะให้กำเนิดบุตรแล้ว ยังไม่รู้ว่าเป็นน้องชายหรือน้องสาว
“เมื่อคืนข้าลองคำนวณดูคร่าวๆ การที่จะบูรณะจวนนี้ให้กลับมาเป็นดังเดิม และจัดหาเครื่องใช้ในเรือนเท่าที่จำเป็น ต้องใช้เงินจำนวน 58,000 ตำลึง หากเครื่องใช้ในเรือนคัดสรรให้ประณีตขึ้นมาสักหน่อย และประดับด้วยแปลงดอกไม้ ต้องใช้เงินประมาณเจ็ดหมื่นกว่าตำลึง ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่าไม่มีคนอาศัย ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลานานเท่าใด”
ต่งซิวเต๋อสูดหายใจเข้าลึก พื้นที่แห่งนี้หากต้องการปรับปรุงและพักอาศัยต้องใช้เงินถึงหนึ่งแสนตำลึงเชียวหรือ !
ต่งชูหลานเลิกคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า “เวิ่นหวิน ถ้าเช่นนั้นร้านเสื้อผ้าของพวกเราควรรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ต่อจากนี้ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว”
“ เช่นนั้น ! ร้านในตรอกชิงหลวนห้าแห่งนั้น ท่านพี่สามรับปากขายให้ข้า 2 ร้าน ราคาร้านละ 3,000 ตำลึง เงินส่วนนี้ข้าจะจ่ายเอง”
“เจ้าได้ร้านสองร้านนั้นมาแล้วจริงหรือ ? ราคานี้…เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ตรอกชิงหลวนนั้นราคาร้านเท่าใด ? ข้าจะบอกแก่เจ้าว่า ทำเลที่แย่ที่สุดมีมูลค่าถึง 8,000 ตำลึง ทำเลดีที่สุดอาจถึง 15,000 ตำลึงได้ ! ”
หยูเวิ่นหวินตกตะลึง เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้นางมิเคยหยิบมาใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะครั้งที่แล้วกล่าวขึ้น ณ เรือนซีซาน นางคงมิได้คิดเกี่ยวกับร้านนี้แม้แต่น้อย
“หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้แต่แรก…ข้าควรจะเอามาทั้งสิ้นเสียจริง !”
สตรีสองนางกำลังวางแผนอนาคตอย่างตื่นเต้น ต่งชูหลานเผยถึงความสามารถส่วนตัวอันน่าทึ่งในด้านการค้าแก่ทุกคน แต่ละขั้นตอนช่างละเอียดนัก รูปแบบธุรกิจส่งเสริมการขายชุดชั้นในถูกสร้างขึ้นด้วยพู่กันของนาง
ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟัง เขากำลังครุ่นคิดว่าควรจะกล่าวกับพวกนางเรื่องกางเกงในสตรีหรือไม่
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขายครบทั้งชุดจะไม่ดีกว่าหรือ
ดังนั้นเขาจึงได้วาดรูปออกมา สตรีทั้งสองเมื่อได้เห็นก็อายเสียจนหน้าแดง
พวกนางมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาแปลกประหลาด ในใจได้นึกว่าเหตุใดเขาจึงได้คิดสิ่งประหลาด ๆ เช่นนี้กัน ?
เหตุใดจึงได้นึกถึงกางเกงชั้นใน หรือเขาจะเคยพบเห็นมาก่อน ?
หลังจากเรื่องนี้จบลงคงจะต้องสอบถามดูเสียหน่อย แต่กางเกงชั้นในนี้มองไปก็งดงามดีเหมือนกัน คาดว่าหลังสวมใส่คงจะสบายน่าดู
ด้วยวิธีนี้ ต้าหยูจึงได้กำเนิดสินค้าสองชนิดที่เป็นการปฏิวัติสตรีขึ้นมา จากนั้นก็แพร่กระจายไปยังเหล่าเศรษฐีแคว้นต่าง ๆ
แต่บัดนี้ก็ยังประสบปัญหาหนึ่งขึ้นมา “ข้าและเวิ่นหวินมิอาจลงมือได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้จักต้องหาผู้ที่ไว้ใจได้มาจัดการดูแล”
ปัญหานี้ต่งชูหลานนึกขึ้นมาได้ ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ปล่อยให้ท่านพี่รองของเจ้าจัดการเถิด”
“เขา…!” ต่งชูหลานเบิกตากว้าง ท่านพี่ผู้นี้นอกเสียจากเงินทอง ก็มิมีสิ่งใด จะเชื่อถือได้หรือไม่ ? คงจะมิทำให้ร้านต้องปิดตัวลงใช่หรือไม่
อีกอย่าง เขาเป็นบุรุษ หากให้เขาจัดการขายของใช้สตรีเช่นนี้…ใครจะกล้าซื้อกัน ?
ต่งซิวเต๋อมิเข้าใจว่าพวกเขาพูดถึงขายสิ่งใดกันอยู่ เพียงแต่ได้ยินฟู่เสี่ยวกวนกล่าวว่าจะให้ตนไปช่วยดูแลร้านค้า แน่นอนว่าเขาช่างยินดีนัก อีกทั้งสตรีทั้งสองนางดูภาคภูมิใจยิ่ง สินค้านี้น่าจะต้องได้รับความนิยมสูง
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วกล่าวว่า “เชื่อข้าเถิด ท่านพี่รองขายสินค้านี้ได้แน่นอน”
“ขายสิ่งใดกัน ?” ต่งซิวเต๋อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ท่านกล่าวว่าเงินของสตรีได้มาง่ายที่สุดมิใช่หรือ ? แน่นอนว่าต้องขายเกี่ยวกับสินค้าสำหรับสตรี”
ต่งซิวเต๋อแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่เขาก็ส่ายหัวในเวลาต่อมาแล้วกล่าวว่า “ที่ทาแก้มนั้นเหวินเซียงโหลวได้ทำไปก่อนแล้ว และเหวินเซียงโหลวก็ตั้งอยู่ในตรอกชิงหลวน พวกเจ้าจะไปแข่งขันกับเขาได้อย่างไร ?”
ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าต่งซิวเต๋อแล้วเอ่ยว่า “ข้ามิได้ขายที่ทาแก้ม แต่ถึงแม้ว่าจะขายที่ทาแก้มก็ได้กำไรงามเช่นกัน ท่านพี่มิได้สำรวจการตลาดอย่างจริงจัง ข้าจะอธิบายให้ฟังคร่าวว่า ๆ เหวินเวียงโหลวนั้นขายที่ทาแก้มคุณภาพสูง สำหรับสตรีชั้นสูง แต่ในเมืองหลวงนี้ยังมีร้านขายที่ทาแก้มจำนวนไม่น้อย พวกเขาขายสำหรับชนชั้นกลางหรือชั้นล่าง ซึ่งขายได้กำไรงามเช่นกัน หากไม่เชื่อข้า ท่านสามารถไปตรวจสอบได้”
“พวกเราจำเป็นต้องผลิตสินค้าสำหรับผู้คนหลายชนชั้นหรือไม่ ? ” ต่งชูหลายเอ่ยถาม
“ไม่ พวกเราจะผลิตเพื่อสตรีชั้นสูงเท่านั้น”
หยูเวิ่นหวินไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ผลิตทั้งสำหรับสตรีชั้นสูง ชั้นกลางและชั้นล่างในคราเดียว พวกเขาจะได้ครอบครองการตลาดนี้ ?
“ความสนใจของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน สตรีชั้นสูงเหล่านี้มีความต้องการของสองชิ้นนี้มากกว่า และพวกเจ้าจะต้องให้ความสนใจต่อเนื้อผ้า การออกแบบและความสวยงาม และพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น”
“เมืองหลวงใหญ่โตเพียงนี้ หากขายอยู่ที่ตรอกชิงหลวนแห่งเดียวคงไม่ได้แน่ พวกเจ้าจะต้องทำให้ชื่อเสียงร้านของตรอกชิงหลวนเป็นที่รู้จักก่อน จากนั้นจึงขยายร้านไปยังแหล่งชุมชนร้านแห่งที่สองและแห่งที่สาม หรืออาจขยายทั่วทั้งแคว้นก็เป็นได้ การทำการค้าเช่นนี้เรียกว่าการดูแลกิจการแบบตัวแทนจำหน่าย สิ่งนี้คือวัตถุประสงค์แท้จริงของพวกเรา”
“นอกจากนี้น้ำหอมที่ซีซาน อีกทั้งสบู่ที่กำลังจะผลิต สิ่งของเหล่านี้ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อสตรีชั้นสูง สามารถนำมาขายด้วยกันได้ แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนไป เราควรค่อย ๆ ทำทีละก้าว แบบร่างของเราคือเช่นนี้ แต่จุดมุ่งหมายของพวกเราทั้งสิ้นก็คือการขยายร้านค้าไปทั่วแคว้นนั่นเอง”
ต่งชูหลานครุ่นคิดชั่วครู่จากนั้นจึงเข้าใจ แววตาสดใสคู่นั้นมองดูฟู่เสี่ยวกวนด้วยความชื่นชม บุตรพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง สามารถมีหัวคิดด้านการค้าเช่นนี้ !
วิธีการค้าเช่นนี้ยังไม่มีมาก่อน หากพวกเขาสามารถทำได้ตามที่คิด คงจะได้กำไรจนน่าตกใจ
หยูเวิ่นหวินมองดูด้วยความไม่เข้าใจ อย่างไรเสียเรื่องเหล่านี้ต่งชูหลานเป็นคนจัดการ ดังนั้นนางจึงมิจำเป็นต้องไปครุ่นคิด
สตรีสองนางมิได้ลังเลแต่อย่างใด พวกนางลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจากไป ต่งซิวเต๋อรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เขาพอเข้าใจความหมายของฟู่เสี่ยวกวนอยู่บ้าง แต่ยังไม่เข้าใจว่าจะขายสิ่งใด
“ต่อไปท่านก็จะรู้เอง แต่ข้าขอกล่าวกับท่านก่อนว่า การค้าก็คือการค้า จะไม่มีการละเว้นเรื่องของกฎเกณฑ์ใด ๆ !”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยอย่างตั้งใจ ต่งซิวเต๋อฟังด้วยความตื่นเต้น
นี่คือการรตักเตือน เนื่องจากต่งซิวเต๋อรักในเงินทอง แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร
ฟู่เสี่ยวกวนกำลังจะนั่งลงเพื่อเขียนหนังสือความฝันในหอแดงตอนต่อไป แต่คาดไม่ถึงว่าจะพบคน ๆ หนึ่งเดินเข้ามา
มองจากการแต่งกายแล้ว เขาคือขันทีเจี่ยนั่นเอง !
“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านเข้าพบ ขอเชิญคุณชายฟู่เดินทางเข้าวังไปกับพวกข้าเถิด”