นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1149 ดั่งความฝัน
ตอนที่ 1149 ดั่งความฝัน
แพ้แล้วหรือ ?
ใบหน้าของแกรนด์ดยุกฟิลิปซีดเผือด จ้องมองถังเชียนจวินที่สวมชุดเกราะสีเงินที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตายากที่จะเชื่อ ทันใดนั้นเองในหัวของเขาก็ว่างเปล่าขาวโพลนไปหมด ราวกับว่าตนเองกำลังฝันร้ายอยู่ก็มิปาน
ในมือของตนมีทหารถึง 6,000 คน !
ทว่าฝ่ายตรงข้ามมีทหารจำนวนเท่าใดกันเชียว ?
มีเพียง 2,000 คนเท่านั้น !
สงครามครานี้สู้รบกันนานเท่าใด ?
นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นเอง !
กองทัพของตนมิมีแรงที่จะโต้ตอบได้เลย ! ทหาร 6,000 นายตกตายจนสิ้น แล้วฝ่ายตรงข้ามเล่า ? เหมือนว่าพวกเขาจะตายไปมิถึงสิบคนด้วยซ้ำ !
สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองผู้ยิ่งใหญ่… การคาดการณ์ของท่านได้ผิดพลาดแล้ว !
ในใต้หล้านี้ กองทัพของดินแดนเทพทางตะวันออกต่างหากที่ไร้พ่ายโดยแท้จริง !
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกมือขึ้นช้า ๆ ถังเชียนจวินเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ออกคำสั่งกับทหารที่อยู่ข้าง ๆ นายหนึ่งว่า “คาดว่านั่นจะเป็นฟิลิป นำคนไปเฝ้าเอาไว้ให้ดี รอจนกว่าฝ่าบาทจะเดินทางมาถึง ! ”
ทันใดนั้นฟางสือจ้างก็วิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าคาดหวังของเขาจ้องมองไปทางถังเชียนจวิน “ท่านเสนาธิการ ท่านก็เห็นแล้วว่ากำแพงเมืองซ่างหลัวได้พังทลายลงมาแล้ว พวกเราเข้าไปยึดเลยดีหรือไม่ขอรับ ? ”
ถังเชียนจวินถลึงตาใส่ฟางสือจ้าง ทหารของกองนาวิกโยธินต่างก็ถูกเจ้าเฮ้อซานเตาทำให้เสียคนโดยสมบูรณ์แล้ว !
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไปยังทุกหน่วย จงซ่อมแซมสถานที่ ส่วนเรื่องเข้าเมืองนั้นรอให้ฝ่าบาทเสด็จมาถึงก่อน เพียงแต่ว่า…” ถังเชียนจวินกวาดตามองไปรอบ ๆ ค่ายทหารฝูหล่างจี “ลากศพทั้งหมดออกไปเผา จากนั้นพวกเจ้าสามารถเข้าไปค้นภายในค่ายทหารนี้ได้”
“ขอรับ ! ”
ฟางสือจ้างทำท่าเคารพแบบทหาร เยี่ยงไรเสียก็ถือเป็นการปล้นอยู่ดี ทว่าต้องปล้นของที่ดี ๆ สักหน่อย มิเช่นนั้นเกรงว่าท่านแม่ทัพเฮ้อคงจะมิยอมยกโทษให้ตนเป็นแน่
เหล่าทหารต่างออกตัววิ่งกันให้วุ่น ถังเชียนจวินยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมองกำแพงเมือง บนกำแพงเมืองซ่างหลัวที่พังทลาย มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาตกตะลึงจนแข็งทื่อไปทั้งร่าง
……
……
“นี่คือ…” จักรพรรดิเฒ่าแห่งแคว้นซ่างหลัวมองออกไปยังสถานที่ที่ห่างไกลด้วยสีหน้าประหลาดใจ ระยะห่างที่ค่อนข้างไกล ทำให้มองเห็นได้มิค่อยชัด ทว่าท่ามกลางประกายแสงสีเงินที่กำลังเคลื่อนไหวเหล่านั้นคาดว่าน่าจะเป็นคน
เสียงปืนเมื่อครู่ดังติดต่อกันเนิ่นนาน ฟังดูแล้วดังยิ่งกว่าตอนที่ฝูหล่างจีโจมตีซ่างหลัวเสียอีก เพียงแต่เสียงปืนที่ดังติดต่อกันนี้ค่อนข้างยาวนาน บัดนี้ได้สงบลงแล้ว
“หรือว่าพวกฝูหล่างจีจะเกิดการขัดแย้งภายในกัน ? ”
“ฝ่าบาท มิเหมือนพ่ะย่ะค่ะ ชาวฝูหล่างจีสวมชุดเกราะหนังสีดำ ทว่าคนเหล่านี้สวมใส่ชุดเกราะสีเงินเห็นได้ชัดว่าแตกต่าง” แม่ทัพที่เฝ้าอยู่บนกำแพงนายหนึ่งตอบกลับ
เขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน ผู้ที่ตกใจเช่นเดียวกันกับเขาก็คือทหารจำนวน 3,000 นายและราษฎรเมืองซ่างหลัวกว่าพันคนที่อยู่บนกำแพงเมือง
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่น่าเวทนาอีกวันหนึ่ง ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้พวกเขาสับสนขึ้นมามิน้อย จิตใจของทุกคนเริ่มเป็นกังวล เพราะพวกเขามิทราบว่ากองทัพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทัพของฝูหล่างจีนี้มาจากแห่งหนใดกัน
“แม่ทัพเป้ยเอ๋อ เจ้าว่า…พวกเขาเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู ? ” จักรพรรดิเฒ่าเอ่ยถามออกไปหนึ่งประโยค เป้ยเอ๋อชะงันไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ฝ่าบาท พวกเขามิใช่กองหนุนที่มาจากแคว้นซูเฟิง ยากที่จะตัดสินได้พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิเฒ่าพยักหน้า กำลังรบของแคว้นซูเฟิงแข็งแกร่งกว่าแคว้นซ่างหลัวเล็กน้อยเท่านั้น ย้ำว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !
พวกเขาใช้หอกใช้ธนูเช่นเดียวกัน สวมเพียงชุดเกราะหนังเช่นเดียวกัน มิมีทางที่จะมีเกราะที่งดงามเยี่ยงนี้เป็นแน่
“หากคนเหล่านี้มาเพื่อยึดเมือง… เป้ยเอ๋อ ข้าขอสั่งให้เจ้า…จงยอมจำนนเสีย ! ”
เป้ยเอ๋อตกตะลึงขึ้นมาทันใด จากนั้นก็หันไปมองทางจักรพรรดิเฒ่าที่กำลังถอนหายใจออกมาช้า ๆ “มิสามารถปล่อยให้ผู้ใดตกตายได้อีกแล้ว พวกเราสู้พวกเขามิได้ ดื้อดึงต่อไปก็มีแต่จะทำให้คนของเราตายเพิ่มมากขึ้น ช่างไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง”
เป้ยเอ๋อก้มหน้าหลบ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หากฝ่ายตรงข้ามเข้ายึดเมืองจริง ๆ นั่นหมายความว่าซ่างหลัวได้ล่มสลายอย่างแท้จริงแล้ว
ถังเชียนจวินนำทหารจำนวน 200 นายไปด้านล่างกำแพง เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนกำแพง หัวใจของจักรพรรดิเฒ่าสั่นระรัว เป้ยเอ๋อกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว !
“ฝ่าบาท เฝ้าระวังต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเขามีมิมาก บางทีหลังจากที่กองหนุนจากแคว้นซูเฟิงมาถึง พวกเราอาจจะยังมีโอกาสพ่ะย่ะค่ะ ! ”
จักรพรรดิเฒ่ามิได้แสดงท่าทีอันใดออกมา เขาจ้องมองไปยังถังเชียนจวินที่อยู่ด้านล่างกำแพง
ถังเชียนจวินถอดเกราะหมวกออก จักรพรรดิเฒ่าขมวดคิ้วมุ่น สิ่งที่เขาเห็นคือใบหน้าที่มิเหมือนกับชาวฝูหล่างจี… คนเหล่านี้มาจากที่ใดกัน ?
ถังเชียนจวินเผยรอยยิ้มสดใสออกมา เขาโบกมือให้กับผู้คนบนกำแพง จากนั้นก็พาทหารกลับไปยังค่ายทหารของชาวฝูหล่างจี
นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไรกัน ?
ทันใดนั้นก็เกิดความหวังขึ้นมาในใจของจักรพรรดิเฒ่า หรือว่าพวกเขามาเพื่อช่วยแคว้นซ่างหลัวกัน ?
หรือบางทีพวกเขาอาจจะเริ่มโจมตีเมืองซ่างหลัวอีกคราหลังจากที่ได้พักผ่อนแล้วก็เป็นได้
ทุกคนยังคงยืนอยู่บนกำแพงด้วยความรู้สึกเป็นกังวล มิทราบเลยว่าชะตากรรมต่อจากนี้จะเป็นเยี่ยงไร ราวกับกำลังรอคำพิพากษาจากเทพเจ้าอยู่ก็มิปาน
การรั้งรอที่ตึงเครียดดำเนินต่อไปจนความมืดมิดของราตรีกาลมาเยือนอีกครา
ทหารเกราะเงินเหล่านั้นมิได้เข้าโจมตีเมืองแต่อย่างใด
จักรพรรดิเฒ่ายังคงยืนอยู่บนกำแพงดังเดิม เขารู้สึกเหนื่อยล้ามากยิ่งนัก แต่ก็มิได้ง่วงแต่อย่างใด
ราตรีนี้ช่างยาวนานและเงียบงันเสียจริง
พวกเขามิได้รั้งรอการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม สิ่งที่รอก็คือการมาเยือนของรุ่งสางอีกครา
ราวกับเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นในค่ายทหารที่อยู่ห่างออกไปตรงนั้น พวกเขาเห็นทหารเกราะเงินกลุ่มใหญ่กำลังรวมทัพ !
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นตระหนก มีจำนวนเท่าใดกัน ? เกรงว่าจะมีมากถึงหมื่นคน !
หากพวกเขาเข้ามาโจมตีเมืองอีกครา เมืองซ่างหลัวจะต้านเอาไว้ได้เยี่ยงไร ?
ฟู่เสี่ยวกวนได้มาถึงที่นี่ในยามเช้าตรู่ เฮ้อซานเตาจัดระเบียบกองทัพเรียบร้อยแล้ว ทหารกองนาวิกโยธิน 20,000 นายยืนตระหง่านท่ามกลางสายลมยามเช้า
“ซานเตา พาทหาร 500 นายตามข้าเข้าไปในเมือง ส่วนทหารที่เหลือให้รอคำสั่งอยู่ที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ ! ”
ในยามที่แสงแรกสาดส่องลงมายังเมืองซ่างหลัว ขบวนของฟู่เสี่ยวกวนก็ได้มาถึงด้านล่างประตูเมืองแล้ว
เขามองชาวซ่างหลัวบนกำแพงที่ยืนนิ่งราวกับต้นไม้ เขาจึงตะโกนออกไปเสียงดังว่า
“ข้า…คือจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย มาเพื่อเยี่ยมเยือนแคว้นซ่างหลัว ! ”
“ทราบมาว่าชาวฝูหล่างจีกำลังรุกรานแคว้นซ่างหลัว ข้าจึงมากวาดล้างพวกเขา ! ”
“พวกเจ้าจงนำคำเอ่ยนี้ไปบอกให้แก่จักรพรรดิของพวกเจ้า ว่าข้ามาอย่างเป็นมิตร ขอให้จักรพรรดิของพวกเจ้าเปิดประตูเมืองต้อนรับการมาเยือนของข้าด้วย ! ”
สองมือของเฮนรี่ป้องปากตะโกนแปลคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนเสียงดัง ทุกคนบนกำแพงเมืองต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า แต่ละคนมองหน้ากันราวกับมิอยากจะเชื่อ
จักรพรรดิเฒ่าเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาได้ฟังจนเข้าใจแล้ว
“จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย…ประเทศต้าเซี่ยตั้งอยู่ที่ใดกัน ? ”
“กระหม่อมก็มิทราบพ่ะย่ะค่ะ ทว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเดินทางมาด้วยพระองค์เอง… ฝ่าบาทเขามิได้รับสั่งให้ทหารเข้ามาโจมตีเมือง เกรงว่าจะมาอย่างเป็นมิตรโดยแท้จริงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงทอดพระเนตร…”
ในชั่วอึดใจนี้จักรพรรดิเฒ่าได้ใคร่ครวญหลาย ๆ เรื่องไปพร้อม ๆ กัน หากชาวต้าเซี่ยเหล่านี้มีจิตใจที่จะยึดครองแคว้นซ่างหลัว พวกเขาก็สามารถที่จะโจมตีซ่างหลัวได้อย่างง่ายดาย ทหาร 2,000 นายที่มาถึงเมื่อวานนี้ก็เพียงพอแล้ว
ทว่าพวกเขาก็มิได้ทำเยี่ยงนั้น แท้จริงแล้วพวกเขากำลังรอคอยการมาถึงของจักรพรรดิ
หากจะให้เอ่ย แคว้นซ่างหลัวก็เป็นเพียงเนื้อบนเขียงของต้าเซี่ยเท่านั้น ทว่าต้าเซี่ยมิได้กลืนกินเข้าไป ทั้งยังช่วยพวกเขาจัดการผู้รุกรานเยี่ยงฝูหล่างจีอีกด้วย… “ใช่ ! พวกเขามาอย่างเป็นมิตร”
“เปิดประตูเมือง ! ”
“ข้าจะลงไปต้อนรับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเข้าเมืองด้วยตนเอง ! ”
“พวกเจ้ารีบไปจัดการในวังโดยเร็ว จัดพิธีต้อนรับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยตามประเพณีสูงสุดของซ่างหลัว ! ”
“ให้โรงครัวหลวงจัดงานเลี้ยง จำต้องใช้อาหารที่เลิศรสที่สุดมาปรนนิบัติสหายจากต้าเซี่ย ! ”
ประตูเมืองถูกเปิดออก จักรพรรดิเฒ่าจัดระเบียบชุดเล็กน้อย เขายืนอยู่หน้าประตูเมืองพร้อมกับขุนนางอีกสามสิบกว่าคน
สีหน้าของเขาตื่นเต้นทว่าจิตใจนั้นเป็นกังวลมากยิ่งนัก นี่…มิใช่ความฝันใช่หรือไม่ !