นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1155 ความสิ้นหวังมันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ตอนที่ 1155 ความสิ้นหวังมันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ฤดูหนาวที่แม่น้ำฉางซิ่วนั้นแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ผิวน้ำเดิมทีเคยกว้างถึง 10 จั้งบัดนี้กลับแห้งเหือดเหลือเพียงแค่ 3 จั้งเท่านั้น
บัดนี้แม่ทัพเย่เฟิงแห่งแคว้นเทียนเย่าได้นำกองทัพ 100,000 นายมาถึงริมแม่น้ำฉางซิ่วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาสวมชุดเกราะหนังพร้อมกับสะพายดาบยาวนั่งอยู่บนม้าศึกริมแม่น้ำ ท่าทีน่าเกรงขามมากยิ่งนัก สายตาคู่นั้นได้จับจ้องไปยังผิวน้ำที่สงบนิ่ง ใบหน้าที่ดูสูบผอมและดำคล้ำก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด
เขามิได้รู้อันใดเกี่ยวกับกำลังรบของกองทัพต้าเซี่ยมากนัก เขารู้สึกฉงนในความเร็วของการเดินทัพของต้าเซี่ย
กองทัพแห่งต้าเซี่ยช่างเดินทัพได้เร็วมากยิ่งนัก !
กองทัพสามพันนายนี้มาถึงชายแดนของแคว้นเทียนเย่าเมื่อห้าวันก่อน ทว่าเมื่อครู่ทหารสายลับได้รายงานมาว่าบัดนี้พวกเขาได้เดินทางมาถึงเมืองฉางซิ่วเรียบร้อยแล้ว
เมื่อฉางซิ่วตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำฉางซิ่วเพียงแค่ 50 ลี้เท่านั้น !
พวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ 5 วัน แค่ 5 วันก็สามารถเดินทางข้ามมาเป็นพัน ๆ ลี้ได้ นี่เท่ากับว่าพวกเขาสามารถเดินทางได้ 200 ลี้ในหนึ่งวัน !
พวกเขามิมีม้าศึกแม้แต่ตัวเดียว พวกเขาใช้เท้าวิ่งเท่านั้น !
เหตุใดพวกเขาถึงวิ่งเร็วถึงเพียงนี้ได้เล่า !
ทว่านี่ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับกองทัพเทียนเย่าที่จะได้ใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย พวกเขาวิ่งมาไกลถึงเพียงนี้ ย่อมเหน็ดเหนื่อยเป็นธรรมดา เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่ พวกเขาคงมิเหลือเรี่ยวแรงแล้ว
ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการกองทัพ จะมิใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการรบมากนัก เพราะการที่ใช้ความเร็วถึงเพียงนี้บุกเข้ามายังดินแดนของศัตรูถือเป็นสิ่งต้องห้าม
ในเมื่อผู้บัญชาการมิได้เรื่อง ทหารในกองทัพก็คงมิได้เรื่องพอ ๆ กัน
บัดนี้เมื่อลองคิดดู สิ่งที่ทำให้จอมพลเย่เฟิงยังคงสับสนนอกเหนือจากการที่พวกเขาเดินทัพโดยใช้เท้าวิ่งแล้ว ก็เห็นจะเป็นชุดเกราะที่ส่งแสงระยับนั่น จากการวิเคราะห์ของสายลับ ดูเหมือนว่าชุดเกราะของพวกเขาจะทำมาจากเงิน
ที่แคว้นเทียนเย่ามีเงินถมเถไป มันมิใช่วัตถุที่แข็งแรง ซ้ำยังเปราะบางอีกต่างหาก การนำเงินมาหลอมเป็นชุดเกราะแม้จะดูหรูหราแต่ก็นำไปใช้ประโยชน์มิได้
ในเมื่อจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยอุตส่าห์ถ่อมาถึงเมืองซ่างหลัวทั้งที เมื่อกำจัดกองทัพนี้เสร็จแล้ว ข้าจะยกทัพไปจับเป็นจักรพรรดิต้าเซี่ยที่เมืองซ่างหลัว… แล้วค่อยเค้นถามว่าต้าเซี่ยตั้งอยู่ที่ใด สิ่งที่แคว้นเทียนเย่าคู่ควรจะได้รับนั้น มิใช่แค่แคว้นซ่างหลัวสุดแสนทุรกันดารเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
การที่สามารถสวมชุดเกราะเงินวิ่งเผ่นพ่านได้นั้น คาดว่าต้าเซี่ยคงจะอู้ฟู่เสียยิ่งกว่าแคว้นเทียนเย่าเสียอีก !
สีหน้าเคร่งขรึมของแม่ทัพเย่เฟิงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ต้าเซี่ยมิรู้จักที่ต่ำที่สูง คงจะมิรู้สินะว่ากำลังยั่วโมโหผู้ใดอยู่ !
ทันใดนั้นก็เกิดมโนภาพของดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลและเงินทองที่หลั่งไหลวับ ๆ แวม ๆ อยู่บนอาณาเขตต้าเซี่ยขึ้นมาในหัวของเขา !
“จงถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทุกคนข้ามแม่น้ำไป ! หลังจากทหารของต้าเซี่ยมาถึงแล้ว ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 ถ้วยชา จงสังหารพวกมันเสียให้สิ้น เพราะข้าอดใจรอเวลาที่จะเข้ายึดเมืองซ่างหลัวมิไหวแล้ว ! ”
เมื่อคำสั่งถูกถ่ายทอดออกไป ทหาร 100,000 นายก็เริ่มข้ามไปยังอีกฝากฝั่งของแม่น้ำ
ครึ่งชั่วยามให้หลัง กองทัพทั้งหนึ่งแสนนายของแคว้นเทียนเย่าก็ได้ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่อีกฝากของแม่น้ำเรียบร้อยแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เฮ้อซานเตาก็ได้นำกองนาวิกโยธินปรากฏกายสู่สายตาของแม่ทัพเย่เฟิง
“ไอหยา…พี่น้องทั้งหลาย พวกเราต้อนรับแขกกันสักหน่อยเถิด ! ”
เฮ้อซานเตารู้สึกดีอกดีใจมากยิ่งนัก ทว่าก็มิได้ออกคำสั่งให้กองทัพบุกในทันที “คงจะหิวกันแล้วสินะ ? ปักหลักพักกินข้าวกันก่อนเถิด ! พวกเจ้ามีเวลากินข้าวเพียงแค่ 10 ลมหายใจเท่านั้น ข้าศึกจวนจะบุกเข้ามาประชิดเต็มทีแล้ว ! เร็วเข้า ! ”
นายทหารทั้งสามพันนายหยิบอาหารกระป๋องออกมาจากกระเป๋าสะพายหลัง จากนั้นก็ยืนกินข้าวตามคำสั่งของเฮ้อซานเตา
เย่เฟิงที่ยืนอยู่อีกฝั่งเมื่อเห็นดังนั้นก็ถลึงตาโตขึ้นมาทันใด เจ้าพวกนี้นี่มันทำเยี่ยงไรกัน จะตายอยู่รอมร่อยังห่วงกินอยู่อีก !
คงมิอยากตายกลายเป็นผีที่หิวโหยสินะ !
ข้ามิมีเวลารอพวกเจ้ากินข้าวหรอกนะ !
“ทหาร ! โจมตี…ขยี้พวกมันให้แหลก ! ”
“พี่น้องทั้งหลาย หยุดกินก่อน เมื่อรบเสร็จแล้วค่อยกลับมากิน เตรียมบุก ให้พวกมันกินระเบิดเรียกน้ำย่อยกันสักหน่อย ! ”
เมื่อกองทัพเทียนเย่าบุกเข้ามาในระยะ 90 จั้ง กองนาวิกโยธินผู้แข็งแกร่งก็ได้ควักระเบิดมือออกมา
เมื่อกองทัพเทียนเย่าบุกเข้ามาในระยะ 60 จั้ง พวกเขาก็ดึงสลักระเบิดออกโดยพร้อมเพรียงกัน
เย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของกองทัพมิค่อยเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้าสักเท่าใดนัก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการบุกประชิดของทหารม้าฝ่ายตน พวกต้าเซี่ยถึงกับยืนนิ่งอึ้งไปมิเป็นเชียวหรือ ?
เหตุใดพวกมันถึงนิ่งมิไหวติงกันเลยเล่า ?
พวกมันควรชักหอกขึ้นมาสกัดม้าศึกมิใช่หรือ ?
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?
สิ่งที่เกิดขึ้นประหลาดเกินกว่าที่เย่เฟิงจะเข้าใจได้
ทันใดนั้นเอง ระหว่างคิ้วของเขาก็ต้องขมวดเข้าหากันอีกครา เมื่อเขาเห็นทหารของต้าเซี่ยขว้างบางอย่างมาทางทหารม้าฝ่ายเขาจนเกิดเป็นควันคละคลุ้ง
หลังจากนั้น…
“ตู้ม… ! ”
“ตู้ม ๆ ๆ ๆ ๆ… ! ”
สิ่งที่ทหารฝั่งตรงข้ามขว้างมานั้นตกลงท่ามกลางกองทัพ จากนั้นก็ระเบิดขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว ตามมาด้วยแสงวูบวาบ ควันขาวลอยโขมง เขาได้ยินเสียงม้าศึกหวีดร้องเสียงแหลม และได้ยินเสียงร้องโหยหวนของของทหารฝ่ายตน !
ม้าศึกตื่นตกใจจนเตลิดและสลัดการควบคุมของทหารม้าในทันที ภาพความยุ่งเหยิงอันน่าเวทนาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเย่เฟิง
ของสิ่งนี้มันคืออันใดกัน ?
“ถ่ายทอดคำสั่ง จงจัดกองทัพเสียใหม่และมุ่งหน้าบุกต่อไป… ! ”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา เห็นเจ้าลูกกลม ๆ ลอยเข้ามาอีกคราราวกับฝูกตั๊กแตน
หลังจากนั้น…ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมามิขาดสาย
ทหารม้าที่เหลืออยู่ 30,000 นายมิมีเวลาแม้แต่จะจัดทัพใหม่ บัดนี้พวกเขาบาดเจ็บและล้มตายไปมากกว่าครึ่ง พวกเขาสูญเสียทิศทางการเคลื่อนไปประชิดและแตกกระเจิงอย่างสิ้นเชิง
“ทหารราบ บุก ! ทหารม้า ถอย ! ”
เย่เฟิงออกคำสั่งเสียงดังลั่น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำราวกับสีของโลหิต !
ยังมิทันได้แตะศัตรูแม้แต่ปลายขน ทหารม้าก็บาดเจ็บและล้มตายไปกว่าครึ่ง…นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?
เฮ้อซานเตาหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “พี่น้องพวกเราจะประหยัดกระสุน หลังจากที่ยิงกระสุนครานี้เสร็จแล้ว ให้ชักดาบขึ้นมาสู้ ! ”
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้ ทหารนาวิกโยธินมิได้เคลื่อนทัพออกไปเบื้องหน้าแม้แต่ก้าวเดียว !
พวกเขาเพียงแค่ยืนมองเฉย ๆ อยู่อย่างนั้น ตอนที่ทหารราบของเย่เฟิงบุกเข้ามา พวกเขาเพียงยกปืนขึ้นมา
ทหารราบของกองทัพเทียนเย่าถือหอกยาว 3 ฉื่อไว้ในมือขณะที่อยู่ห่างออกไป 90 จั้ง พวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกับเสียงโห่ร้อง หลังจากนั้น…
“ยิง ! ”
“ปัง ๆ ๆ ๆ…”
เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมา ทหารราบเทียนเย่าที่วิ่งอยู่เบื้องหน้าถูกกระสุนปืนกระชากวิญญาณจนล้มระเนระนาด
เย่เฟิงได้แต่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขายังมิทันได้ออกคำสั่งใด ๆ
เขายังมิรู้เลยด้วยซ้ำว่าศัตรูใช้วิธีสกปรกอันใดกันแน่ !
ระยะทางไกลถึงเพียงนั้น พวกเขาลงมือสังหารทหารราบของตนให้ตกตายได้เยี่ยงไรกัน ?
เฮ้อซานเตากัดเสบียงกรัง จากนั้นก็ชักดาบออกมาจากฝักดัง ชริ้ง ! “พวกไร้น้ำยา ข้ามิได้รบมานานแล้ว พี่น้อง บุก ! จงบั่นศีรษะของพวกมันเสีย ! ”
แม่น้ำฉางซิ่วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด
ซากศพมากมายลอยไปตามกระแสน้ำ ริมฝั่งแม่น้ำมีศพนอนเกลื่อนกลาด
เย่เฟิงได้หนีกลับไปตั้งหลักอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำภายใต้การคุ้มกันของทหารองค์รักษ์ เขานั่งอยู่บนหลังม้า มองดูศพที่เกลื่อนกลาดแล้วหลับตาลงช้า ๆ
“ท่านแม่ทัพ รีบหนีเถิดขอรับ ! ”
เขาสูดหายใจเข้าลึก เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครา ในตอนนั้นเองวิญญาณของเขาก็แทบจะหลุดออกจากร่าง
ทหารของต้าเซี่ยบินได้ !
พวกมันบินข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ !
ดาบในมือของพวกมันแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างชัดเจน โลหิตที่ติดอยู่บนปลายดาบของพวกมันคือโลหิตของทหารกองทัพเทียนเย่า !
บัดนี้พวกมันกำลังมุ่งตรงมาหาตน !
ชั่วอึดใจนั้นทำให้เย่เฟิงเข้าใจถึงคำว่าสิ้นหวังอย่างถ่องแท้
“ท่านแม่ทัพ รีบหนีเร็วเข้า ! ”
องค์รักษ์นายหนึ่งใช้ดาบสะกิดบั้นท้ายของม้าศึก ม้าศึกตื่นตกใจพาเย่เฟิงวิ่งเตลิดไปอย่างไรทิศทาง
ภายในเวลามิถึงครึ่งชั่วยาม
กองทัพเทียนเย่า 100,000 นายของแคว้นเทียนเย่าก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน !
ทั้งยังพ่ายแพ้ให้กับทหาร 3,.000 นายของต้าเซี่ยอีกด้วย !
ทหารของต้าเซี่ยตกตายและได้รับบาดเจ็บกี่คนกัน ?
เพียงแค่ 33 นายเท่านั้น !
รายงานด่วนถูกส่งไปยังเมืองเทียนเย่า เมื่อสงครามสิ้นสุดลง กองทัพ 3,000 นายของเฮ้อซานเตาก็ได้นั่งกินข้าวอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำฉางซิ่ว ทว่าเมื่อทางพระราชวังได้รับรายงาน จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเย่าถึงกับหน้ามืดเป็นลมล้มพับไป