นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1158 ภูเขาทองคำ
ตอนที่ 1158 ภูเขาทองคำ
จบแล้วหรือ ?
อัลฮานยืนอยู่บนกำแพงเมืองทอดสายตามองไปยังพระราชวังพลางครุ่นคิดอยู่ในใจ เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันใด
จบเยี่ยงนี้ก็ดีอยู่หรอก ทว่าแคว้นล่มสลายไปแล้วนี่สิ ! เหตุใดข้าถึงมิรู้สึกโศกเศร้าเลยเล่า เหตุใดข้าถึงมิมีความคิดที่จะนำทหารราบเข้าไปช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อยล่ะ ?
เหล่าเสนาบดีของแคว้นเทียนเย่ายืนตัวแข็งทื่ออยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปราย
จบแล้วหรือ ?
องค์จักรพรรดิถูกพวกเขาจับตัวได้แล้ว
ยังจะทำอันใดได้อีกกัน ?
ขัดขืนเยี่ยงนั้นหรือ ?
มนุษย์จะมีพละกำลังเทียบเท่าอสุรกายได้เยี่ยงไรกัน ?
พวกเขามิมีทางเอาชนะปิศาจร้ายจากต้าเซี่ยได้อย่างแน่นอน !
ดังนั้นเรื่องที่กองทัพเทียนเย่า 100,000 นายปราชัยให้กับกองทัพของต้าเซี่ยจำนวน 3,000 นายก็มิได้น่าอับอายแต่อย่างใด หรือนี่จะเป็นบทลงโทษของพระเจ้า ?
เฮ้อซานเตารู้สึกอึกอัดใจ เมื่อพบว่าเขามิอาจสื่อสารกับฝ่ายตรงข้ามได้เลย !
เขาเพิ่งเอ่ยออกไปโต้ง ๆ ข้ามีนามว่าเฮ้อซานเตา…ข้ามาดี ! เพียงแต่มาปล้นชิงทรัพย์สินก็เท่านั้น พวกเจ้าจะหวาดกลัวเนื่องด้วยเหตุอันใด ?
ล่ามเล่า ?
ให้ตายเถิด ! ล่ามบินมิได้ บัดนี้เขายังอยู่นอกกำแพงเมือง
ทว่ามีล่ามไปก็เปล่าประโยชน์ เยี่ยงไรข้าก็ฟังภาษาของพวกเขามิออกอยู่ดี ดังนั้นจะทำเยี่ยงไรดี ?
“ให้ทหาร 2,000 นายไปประจำการที่กำแพงเมือง หากมีผู้บุกรุกก็จงสังหารพวกมันเสีย ! ”
“จับทุกคนมัดไว้ จากนั้นให้หาที่ขัง ฟางสือจ้างเจ้าจงนำพี่น้องเข้าไปจับเหล่าราชวงศ์ จากนั้นจงไปสืบหาที่ตั้งของคลังหลวง”
“รับทราบขอรับ ! ”
“ปฏิบัติตามกฎข้อเดิม เมื่อหาคลังหลวงพบแล้วห้ามแตะต้องเป็นอันขาด พวกเรามาทำความเข้าใจกันก่อน ทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของพี่น้องเรานั้นจะได้มิขาดแม้แต่แดงเดียว ส่วนทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของฝ่าบาทนั้น พวกเจ้าอย่าได้คิดอยากได้เชียวล่ะ ! ”
“สบายใจได้ขอรับท่านแม่ทัพ พวกเราเข้าใจกฎข้อนี้ดี ! ”
ฟางสือจ้างโบกมือส่งสัญญาณ จากนั้นก็นำทหาร 3,000 นายรุดเข้าไปในพระราชวัง
เฮ้อซานเตาตบบ่าของจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเย่าแล้วเอ่ยออกมาว่า “ไปเถิด…หิมะเริ่มตกหนักแล้ว พวกเราไปสนทนาที่ห้องทรงพระอักษรของเจ้ากันเถิด”
จักรพรรดิของแคว้นเทียนเย่าฟังมิเข้าใจ เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก จนกระทั่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แคว้นเทียนเย่าของข้า ถึงกาลอวสานแล้วสินะ !
เจ้าปิศาจผู้นี้มันกำลังเอ่ยอันใดอยู่กัน ?
ทั้งยังหัวเราะอีกต่างหาก !
การที่ปีศาจหัวเราะนั้นสื่อถึงความตาย มันจะลงมือสังหารข้าแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ทว่าก็ดูเหมือนจะมิใช่ แล้วที่มันวาดไม้วาดมือนั้นหมายความว่าเยี่ยงไรกัน ?
เฮ้อซานเตาวาดไม้วาดมือพยายามจะสื่อสารอยู่นานสองนาน ทว่าจักรพรรดิเทียนเย่าผู้น่าเวทนาก็ยังคงทำหน้ามึนงงอยู่ดังเดิมจนเฮ้อซานเตาเริ่มมิพอใจขึ้นมา “โง่เขลาถึงเพียงนี้ จักรพรรดิประสาอันใดกัน ? ”
เสียงขู่คำรามของเขาทำเอาจักรพรรดิเทียนเย่าตื่นตกใจจนทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น เฮ้อซานเตาถีบเข้าที่หน้าท้องของเขาจนร่างกระเด็นไปไกล 3 ฉื่อ “ตุ้บ… ! ” ร่างของเขากระแทกลงกับพื้นจนเกือบจะมิรอดชีวิต
เมื่อเฮ้อซานเตาเดินเข้าไปหา จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเย่าก็เอ่ยร้องขอชีวิตจนฟังมิได้ศัพท์ เขาคุกเข่าลง จากนั้นก็เอาศีรษะโขกกับพื้นสามครา เฮ้อซานเตาเข้าใจได้ในทันทีว่าจักรพรรดิพระองค์นี้กลัวตาย
“เจ้ากลัวตายเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
เฮ้อซานเตาหิ้วปีกของจักรพรรดิเทียนเย่าเข้าไปในท้องพระโรง จากนั้นก็ยัดร่างที่อ่อนระทวยของจักรพรรดิเทียนเย่าลงบนเก้าอี้ ส่วนเฮ้อซานเตานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม เขาลูบคลำทรวงอกของตนเอง พบว่าตนเองมีเหรียญทองแดงพกติดตัวอยู่หนึ่งเหรียญเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ลูบไปบนเรือนร่างของจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเย่า มือของเขาสัมผัสเข้ากับทองคำแท่งที่หนักอึ้ง
จักรพรรดิพระองค์นี้พกทองคำติดตัวไว้ทำอันใดกัน ?
ช่างมิเหมือนกับฝ่าบาทเสียจริง เสด็จออกจากวังหลวงคราใดก็มิเคยพกเงินเลยสักอีแปะเดียว
เขานำทองแท่งออกมาวางเบื้องหน้าจักรพรรดิเทียนเย่า จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้มันสลับกับชี้ตัวเอง “ทองนี่…ข้าอยากได้ ! ”
จักรพรรดิเทียนเย่าเข้าใจได้ในทันทีว่าปิศาจที่อยู่เบื้องหน้าตนนั้น เข้ามาเพราะอยากได้ทรัพย์สมบัติ
จักรพรรดิเทียนเย่าจึงชี้ไปยังทองแท่งแล้วพยักหน้าติด ๆ ทั้งยังทำท่าทางเพื่อจะสื่อบางอย่าง แต่มิว่าจะทำเยี่ยงไร เฮ้อซานเตาก็มิเข้าใจอยู่ดี
“นำทาง ! ”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ชี้ไปที่ประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร
จักรพรรดิเทียนเย่าพาเฮ้อซานเตามายังวังหลัง จากนั้นเขาก็เชิญเฮ้อซานเตาขึ้นรถม้า เฮ้อซานเตาเป็นผู้มากความสามารถ จึงมิเกรงกลัวต่อสิ่งใด เขานั่งสบายใจเฉิบอยู่ตรงข้ามกับจักรพรรดิเทียนเย่า
เฮ้อซานเตาอนุญาตให้รถม้าเดินทางออกนอกพระราชวังได้ การเดินทางครานี้ใช้เวลานานถึง 3 วัน !
สามวันหลังจากนั้น รถม้าวิ่งเข้าไปบนถนนเส้นเล็กเส้นหนึ่งในป่า ม่านหน้าต่างถูกเปิดไว้ตลอดเวลา เฮ้อซานเตาสังเกตการเปลี่ยนแปลงของทัศนียภาพทั้งสองข้างทาง บัดนี้รถม้าก็ได้วิ่งเข้ามายังพื้นที่ระหว่างหุบเขา
ถนนเส้นนี้มีร่องรอยของรถม้าเหยียบย่ำให้เห็นได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีรถม้าเข้าออกอยู่เป็นประจำ เพียงแต่เมื่อเข้ามาถึงหุบเขาแห่งนี้กลับมิพบผู้ใดเลยสักคน เหมือนกำลังเดินทางไปยังสถานที่ที่เงียบเหงาร้างผู้คน
รถม้าวิ่งต่อไปอีกครึ่งค่อนวัน และแล้วก็มาถึงหุบเขาลึกแห่งหนึ่งในยามอู่พอดิบพอดี
จักรพรรดิเทียนเย่าทำท่าทางราวกับจะสื่อสารอันใดบางอย่างอีกครา ทว่าเฮ้อซานเตาก็ยังมิเข้าใจอยู่ แต่เมื่อเขากระโดดลงจากรถม้าก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตื่นตกใจ
“ไอหยา ! ”
เขาเห็นแสงสีทองส่องสว่างออกมาจากภูเขาทองสามลูกนั้น !
เขาอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ !
นี่มันภูเขาทองคำนี่ !
ภูเขาทองคำสามลูกนั้นกองทับซ้อนกัน ทว่ามิได้สูงมากนัก หากลองวัดด้วยสายตาคาดว่าสูงราวสองถึงสามจั้งเท่านั้น มันถูกโอบล้อมด้วยหุบเขา ชั้นหน้าดินถูกขุดลอกออก และหนึ่งในภูเขาทองคำถูกขุดไปกว่าครึ่งแล้ว !
เป็นเพราะถูกขุดไปกว่าครึ่งนั่นเองเลยทำให้เฮ้อซานเตาเชื่อว่านั่นคือภูเขาทองคำจริง ๆ
มันมีอยู่เท่าใดกัน ?
คาดว่าคงจะมากกว่าที่ฝ่าบาทซ่อนเอาไว้ที่จายซิงถายถึงสิบเท่า !
รวยแล้ว !
รวยเละแล้ว !
เฮ้อซานเตาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ สองคิ้วขมวดมุ่น สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา เขาเห็นทหารราบนับพันนายกรูเข้ามาจากสองข้างของภูเขาทองคำ !
คาดว่าน่าจะเป็นทหารรักษาการณ์ภูเขาทองคำสามลูกนี้
ใช่ ! เพราะที่จายซิงถายก็มีทหารประจำการอยู่เช่นกัน
เขาหันหน้ากลับไป จากนั้นก็เห็นคนขับบรถม้าชักดาบขึ้นมาคอยคุ้มภัยให้กับจักรพรรดิที่ยืนสั่นเทาอยู่ด้านหลัง
เขาคิดว่าเยี่ยงไรก็ต้องฆ่าคนพวกนี้อยู่ดี มิเช่นนั้นคงมิสามารถย้ายภูเขาทองคำลูกนี้ออกไปได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเฮ้อซานเตาจึงชักดาบออกมา เขาคว้าระเบิดมือขึ้นมาหนึ่งลูก จักรพรรดิพระองค์นี้ยังมิรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของทหารต้าเซี่ยสินะ ต้องให้พวกเขาประจักษ์แก่สายตาสักหน่อยแล้ว เขาจะได้ขุดเอาทองคำเหล่านี้กลับไปอย่างสบายใจ !
เขาขว้างระเบิดมือออกไป มันตกลงท่ามกลางเหล่าทหารที่กำลังกรูกันเข้ามา
“ตู้ม… ! ”
เสียงระเบิดดังก้องสะท้อนไปทั้งหุบเขา บัดนี้เองที่จักรพรรดิเทียนเย่าได้เห็นถึงอิทธิฤทธิ์รุนแรงปานสายฟ้าฟาดของอาวุธศัตรู
เขาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ทหารราบหลายนายล้มลงท่ามกลางเสียงระเบิดเมื่อครู่ เจ้าปิศาจนั่นควักระเบิดมือขึ้นมาอีกครา จากนั้นเสียงสนั่นก้องนภาก็ดังตามมาติด ๆ
ทหารที่กรูกันเข้ามาเมื่อครู่ต่างก็ยืนแข็งทื่อ นี่มันอาวุธแบบใดกัน ?
พวกเขาย่อมมิรู้ถึงข่าวการพ่ายแพ้ของแนวหน้า พวกเขาแค่ได้รบจดหมายจากกรมกลาโหมว่าให้ลงมือสังหารคนผู้หนึ่งอย่างสุดความสามารถ
คนผู้หนึ่งที่ว่าคือคนผู้นี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
ทหารที่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้รุดหน้าเข้ามาอีกครา เฮ้อซานเตาฉีกยิ้มจนเห็นฟันพลางแกว่งดาบยาวในมือ เขาลอยตัวขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ดาบยาวในมือกวัดแกว่งเป็นวงกลม ลำแสงสีเงินฟาดฟันลงไปมิหยุดยั้ง !
“ไปตายเสียให้หมด ! ”
“ฉับ… ! ”
เมื่อดาบฟันฉับ โลหิตรินไหลดุจสายน้ำเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
จักรพรรดิเทียนเย่ายืนมองภาพเหตุการณ์ด้วยร่างที่แข็งทื่อ ปิศาจที่สวมชุดเกราะสีเงินกำลังฝ่าเข้าไปในดงทหารรักษาการณ์ของตน
ดาบของเหล่าทหารแทงเข้าไปที่ตัวปิศาจ เสียงเหล็กกระทบเหล็กดังติ๊งต๊างนับครามิถ้วน เจ้าปิศาจมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทว่าทหารฝั่งตนยิ่งสู่ยิ่งลดน้อยถอยลง
เขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง คนเดียวสังหาร 3,000 คน !
พวกปิศาจต้าเซี่ยมันฟันแทงมิเข้าจริง ๆ สินะ !
เฮ้อซานเตาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูปสังหารศัตรูทั้งสามพันนาย
ชุดเกราะของเขาถูกย้อมด้วยโลหิตจนเป็นสีแดงฉาน เขาแบกดาบยาวแล้วเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของจักรพรรดิเทียนเย่า ผู้บัญชาการองค์รักษ์ประจำพระองค์รู้สึกหมดสิ้นความหวัง ดาบในมือของเขาร่วงหล่นลงสู่พื้นธรณีทันใด !