นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1161 เยือนเมืองเทียนเย่าด้วยตนเอง
ตอนที่ 1161 เยือนเมืองเทียนเย่าด้วยตนเอง
เมื่อถังเชียนจวินเดินจากไป ฟู่เสี่ยวกวนจึงหันไปเอ่ยกับโดฮาว่า “เจ้าสบายใจได้ แคว้นเทียนเย่าถูกกองทัพของข้ายึดครองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ปัญหาของข้าก็คือแคว้นเทียนเย่า ข้าเอาไปก็ไร้ประโยชน์ แต่แคว้นซ่างหลัวของเจ้าก็อ่อนแอเกินกว่าจะควบคุมแคว้นเทียนเย่าได้ นั่งลงเถิด…”
ทั้งสามนั่งอยู่ที่ศาลาริมแม่น้ำ โดฮาจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสีหน้าตกตะลึง สมองของเขายังคงคิดถึงสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนได้เอ่ยออกไปเมื่อครู่ “แคว้นเทียนเย่าถูกกองทัพของเจิ้นยึดครองเรียบร้อยแล้ว ! ”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยส่งทหารไปยังแคว้นเทียนเย่าเพียงแค่ 3,000 นายก็สามารถโจมตีและยึดแคว้นเทียนเย่าได้สำเร็จแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โดฮามิกล้าแม้แต่จะฝันถึง กองทัพเทียนเย่าเป็นถึงสุดยอดกองทัพของแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ ต่อให้แคว้นซ่างหลัวและแคว้นซูเฟิงร่วมมือกัน อย่างเก่งก็แค่รบเสมอเท่านั้น ทั้งสองแคว้นต้องส่งทหารไปรบมากถึง 300,000 นายถึงจะรบเสมอกับฝ่ายตรงข้ามได้ !
ทหาร 3,000 นายของต้าเซี่ยยึดครองแคว้นเทียนเย่าได้สำเร็จ นี่เท่ากับว่ากองทัพของแคว้นเทียนเย่าถูกตีจนแตกพ่ายไปแล้ว
พวกเขาทำได้เยี่ยงไรกัน ?
ใต้หล้านี้มีทหารที่เก่งกาจถึงเพียงนี้อยู่จริง ๆ หรือ ?
เมื่อครู่ที่ได้ยินจักรพรรดิต้าเซี่ยบัญชาว่าให้ส่งทหาร 3,000 นายไปยังที่ราบอาลันล่า หัวใจของโดฮาเย็นวาบขึ้นมาทันใด เขาคิดว่าจักรพรรดิต้าเซี่ยสั่งการแบบขอไปที ทว่าบัดนี้ดวงไฟแห่งความหวังได้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว มันส่องสว่างไปทั่วทั้งหัวใจ
ในเมื่อกองทัพต้าเซี่ย 3,000 นายสามารถยึดครองแคว้นเทียนเย่าได้ เช่นนั้นการที่กองทัพ 3,000 นายเข้าไปปราบปรามแคว้นซูเฟิงก็ยิ่งมิมีปัญหาอันใดให้ต้องกังวล
น่าเสียดายที่แคว้นซ่างหลัวนั้นอ่อนแอจนเกินไป แม้ว่าต้าเซี่ยจะโจมตีทั้งสองแคว้นนี้มาได้ ซ่างหลัวก็มิมีปัญญาเข้าไปบริหารปกครอง
ดังนั้นจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยจะจัดการกับทั้งสองแคว้นนี้เยี่ยงไร ?
“ข้าวางแผนจะเดินทางไปยังแคว้นเทียนเย่า การที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์มีแคว้นอยู่เพียงแค่สามแคว้นนั้นเป็นเรื่องดี โดฮา…ท่านจงจำเอาไว้ว่า เมื่อใดที่มีการแข่งขัน เมื่อนั้นจะเกิดการพัฒนา ! ข้าทำได้แค่พยุงเจ้าขึ้นบนหลังม้า ส่วนเจ้าจะนำพาแคว้นซ่างหลัวไปได้ไกลเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว”
“ข้าจะให้แคว้นเทียนเย่าและแคว้นซูเฟิงเป็นอาณานิคมของต้าเซี่ย ตัวอักษรและภาษาของทั้งสามแคว้นนี้จำต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกท่านต้องใช้ภาษาของต้าเซี่ยให้หมด”
“ต้าเซี่ยจะมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เผ่าพันธุ์ของพวกท่านเคารพนับถือ ทว่าในด้านการศึกษา เมื่อเปิดเส้นทางการเดินเรือระหว่างต้าเซี่ยและแผ่นดินใหญ่ลีอาห์อย่างเป็นทางการเมื่อใด พวกท่านจะต้องส่งคนไปยังต้าเซี่ย เพื่อไปเปิดหูเปิดตาดูความเจริญรุ่งเรืองของต้าเซี่ย เพื่อเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของต้าเซี่ย ข้าหวังว่าวัฒนธรรมของพวกท่านจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวัฒนธรรมของต้าเซี่ยได้ภายในระยะเวลาสามถึงห้าปี”
“อีกราวสองเดือนให้หลัง บรรดาคนค้าขายกลุ่มแรก คณะอาจารย์กลุ่มแรกจะเดินทางมาถึงแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ การรวมภาษาและตัวอักษรให้เป็นหนึ่งเดียวจะเริ่มขึ้นในตอนนั้น ”
“ขุนนางที่ข้าส่งมาประจำการที่นี่ ล้วนแต่เป็นขุนนางที่เชี่ยวชาญด้านการค้าของต้าเซี่ย คำแนะนำที่พวกเขาบอกกล่าวแก่ท่าน ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะรับและนำไปใช้โดยมิมีข้อแม้ และข้าก็หวังให้ท่านและขุนนางของท่านได้เรียนรู้ถึงหลักการบริหารบ้านเมือง หลักการทำมาค้าขาย ในฐานะประเทศอาณานิคม ท่านต้องเคารพหลักการของต้าเซี่ย ! ”
“ท่านกลับไปเถิด จงกลับไปบอกกล่าวกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของท่านว่า…แต่ก่อนเคยเป็นเยี่ยงไร บัดนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ส่วนเรื่องการอพยพย้ายผู้คนไปยังที่ราบอาลันล่าให้ดำเนินต่อไป ห้ามหยุดเป็นอันขาด ! ”
“เช่นนั้น…ข้าน้อยขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
โดฮาเดินกลับไปด้วยความกระสับกระส่าย เพราะการที่ทหาร 3,000 นายยึดครองแคว้นที่น่ายำเกรงถึงเพียงนั้นได้ ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่พวกเขามิอาจจินตนาการถึงได้
“มา ๆ ๆ นั่งลงให้หมด ข้ามีข่าวดีมาบอกกับพวกเจ้า ! ”
หยุนซีเหยียนและถังเชียนจวินนั่งขนาบสองข้างของฟู่เสี่ยวกวน หยุนซีเหยียนยื่นคอยาว ๆ เข้าไปเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ฝ่าบาททรงมีข่าวดีอันใดเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้กับทั้งสอง ยกยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ก็เจ้าซานเตาตีแคว้นเทียนเย่าจนแตกพ่ายแล้วน่ะสิ ! ”
หยุนซีเหยียนนั่งลงแล้วยืดลำตัวตรง เขายกถ้วยชาขึ้นดื่มพร้อมกับเลิกคิ้ว “กระหม่อมคิดว่าไปล่าทรัพย์สมบัติมาได้แล้วเสียอีก การตีแคว้นเทียนเย่าให้แตกพ่ายถือเป็นเรื่องง่ายดายมิใช่หรือเยี่ยงไรกัน ? ”
“ฮ่า ๆ ทรัพย์สมบัติเยี่ยงนั้นหรือ ? ข้าจะบอกอันใดให้ เฮ้อซานเตาแย่งชิงภูเขาทองคำสามลูกที่แคว้นเทียนเย่าได้สำเร็จแล้ว ! และมันก็เป็นภูเขาทองคำของจริงเสียด้วยสิ ! ”
หยุนซีเหยียบที่เพิ่งจิบชาเข้าไปยังมิทันได้กลืนลงคอ พอได้ยินดังนั้นก็สำลักชาออกมาจนต้องเบือนหน้าหนี เขาเบิกกว้างจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนโดยมิทันได้ตระหนักว่านี่เป็นการเสียมารยาท “ภูเขาทองเยี่ยงนั้นหรือ ? มีจำนวนเท่าใดกัน ? ”
“สามลูก ! ภูเขาทองคำสามลูกตั้งอยู่ในที่แจ้งและมีความสูงมากกว่าสองถึงสามจั้ง ! ”
ถังเชียนจวินตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง “นี่…นี่เท่ากับว่าพวกเรารวยเละภายในชั่วข้ามคืนใช่หรือไม่ ? ! ”
“ก็ใช่น่ะสิ ! ครานี้เรื่องต่าง ๆ ที่ยังคงคาราคาซังอยู่ที่ต้าเซี่ยจะได้ดำเนินการต่อเสียที”
หยุนซีเหยียนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง “ฝ่าบาท…ไปกันเถิด พวกเรารีบไปดูกันเถิด ! ”
“อืม…จำต้องไปดูสักหน่อย”
“เจ้าจงไปเตรียมทหาร 4,000 นาย อีกประเดี๋ยวพวกเราจะออกเดินทางไปแคว้นเทียนเย่ากัน ! ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยพลางจ้องมองถังเชียนจวิน
ถังเชียนจวินเดินออกไปด้วยความดีอกดีใจ ส่วนหยุนซีเหยียนถูสองมือไปมา บัดนี้เขาใจเย็นลงมากแล้ว “พวกเราจำต้องขนย้ายภูเขาทองคำกลับไปยังต้าเซี่ย… ฝ่าบาท พวกเราออกเดินทางไกลในครานี้ก็เพื่อแสวงหาความร่ำรวย บัดนี้พวกเราก็ได้ทรัพย์สินจำนวนมหาศาลมาแล้ว ข้าคิดว่า…พวกเราควรหยุดเพื่อพัฒนาบ้านเมืองเสียก่อน จากนั้นค่อยออกเดินทางไกลข้ามทะเลกันต่อ”
ฟู่เสี่ยวกวนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
เขาคิดว่าในเมื่อมีภูเขาทองคำสามลูกอยู่ในมือ เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือ…การสร้างรากฐานที่นี่ให้แข็งแรง
อันดับแรก จำต้องสร้างท่าเรือขึ้นมา เพื่อจะให้เรือรบของต้าเซี่ยประจำการอยู่ที่นี่ ด้านหนึ่งก็เพื่อปกป้องความปลอดภัยของแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ และอีกด้านหนึ่งก็เพื่อสร้างแคว้นกันชนกันให้แก่ต้าเซี่ย
เมื่อกองทัพจากฝูหล่างจีหรือกองทัพจากยุโรปเดินทัพเข้ามา พวกเขาจำต้องผ่านแคว้นกันชนทางทะเลแห่งนี้ แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะใช้เส้นทางอื่น ทว่าอย่างน้อยสามารถป้องกันได้สักเส้นทางก็ยังดี
สิ่งที่ควรทำหลังจากนั้นคือการเปลี่ยนภูเขาทองคำสามลูกนี้ให้กลายเป็นความแข็งแกร่งของต้าเซี่ย ทรัพย์สินเหล่านี้ควรนำออกมาใช้ให้คุ้มค่า
นอกจากเรื่องสำคัญเร่งด่วนเหล่านั้นแล้ว กองทัพเรือของต้าเซี่ยก็จำต้องขยายให้ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
มีความลับมากมายที่ยังมิถูกเปิดเผยบนแผนที่ของโลกใบนี้ เขาต้องการที่จะสำรวจอย่างจริงจังว่าโลกใบนี้มีทวีปกี่ทวีปและมีมหาสมุทรกี่แห่งกันแน่
หากต้องการให้ต้าเซี่ยเป็นแคว้นที่โดดเด่นเหนือผู้ใดในปฐพี ดังนั้นจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับแคว้นอื่น ๆ บนโลกใบนี้ มิมีผู้ใดรู้ว่าจะมีแคว้นอื่นที่จะเป็นภัยคุกคามต่ออารยธรรมของต้าเซี่ยหรือไม่
“ข้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเจ้า เมื่อเรือรบทั้งสามลำของต้าเซี่ยมาถึง พวกเราจะทำการค้าขายกับทั้งสามแคว้นและสนับสนุนเกื้อกูลพวกเขาไปในขณะเดียวกัน เพราะพวกเขายากจนเกินกว่าที่จะนำผลประโยชน์มาให้ต้าเซี่ยได้ อีกอย่าง…การเดินทัพพิชิตแดนไกล ควรหยุดชะงักไว้ชั่วคราว เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พวกเราจะเดินทางกลับเมืองกวนหยุนกัน”
“รับทราบ ! ทางกรมการค้าได้ก่อตั้งสำนักงานการค้าไว้ที่เมืองซ่างหลัวแล้ว พวกเรากำลังประสบกับข้อจำกัดในเรื่องการสื่อสาร ณ ตอนนี้ยังคงทำได้เพียงแค่ถ่ายทอดแนวคิดทางการค้าของต้าเซี่ยให้แก่สมาชิกราชวงศ์ซ่างหลัวเท่านั้น”
“กระหม่อมเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือวัฒนธรรม เมื่อใดที่ขุนนางเหล่านี้สามารถสื่อสารภาษาของต้าเซี่ยได้แล้ว เมื่อนั้นแนวคิดเหล่านี้ก็จะถูกดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
ในขณะที่หยุนซีเหยีนกำลังเอ่ยอยู่นั่นเอง ถังเชียนจวินก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ฝ่าบาท ทุกอย่างเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางได้ประเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“อืม…เช่นนั้นพวกเราก็เดินทางไปชมภูเขาทองคำสามลูกนั่นด้วยกันเถิด ! ”
ในวันนั้นเอง จักรพรรดิต้าเซี่ยได้นำนายทหารในชุดเกราะสีเงินเดินทางออกจากเมืองซ่างหลัวไปยังเมืองเทียนเย่า
ในวันเดียวกันนั้นเอง ราชทูตของแคว้นซูเฟิงที่กำลังพำนักอยู่ในเมืองซ่างหลัว บัดนี้ตื่นตกใจจนเหงื่อเย็นไหลอาบท่วมกาย กองทัพชุดเกราะสีเงิน 3,000 นายกำลังเดินทัพไปยังที่ราบอาลันล่า !
ณ จวนของท่านราชครูประจำแคว้นซ่างหลัว ราชทูตส่งมอบของขวัญชิ้นงามให้เขาอย่างนอบน้อม “ท่านราชครู ได้โปรดขอร้องให้ต้าเซี่ยถอยทัพด้วยเถิดขอรับ ! ”
ราชครูมิได้รับของขวัญชิ้นนั้นมา เขาลูบเครายาวแล้วเอ่ยเพียงสั้น ๆ ว่า “มันสายไปแล้วน่ะสิ ! ”