นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1175 สงครามกองโจร
ตอนที่ 1175 สงครามกองโจร
บนภูเขาที่มิรู้จัก
ชายอ้วนใช้กล้องส่องทางไกลดูลาดเลาอย่างละเอียด ด้านล่างของภูเขาเป็นที่ราบ บนที่ราบนั้นมีกองทัพขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างมาดร้าย
เขายกยิ้มยิงฟันแล้วโบกมือเพื่อส่งสัญญาณ “เผ่น ! ”
นี่เป็นเดือนที่สองที่ชายอ้วนเดินทางมาถึงแคว้นโมริยะ เขาละทิ้งเมืองการ์แลนด์ไปพักใหญ่แล้ว เพราะเขามิมีกำลังพลมากพอที่จะรักษาเมืองนั่นเอาไว้ได้
เจ้าสีจินที่ประจำอยู่ทางตะวันออกของจักรวรรดิโมริยะนำทหาร 300,000 นายกระหน่ำไล่ตามชายอ้วน แม้ว่าจะไล่ตามมาจริง ๆ แต่สีจินก็มิสามารถคว้าหางของชายอ้วนเอาไว้ได้ พวกเขาแยกกันตามหาชายอ้วน ทำให้ชายอ้วนเขมือบทหารของเขาไปทั้งสิ้น 80,000 นายด้วยกัน !
สีจินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ทว่าเขากลับทำอันใดมิได้ ชายอ้วนมักจะฉกฉวยโอกาสที่เหมาะสมค่อย ๆ กำจัดกองทัพที่ยิ่งใหญ่ไปทีละส่วน
ให้ตายเถิด !
เขารู้แล้วว่าชายอ้วนข้ามมาจากอีกฝากฝั่งของภูเขาหิมะ และเขาก็รู้อย่างชัดแจ้งว่ากองทัพของข้าศึกนั้นมีเพียงแค่ 3,000 นาย ทว่าพวกมันกลับเจ้าเล่ห์และไหลลื่นเสียยิ่งกว่าปลาไหล
ครานี้สายลับของเขาได้ข้อมูลที่ซ่อนตัวของชายอ้วนมาแล้ว ซึ่งที่นั่นก็คือ…ภูเขาวาริน !
เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาในขณะนี้ !
ครานี้จะมิพลาดท่าให้พวกมันหนีไปได้อีกเป็นอันขาด !
มินานนัก นายทหาร 200,000 นายของสีจินก็ได้แบ่งกันบุกขึ้นไปบนภูเขาวารินเป็นสามทาง
ทว่าเมื่อพวกเขามารวมพลกันบนยอดเขาวารินกลับพบว่าข้าศึกได้หายเข้าไปในกลีบเมฆแล้ว
“เจ้าพวกขี้ขลาดตาขาว เหตุใดพวกมันถึงวิ่งได้เร็วถึงเพียงนี้กัน ? ”
สีจินที่ยืนอยู่บนยอดเขาหันไปมองที่หน้าผา “พวกเจ้าจงบอกข้าสิว่า พวกมันกระโดดหน้าผาลงไปแล้วหรือเยี่ยงไร ? ”
ทหารหลายนายก้มหน้างุดเพราะมิสามารถตอบคำถามของท่านแม่ทัพได้ หน้าผาของภูเขาวารินแห่งนี้มิได้สูงมากนัก แต่ถ้าหากกระโดดลงไปก็คงต้องกระแทกตายสถานเดียว… “หรือว่าพวกเขาจะบินได้กัน ? ”
“ใช่ ! มิเช่นนั้นเหตุใดทุกคราที่พวกเราทำพวกมันจนตรอก พวกมันถึงหนีไปได้อยู่ร่ำไป ? ”
“รวมพล จงส่งสายลับไปเสาะหาตัวพวกมันมาให้ข้า ! ถ้าสังหารพวกมันมิได้ ข้าจะมิกลับเมือง ! ”
นี่มิต่างอันใดกับแมวที่กำลังวิ่งไล่จับหนู ทว่าน่าเสียดายที่กรงเล็บของแมวมิคมมากพอ ส่วนหนูตัวนั้นก็เจ้าเล่ห์มากจนเกินไป
กองทัพของชายอ้วนกำลังวิ่งพล่านอยู่ในช่องแคบระหว่างหุบเขาของภูเขาวาริน
“พวกที่ตามมาอยู่ด้านหลังช่างน่ารำคาญเสียจริง ซูม่อ…พวกเราจะจัดการมันเยี่ยงไรดี ? ”
ซูม่อเบ้ปากแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ระเบิดถูกใช้ในสงครามเมื่อวันก่อนจนหมดสิ้นแล้ว กระสุนก็ถูกใช้จนหมดเกลี้ยงแล้วเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราถูกฝังอยู่ในช่องแคบนี่เป็นแน่”
ฟู่ต้ากวนส่ายศีรษะ “พวกเจ้า…ถ้าหากเสี่ยวกวนลูกข้าอยู่ เขาย่อมรู้หนทางเป็นแน่ ! เขาจะต้องควาญหาวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วสร้างระเบิดขึ้นมาได้เป็นแน่ ! ”
“พวกเจ้าติดตามเขามาตั้งนาน มิได้เรียนรู้จากเขามาบ้างเลยหรือเยี่ยงไร ช่างโง่เขลาเสียจริง ! ”
ใบหน้าของซูม่อที่ถูกแดดแผดเผาจนดำคล้ำได้ปรากฏสีแดงเรื่อขึ้นมา ส่วนซูเจวี๋ยก็คอยจัดหมวกอยู่เงียบ ๆ มิหือมิอือ
ชายอ้วนหยิบแผนที่ออกมาแล้วจ้องอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไป “พวกเรามีทางเลือกสองทาง พวกเจ้าดูนี่สิ ! ทางฝั่งนี้เป็นเมืองเซนมีขนาดค่อนข้างเล็ก ยกทัพเข้าไปตีง่ายกว่า ส่วนทางฝั่งนี้..เป็นเมืองเทียน่า อืม…เมืองนี้ค่อนข้างใหญ่ พวกเราจะมิเข้ายึดครองเมืองทั้งสองนี้ ทว่าหากเข้าไปตีก็คงมิยากมากนัก พวกเจ้าคิดว่าควรเลือกที่ใดดี ? ”
ซูม่อเหลือบมองแล้วถึงกับตื่นตกใจ เพราะเมืองเทียน่าที่ว่านั้นคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออกของจักรวรรดิโมริยะ !
กำแพงเมืองแห่งนั้นตั้งสูงตระหง่าน อีกทั้งยังมีทหารรักษาการณ์มากถึง 30,000 นาย…เขาเงยหน้าขึ้นมองชายอ้วน “ท่านอาจารย์อารอง ข้าคิดว่าพวกเรารบแบบกองโจรอยู่ด้านนอกนี้ก็ดีแล้วนะขอรับ”
“เจ้ากลัวอันใดกัน ข้าคิดเช่นนี้…หากบุกเข้าไปในเมืองเซนมันมิค่อยสะใจเท่าใดนัก ยกทัพไปตีเมืองเทียน่าเสียยังจะดีกว่า พวกเจ้าลองคิดดูเถิด เมื่อพวกเราเข้าตีเมืองเทียน่าจนแตกพ่าย สีจินย่อมตามล่าพวกเรามาติด ๆ อย่างแน่นอน หลังจากนั้นพวกเราก็แย่งชิงเสบียงและอาวุธของเมืองเทียน่ามาเสีย… หลัก ๆ ก็คือขโมยคันธนูกับลูกศรธนูและขโมยเสบียงอาหาร หลังจากนั้นพวกเราก็จะมุ่งหน้าไปที่นี่…ที่เทือกเขาไทเออร์”
“เทือกเขาไทเออร์เป็นจุดภูมิศาสตร์ที่มิเลวเลย ที่นั่นเป็นเทือกเขาที่ยาวนับพันลี้ ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในการทำสงครามแบบกองโจร ! ”
“ถ้าหากเจ้าสีจินมันริอ่านเข้ามาล่ะก็ ข้าจะทำให้กองทัพสองแสนกว่านายของมันตกตายอยู่ในเทือกเขานั้น ! ”
ซูเจวี๋ยทำท่าครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ถ้าหากเขามิเข้ามาล่ะขอรับ ? ”
“ถ้าหากมันมิเข้ามา ข้าก็จะไปตีเมืองศิวะ รังของพวกมันเยี่ยงไรเล่า ! ”
นี่เหมือนว่าจะเป็นความคิดที่เข้าท่า ซูเจวี๋ยหันไปมองซูม่อ ซูม่อตริตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้าในที่สุด
“ศึกที่เมืองเทียน่าจะต้องรวดเร็วและฉับไว ! จากช่องแคบระหว่างหุบเขาไปจนถึงเมืองเทียน่า…คาดว่าต้องใช้เวลาเดินทาง 5 วัน พวกเรามิอาจให้สายลับรู้ทันแผนการของเราได้ มิเช่นนั้นถ้าหากเมืองเทียน่ามีการเตรียมตั้งรับไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ศึกครานี้มีความเป็นไปได้ที่จะถึงทางตันและถูกพวกเขาจับไปห่อเกี๊ยวในที่สุด ! ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สอง… พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องมารับหน้าที่กำจัดสายสืบของสีจินกันเถิด ให้ท่านอาจารย์อารองนำกองทัพล่วงหน้าไปก่อน แล้วพวกเราค่อยตามไปทีหลัง ! ”
“ได้ ! ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ! ฮึ ๆ ลูกชายของข้าเก่งกาจด้านสงคราม ข้าเองก็เก่งมิแพ้กัน ออกเดินทางได้… ! ”
สองวันหลังจากนั้นสีจินก็มิทราบข่าวคราวของกองทัพนั้นอีกเลย
เขาค้นพบว่าสายสืบที่ตนส่งไปนั้นมิกลับมาแม้แต่คนเดียว !
เขารู้สึกราวกับถูกควักลูกตาก็มิปาน มิรู้ว่าบัดนี้ข้าศึกหนีหายไปที่ใดแล้ว
“ท่านเจ้าเมือง ให้องค์จักรพรรดิส่งกองทัพโมริยะมารบกับพวกเขาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
“มิต้อง ! ข้าศึกมีเพียงแค่ 3,000 นายเท่านั้น หากข้าจัดการมิได้…ฝ่าบาทจะมองข้าเยี่ยงไรเล่า ? ”
สีจินขมวดคิ้วมุ่น เม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง “เยี่ยงไรเสียพวกมันก็ต้องกินต้องดื่ม พวกมันจะต้องเข้าไปบุกโจมตีเมืองเล็ก ๆ สักเมืองเป็นแน่…”
สีจินก้มหน้ามองแผนที่ พวกมันจะบุกเข้าไปที่เมืองเล็กเมืองใดกันนะ ?
และแล้วสายตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด “เมืองเซน ! พวกมันต้องเคลื่อนทัพไปเมืองเซนเป็นแน่ รวมกองทัพแล้วออกเดินทาง ครานี้ข้าจะต้องจับพวกมันมาให้ได้ ! ”
สามวันให้หลัง กองทัพของสีจินได้เดินทางไปถึงเมืองเซน ในราตรีเดียวกันนั้นเอง ชายอ้วนค่อย ๆ นำกองทัพ 3,000 นายย่องเข้าไปจนถึงเมืองเทียนน่า
คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืดลมกรรณโชกแรงพอดิบพอดี
ทหารรักษาการณ์เมืองมิมีลางสังหรณ์ถึงการมาเยือนของยมทูตเลยแม้แต่น้อย กำแพงเมืองเทียน่าสูงราว 2 จั้ง ได้ยินมาว่าทางใต้นั้นเป็นซ่องโจร เมืองเทียน่าจึงปิดประตูเมืองตั้งแต่สุริยากำลังจะตกดิน
พวกเขาคงมิคาดคิดว่าจะมีมนุษย์ที่บินได้จริง ๆ !
ชายอ้วนนำทหาร 3,000 นายทะยานขึ้นไปบนกำแพงเมืองในราตรีนั้น พวกเขาลงมือสังหารทหารนับพันนายได้ในเวลาชั่วอึดใจเดียว หลังจากนั้นก็ทะยานลงไปด้านในกำแพงเมืองเทียน่า
ทหารรักษาเมืองที่รอดชีวิตต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด หลังจากที่มีการปะทะกันอย่างดุเดือด พวกของชายอ้วนก็ได้ตัดศีรษะของทหารรักษาการณ์เมืองจนหมดสิ้น จากนั้นก็เข้าไปยังห้องเก็บยุทโธปกรณ์แล้วคว้าคันธนูและลูกศรออกมาจำนวนมาก ทั้งยังหยิบปืนคาบศิลาได้อีกจำนวนหนึ่ง !
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการแย่งชิงเสบียงอาหาร เมื่อได้มาจนพอใจแล้วก็จัดการจุดไฟเผาโกดังเสบียงทั้งสามแห่งของเมืองนี้จนมอดไหม้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็เปิดประตูเมืองแล้วจากไปอย่างสง่าผ่าเผยภายใต้ความมืดมิดยามราตรี
เมื่อสีจินได้ทราบข่าวการโจมตีอย่างอุกอาจครานี้ก็เป็นรุ่งเช้าของวันถัดไปแล้ว เขาเคลื่อนทัพออกไปด้วยความเดือดดาลอีกครา ครานี้เขานำกองทัพห้อตะบึงไปที่เทือกเขาไทเออร์
ในวันเดียวกันนั้นเอง จี้หยุนกุยก็ได้ส่งบรรดาภรรยาและบุตรของชายอ้วนไปยังเทือกเขาไทเออร์
เขาจำต้องหาตัวชายอ้วนให้เจอ เพราะว่าเขาได้รับข่าวสารสำคัญสองฉบับด้วยกัน
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมริยะได้ส่งกองทัพโมริยะจำนวน 100,000 นายเคลื่อนทัพมาทางทิศใต้ !
ฝ่าบาทได้นำกองทัพ 400,000 นายมาถึงเชิงเขาของภูเขาหิมะแล้ว !
แม้ว่าจะเป็นทหารที่มีฝีมือเก่งกาจอย่างทหารต้าเซี่ย แต่หากจะข้ามภูเขาหิมะที่สูงเสียดเมฆาลูกนั้นมาได้ ก็เกรงว่าต้องใช้เวลานานเป็นเดือน ๆ
คำสั่งของฝ่าบาทมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือชายอ้วนจะต้องมิตาย !
แต่จี้หยุนกุยเกรงว่าชายอ้วนจะหาเรื่องให้ตนเองพบกับความบรรลัยเสียก่อน !