นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1178 รวมพล
ตอนที่ 1178 รวมพล
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่สอง เดือนเจ็ด วันที่หนึ่ง
กองทัพต้าเซี่ยสี่แสนนายเหยีบย่ำเข้าไปในอาณาเขตของประเทศโมริยะ ไฟระอุของสงครามได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งผืนปฐพี
ทหารทั้งสี่แสนนายมิมีม้าศึกแม้แต่ตัวเดียว พวกเขามุ่งหน้าไปยังเทือกเขาไทเออร์ เมืองเล็กใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางผ่านล้วนแต่ถูกพวกเขากวาดล้างจนราบ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพชุดเกราะสีเงินจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้ ราษฎรและขุนนางแห่งจักรวรรดิโมริยะรวมไปถึงทหารรักษาการณ์ต่างก็มิมีความคิดที่จะขัดขืน
มีเพียงแค่หนึ่งถึงสองเมืองเท่านั้นที่ตั้งใจจะใช้ป้อมปราการอันแข็งแกร่งต้านทานการรุกราน หวังจะยืดเวลาเพื่อรอให้กองทัพฝ่ายตนเข้ามาช่วยเหลือ ทว่าพวกเขาก็ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังโดยเร็ว
กองทัพต้าเซี่ยส่งทหารออกไปประจันหน้าเพียงแค่หนึ่งกองพล ทว่าพวกเขาก็สามารถยึดครองเมืองได้อย่างง่ายดาย
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เร่งความเร็วในการเดินทาง เพราะเขาตั้งใจหลอกล่อให้กองทัพโมริยะมุ่งหน้ามาหาตน
ในวันนี้ กองทัพต้าเซี่ยได้เดินทางมาถึงเมืองเทียน่า เมืองที่ชายอ้วนเคยปล้นสะดม จี้หยุนกุยได้เดินทางออกมาจากเทือกเขาไทเออร์แล้วเช่นกัน บัดนี้เขาได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว
ทั้งสองนั่งอยู่ในสำนักงานรักษาการณ์เมือง ทหารรักษาการณ์เมืองได้หลบหนีออกจากเมืองในเช้าตรู่ของวันนี้
“จักรพรรดิพระเจ้าหลวงเชื่อฟังรับสั่งของฝ่าบาท พระองค์มิได้ทำศึกใดอีกนับตั้งแต่นั้น ! ”
“พระองค์ทรงก่อตั้งฐานทัพ ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาไทเออร์…พระองค์ทรงตั้งชื่อที่นั่นว่าหุบเขาไป๋ฮวา บัดนี้ได้มีการก่อสร้างที่พักอาศัยอย่างเรียบง่ายขึ้นมาหลายหลัง ทั้งยังมีการจัดตั้งหน่วยรักษาการณ์ขึ้นมาอีกด้วย ทว่าปัญหาเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือในหุบเขาแห่งนั้นขาดแคลนเสบียงเสริม”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “เพียงแค่บิดาของข้าสบายดี…ก็ดีเกินพอแล้ว ! บัดนี้การเคลื่อนไหวของศัตรูเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“พระเจ้าอโศกมอบหมายให้อโศลานำกองทัพห้าแสนนายเดินทัพมุ่งหน้ามาที่เทือกเขาไทเออร์ ในขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทาง จากการวิเคราะห์ของสายลับคาดว่าพวกเขาจะมาถึงเทือกเขาไทเออร์อีกสิบวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
“มั่นใจหรือไม่ว่าอาวุธของศัตรูมีอานุภาพรุนแรง ? ”
“มั่นใจพ่ะย่ะค่ะ ! อาวุธปืนของกองทัพโมริยะสามารถยิงทะลุชุดเกราะสีเงินของพวกเราได้ในระย 30 จั้ง แต่มันก็มีจุดอ่อนเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือการยิงกระสุนแต่คราจะยิงได้เพียงหนึ่งนัดเท่านั้น การใส่กระสุนแต่ละนัดค่อนข้างใช้เวลานาน มิอาจเทียบเคียงกับปืนเหมาเซ่อของพวกเราได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าส่งสายลับของหอเทียนจีมากี่คน ? ”
“1,300 คนพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เพราะทุกวันนี้หอเทียนจีมีเจ้าหน้าที่เพียงสามพันกว่าคน ทว่าส่งกำลังคนมากกว่าครึ่งมากระจุกตัวอยู่ที่จักรวรรดิโมริยะแห่งนี้ เอาเถิด…เยี่ยงไรเสียตอนนี้ก็มิได้มีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้นภายในประเทศ
“เมื่อแย่งชิงเมืองเทียน่าเสร็จแล้ว พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาไอเออร์ เรื่องการปรากฏตัวของกองทัพต้าเซี่ยจะไปถึงหูของพระเจ้าอโศกในเร็ววันนี้”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปสองก้าว จากนั้นก็หันศีรษะกลับมายิ้มให้จี้หยุนกุย “เจ้าคิดว่า…เขาจะนำกองทัพโมริยะทั้งหนึ่งล้านนายนั้นเข้าไปรบที่เทือกเขาไทเออร์หรือไม่ ? ”
“มีความไปได้อย่างสูงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…ครานี้อย่าได้ดูแคลนข้าศึกเป็นอันขาด ! ”
“อืม…ข้าหวังว่าอโศกจะทุ่มกองทัพจำนวนล้านนายเข้ามารบในศึกครานี้จริง ๆ มีเพียงแต่แบบนี้เท่านั้นที่พวกเราจะขจัดปัญหานี้ให้หมดสิ้นได้เร็วที่สุด”
……
……
ณ หุบเขาไป๋ฮวา เทือกเขาไทเออร์
ชายอ้วนยืนอยู่บนยอดไม้พลางกวาดสายตามองหุบเขาที่มีทิวทัศน์แปลกใหม่จากเดิมก็อดที่จะยกยิ้มขึ้นมามิได้
บรรยากาศของที่นี่ช่างเหมือนกับที่สำนักเต๋าเสียจริง
เพียงแต่ที่นี่มีที่พักอาศัยมากกว่า บัดนี้ดูวุ่นวายมากยิ่งนัก มิได้มีบรรยากาศที่เงียบสงบเฉกเช่นสำนักเต๋า
จี้หยุนกุยบอกว่าบัดนี้สวี่หยุนชิงประจำอยู่ที่สำนักเต๋าและกำลังรับบรรดาลูกศิษย์…ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาครานี้ ข้าควรทำเยี่ยงไรดี ?
กลับไปบูรณะสำนักเต๋ากับสวี่หยุนชิงดีหรือไม่ ?
หรือร่อนเร่พเนจรไปทั่วหล้าต่อไป ?
ข้าเป็นถึงเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียงแท้ ๆ !
ทว่าบัดนี้กลับต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้… !
ในขณะที่ชายอ้วนกำลังครุ่นคิด ซูเจวี๋ยก็ได้ทะยานขึ้นมาบนยอดไม้ เขาจัดหมวกให้ตรงพร้อมกับจ้องมองอาจารย์อารอง เขารู้สึกราวกับว่าบุรุษตรงหน้าเป็นดังองค์เทพที่หลุดพ้นจากความวุ่นวายทั้งปวง
“ท่านอาจารย์อารองขอรับ ข้าเป็นผู้สร้างสำนักเต๋าที่ภูเขาหนานซานเมืองจินหลิงเองขอรับ”
“เมื่อคราที่ท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านอาจารย์ได้เอ่ยกับข้าว่า…ศิษย์น้องเล็กต่างหากถึงจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่แท้จริงของสำนักเต๋า เพราะเขาจะสร้างสำนักเต๋าขึ้นทุกที่ที่ย่ำเท้าไป”
“ข้าเพิ่งเข้าใจความหมายคำเอ่ยของท่านอาจารย์เมื่อวานนี้เอง ราวกับท่านได้ทำนายไว้ว่าศิษย์น้องเล็กจะกลายเป็นเจ้าของผืนปฐพีแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้…สำนักเต๋าจะถูกสร้างขึ้นทุกพื้นที่ในใต้หล้านี้”
“เช่นที่นี่”
“หรือที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์”
“แน่นอนว่า พื้นที่ที่พวกเราจะขยายเมล็ดพันธุ์ของสำนักเต๋าต้องเป็นต้าเซี่ย”
“ท่านอาจารย์อารอง ท่านคิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”
การมีอยู่ของสำนักเต๋ามีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในตัวของมันเอง มันอาจจะมีไว้เพื่อปกป้องผู้สร้างหรือจัดการกับผู้ที่คิดทำลาย
ฟู่เสี่ยวกวนคือผู้สร้าง แต่ก็มิมีผู้ใดรู้ว่าในอนาคตจะมีผู้ทำลายจะปรากฏตัวขึ้นมาบนหน้าประวัติศาสตร์หรือไม่ !
ฟู่เสี่ยวกวนสร้างประเทศต้าเซี่ยอันเกรียงไกรขึ้นมา ทว่าอีกหนึ่งศตวรรษข้างหน้าจะเป็นเยี่ยงไร ? มีเพียงผู้สืบทอดของสำนักเต๋าเท่านั้นที่จะปกป้องผลพวงนี้เอาไว้ได้
ชายอ้วนย่อมรู้ดี
สวี่หยุนชิงก็รู้ดีเช่นกัน มิเช่นนั้นนางคงมิหวนกลับไปที่สำนักเต๋า
“ท่านอาจารย์อารอง การขยายอาณาเขตเป็นหน้าที่ของศิษย์น้อง… หากพวกเรามิกลับไปฟื้นคืนสำนักเต๋าและสืบสานหลักปฏิบัติของสำนักเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าหลังจากนี้คงสายไปเสียแล้ว”
ชายอ้วนพยักหน้าในท้ายที่สุด “สิ่งที่เจ้าเอ่ยมีเหตุผล เมื่อศึกครานี้สิ้นสุดลง….พวกเราจะเดินทางกลับต้าเซี่ยทันที พวกเราจะเริ่มฟื้นคืนสำนักเต๋าที่ต้าเซี่ย ! ”
ซูเจวี๋ยโค้งตัวลงด้วยความรู้สึกยินดี “ขอบพระคุณท่านอาจารย์อารอง ! ”
“ขอบคุณอันใดกัน ! อีกกี่วันกว่าลูกชายของข้าจะเดินทางมาถึง ? ”
“เรียนท่านอาจารย์อารอง อีกประมาณสามวันขอรับ ! ”
“พาบรรดาศิษย์น้องของเจ้าออกไปล่าสัตว์ เมื่อลูกชายของข้ามาถึง ข้าอยากจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ให้เขาสักมื้อ ! ”
……
แม่ทัพอโศลาที่เดินทางมาจากทิศเหนือทราบแล้วว่าเมืองน้อยใหญ่ต่าง ๆ ถูกข้าศึกยึดครอง และข่าวของกองทัพสี่แสนนายที่ข้ามภูเขาหิมะเข้ามาก็มาถึงหูของเขาแล้วเช่นกัน
เขานั่งอยู่บนหลังช้างตัวมหึมาพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เช่นนั้นก็หมายความว่า มีประเทศที่แข็งแกร่งตั้งอยู่อีกฝั่งของภูเขาหิมะจริง ๆ !
การข้ามภูเขาหิมะมิใช่เรื่องง่าย เพราะมีภูเขาหิมะคอยขวางกั้น จึงทำให้ทั้งสองฝากฝั่งมิเคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายตลอดระยะเวลาสองพันปีที่ผ่านมา พวกเขาต่างก็ดำรงอยู่ในความสงบสุข ทว่าบัดนี้กลับถูกกองทัพที่มิเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนโจมตีจนแพ้พ่าย
เขามิเคยรับรู้ถึงแสงยานุภาพอันร้ายกาจของกองทัพต้าเซี่ย ทว่าตั้งแต่ที่กองทัพนี้ข้ามภูเขาหิมะลูกนั้นมาได้ เขาก็พอจะสรุปได้ว่ากองทัพนี้เป็นกองทัพที่เก่งกาจมิเบาเลยทีเดียว
สายลับรายงานมาว่ากองทัพต้าเซี่ยได้กวาดต้อนเสบียงของเมืองเทียน่าไปยังเทือกเขาไทเออร์จนหมดสิ้น…หรือว่ากองทัพนี้จะเชี่ยวชาญการทำศึกบนภูเขากัน ?
กองทัพโมริยะก็ถนัดการรบบนภูเขาเช่นกัน เช่นนั้นก็ไปรบบนเทือกเขาไทเออร์ให้มันรู้แพ้รู้ชนะกันไปข้าง !
ข้าจะฝังกลบพวกมันทุกคนที่เทือกเขาไทเออร์ คาดว่าหลังจากนี้ทหารที่ประจำอยู่อีกฝั่งหนึ่งของภูเขาหิมะก็คงจะเหลือเพียงหยิบมือเท่านั้น และพวกที่มาที่นี่ก็คงจะเป็นทหารที่ฝีมือดีที่สุดแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือกองทัพของพวกมันเคลื่อนไหวมิเร็วมากนัก เขามิได้คิดว่าเป็นเพราะฟู่เสี่ยวกวนกำลังรอเขาอยู่ แต่เขากลับคิดว่ากองทัพโมริยะมิเคยประสบความพ่ายแพ้เลยสักคราตั้งแต่ก่อตั้งมา และฝั่งตนก็มีกำลังพลมากกว่าศัตรูตั้งหนึ่งแสนนาย อีกทั้งศึกครานี้เป็นการรบในอาณาเขตของตน มิว่าจะวิเคราะห์สถานการณ์ในมุมใดก็จะเห็นว่า ตนมีความได้เปรียบเหนือข้าศึกทุกทาง
“จงถ่ายทอดคำสั่ง ให้พลช้างรีบเดินทางไปปักหลักที่เชิงเขาทางเหนือของเทือกเขาไทเออร์โดยเร็วที่สุด กองทัพของพวกเราจะไปรวมตัวกันที่นั่นอีกห้าวันหลังจากนี้”
วันเดียวกันนั่นเองกองทัพของฟู่เสี่ยวกวนจำนวนสี่แสนนายก็ได้เข้าสู่เทือกเขาไทเออร์โดยมีจี้หยุนกุยเป็นผู้นำทาง
สามวันให้หลังจากนั้น กองทัพต้าเซี่ยและกองทัพสามพันนายของชายอ้วนก็ได้มารวมพลกัน !
ชายอ้วนและฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ใต้น้ำตก พวกเขาต่างก็จ้องตากันไปมา รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่มีให้กัน
“ท่านพ่อ…ท่านทำให้ข้าตกใจจนเกือบหัวใจวายตาย ! ”
“ลูกชายข้า…เจ้าคงคิดถึงข้ามากสินะ ! ”