นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1179 บทสนทนายามค่ำคืน
ตอนที่ 1179 บทสนทนายามค่ำคืน
แสงจันทร์กระจ่างกลบแสงของดวงดารา กองไฟลุกแผดเผาอยู่ริมแอ่งน้ำใต้น้ำตก
บนกองไฟมีแกะทั้งตัวถูกย่างส่งกลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอ
ฟู่เสี่ยวกวนพลิกแกะไปมาพลางบอกเล่าเรื่องราวบนมหาสมุทร เขายิ้มแย้มแจ่มใส ในใจเต็มไปด้วยความสงบสุขที่มิได้มีบ่อยนัก
เมื่อลองคิดดูดี ๆ ตั้งแต่ที่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้ เขามีเวลาคลุกคลีกับชายอ้วนเพียงสองต่อสองมิมากนัก
แต่มันก็มิได้ส่งผลให้ความรู้สึกที่เขามีต่อชายอ้วนจืดจางแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่ที่เขาลืมตาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกคราบนโลกใบนี้ ชายอ้วนคือคนที่สองที่เขาพบเจอ
เขาได้มอบครอบครัวที่อบอุ่นให้แก่ตน และเขาคือคนที่คอยยืนอยู่ข้าง ๆ ตน ข้ามผ่านอุปสรรคร้อยพันไปด้วยกัน
แม้ผู้อื่นจะมองว่าชายอ้วนมิเอาไหน แต่ฟู่เสี่ยกวนรู้ดีว่าเขาลอบช่วยเหลือตนมาโดยตลอด…จนกระทั่งตอนนี้
เขาเป็นคนที่ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นดังเดิม
“คาดว่าแผ่นดินใหญ่ลีอาห์คงเล็กกว่าที่นี่มากโข เพราะเวลากระชั้นชิดจนเกินไป…ข้าจึงมิได้เดินทางไปให้ทั่ว ว่ากันว่าหากจะไปแคว้นอื่น ๆ ก็จำต้องข้ามทะเลทรายไป ข้าแย่งชิงภูเขาทองคำได้สามลูกพอดี จึงรีบขนกลับมายังต้าเซี่ย”
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบมีดสั้นขึ้นมาหั่นเนื้อแกะใส่จาน จากนั้นก็ส่งให้กับชายอ้วน “สถานที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ยากจน จะว่ายากจนก็มิเชิง ควรจะเอ่ยว่าล้าหลังเสียมากกว่า เพราะสถานที่แห่งนั้นมีทรัพยากรเหลือเฟือ เพียงแต่ผู้คนที่นั่นมิรู้ว่าจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เยี่ยงไร”
เขาหั่นเนื้อแกะอีกชิ้นวางลงบนจานของตน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองชายอ้วนพลางเอ่ยขึ้นมาว่า “บัดนี้เส้นทางเดินเรือจากเมืองเจียงเฉิงจนถึงแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ได้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ท่านกลับไปยังต้าเซี่ย ท่านจะเดินทางไปเที่ยวชมที่นั่นก็ย่อมได้ ที่นั่นมีทิวทัศน์ที่สวยแปลกตา อ่า…ใช่ ! ข้าจะแอบกระซิบเรื่องหนึ่งให้ท่านรู้ ท่านอย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้ใดฟังเชียว ! ”
“เจ้ายังมีความลับอันใดอีกกัน ? ” ชายอ้วนผงะ
“ฮ่า ๆ ” ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าได้สืบเชื้อสายของข้าไว้บนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แห่งนั้น ! ”
ชายอ้วนตกตะลึงขึ้นมาทันใด “เหตุใดถึงมิพากลับมาด้วยเล่า ? ตระกูลฟู่ของเรา…ลูกหลานตระกูลอู๋ของเรา เป็นถึงเลือดเนื้อของเทพเจ้า เจ้าทิ้งเขาเอาไว้ต่างบ้านต่างเมืองได้เยี่ยงไรกัน ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหั่นเนื้อแกะแล้วยัดใส่ปากพลางตอบคำถามของชายอ้วนว่า “พากลับมาทำอันใดเล่า ? มาร่วมกันแย่งชิงบัลลังก์หรือเยี่ยงไร ? เมื่อถึงตอนนั้นท่านอยากให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดเหมือนที่ทะเลสาบสือหลี่หรือเยี่ยงไร ? ”
“ช่างมันเถิด ให้เขาได้เกิดบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เถิด มิแน่ในอนาคตเขาอาจจะได้ขึ้นครองบัลลังค์ในดินแดนแห่งนั้น ! ”
ชายอ้วนคลายความกังวลลงทันใด การที่ศิษย์สำนักเต๋าจะกลับไปเผยแพร่ลัทธิเต๋าในต้าเซี่ยถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ทว่าจะให้เขากลับไปอยู่ที่ต้าเซี่ยนั้นมันมิสมควรอย่างแท้จริง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าหนีไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เพื่ออยู่กับหลานมิดีกว่าหรือ ?
ความคิดนี้ดูเข้าท่า ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้จะได้ลงหลักปักฐานเสียที ข้าจะฝึกฝนให้หลานชายของข้าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูง เมื่อเขาเติบใหญ่ก็จำต้องช่วยให้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ แม้จะเก่งมิเท่าพ่อของเขา แต่การได้เป็นเจ้าของอาณาเขตย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถือเสียว่าช่วยพ่อของเขาดูแลรักษาอาณาเขตนั้นก็แล้วกัน
ชายอ้วนหัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อฟู่เสี่ยวกวนเห็นดังนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันใด “ท่านหัวเราะเจ้าเล่ห์เช่นนี้…คิดแผนการอันใดอยู่กัน ? ”
“มิมี ๆ พอได้ยินว่า…ลูกชายข้าแตกหน่อออกผลไว้ต่างแดน ข้าก็อดดีใจมิได้ มา ๆ ๆ พวกเราสองคนมาดื่มฉลองกันเถิด ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนคาดมิถึงว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกไปอย่างมิคิดนั้น จะทำให้ลัทธิเต๋าแผ่ขยายไปทางตะวันตก ในขณะที่ศาสนาพุทธยังมิทันได้แผ่ขยายมาถึงตะวันออกเลยด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง
ทั้งสองนั่งดื่มสุราพลางย้อนระลึกถึงความหลัง ถอนหายใจให้กับโชคชะตาที่ผันแปรและดื่มด่ำกับอนาคตที่สดใส
ฟู่เสี่ยวกวนกลืนเนื้อแกะอีกคำลงไป จ้องมองชายอ้วนด้วยสายตาที่เป็นประกาย “ข้าคิดถึงช่วงเวลาที่หลินเจียงมากยิ่งนัก ข้าวางแผนไว้แล้วว่าเมื่อโครงสร้างแผนพัฒนาระยะห้าปีสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี…อีกสี่ปีให้หลัง เมื่อถึงตอนนั้นเทียนซื่อจะมีอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปี เขาสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว ! ”
ชายอ้วนตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทว่ายังคงฟังฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยต่อจนจบ “เมื่อศึกครานี้สิ้นสุดลง เมื่อกลับถึงเมืองกวนหยุนแล้ว ข้ามีเรื่องต้องจัดการถึงสองเรื่องด้วยกัน หนึ่งคือย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฉางอัน สองคือย้ายหนิงหยู่ชุน เยี่ยนซีเหวิน จัวหลิวหวิน มาประจำการที่เมืองฉางอัน”
“จัวอี้สิงและหนานกงอี้หยู่ชรามากแล้ว พวกเยี่ยนซีเหวินยังหนุ่มยังแน่นเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา พวกเขาล้วนเป็นสหายของข้า พวกเขาเข้าใจนโยบายของต้าเซี่ยได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง ถ้าหากได้พวกเขาคอยช่วยเหลือเทียนซื่อ ข้าเชื่อว่าต้าเซี่ยจะไร้ซึ่งปัญหาใด”
“แล้วเจ้าเล่า ? เจ้าวางแผนจะทำอันใดต่อไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ” ชายอ้วนเอ่ยถามออกมาในที่สุด
“ข้าจะเดินทางท่องมหาสมุทร ข้าจะพาเมียและลูกที่เหลือออกท่องมหาสมุทร ! ”
เมื่อเอ่ยเสร็จฟู่เสี่ยวกวนก็โน้มตัวเข้าไปหาชายอ้วน แล้วยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ผืนปฐพีแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือไพศาลมากยิ่งนัก ข้าจะเดินทางไปยังทวีปที่ห่างไกล และปักหลักเป็นเศรษฐีที่ดินอยู่ที่นั่น ! ”
“เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะต้องเดินทางไปกับข้า ท่านแม่ก็จะไปด้วยเช่นกัน พวกเราจะไปใช้ชีวิตที่นั่น ให้บ่าวรับใช้ของพวกเราไปทำนาบนผืนปฐพีนั้นให้กับพวกเรา ! ”
“ข้าจะบอกอันใดให้ คาดว่าสถานที่แห่งนั้นน่าจะมีชายหาดที่งดงาม พวกเราจะไปสร้างปราสาทหลังใหญ่บนชายหาดแห่งนั้น พวกเราจะได้ชมสุริยาที่กำลังโพล่พ้นขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าในทุก ๆ วัน เดินเหยียบย้ำเกลียวคลื่นภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ! ”
“ท่านพ่อ…นี่ต่างหากคือชีวิตที่ข้าปรารถนา ! ”
“ท่านสามารถแต่งงานใหม่ได้นี่ ให้กำเนิดน้องชายและน้องสาวให้ข้าอีกสักสองสามคน เช่นนี้ก็จะครึกครื้นขึ้นมาหน่อย ! ”
“ตอนที่ข้ายังอยู่ที่เมืองจินหลิงข้าเคยบอกท่านว่าข้าจะเลี้ยงดูท่านยามแก่ชรา ข้าได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ภูเขาทองคำทั้งสามลูกนั้น…ข้าเก็บเอาไว้ใช้เองหนึ่งลูก ถึงเวลานั้นค่อยขนย้ายไปที่อะแลสกา พวกเราจะนำทองคำกองมหาศาลนั้นไปกว้านซื้อที่ดิน จนทำให้พวกเรากลายเป็นเศรษฐีที่ดิน ! ท่านคิดเห็นว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ”
ชายอ้วนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พลันเกิดความรู้สึกสับสนปนเปขึ้นในใจ
เขาจ้องมองฟู่เสี่ยวกวน ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งความชื่นใจให้เห็นชัดเจน เขาพยักหน้าแล้วตอบสั้น ๆ ว่า “ได้สิ ! ”
เขาก้มหน้าลงกินเนื้อแกะ ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับมิเห็นความผิดหวังที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มแสนสุขนั่น
“ข้าศึกคืบคลานเข้ามาใกล้เต็มที ศึกครานี้เจ้าเตรียมรบเยี่ยงไรบ้าง ? ” ครานี้ชายอ้วนได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนามา ดูเหมือนว่าเขามิอยากเอ่ยถึงอนาคตสักเท่าใดนัก
“ข้าได้ให้ทหารวางทุ่นระเบิดระหว่างทางมาที่นี่แล้ว… ทหารต้าเซี่ยของเราล้วนมีฝีมือฉกาจ พวกเรามิจำเป็นต้องปะทะกับข้าศึกตัวต่อตัว ที่นี่เหมาะสำหรับการทำสงครามแบบกองโจรมากยิ่งนัก ด้วยคุณสมบัติผนวกกับวิธีการใช้ปืนของกองทัพต้าเซี่ย การกำจัดศัตรูให้แพ่พ้ายจะยิ่งทำได้ง่ายขึ้น”
“เมื่อยึดที่นี่มาได้ เจ้าวางแผนจะทำเยี่ยงไรต่อไป ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงตอบกลับมาว่า “หลังจากที่กำจัดกำลังหลักของศัตรูได้แล้ว ข้าจะนำทัพมุ่งไปทางเหนือ เพื่อจำกัดกองกำลังที่เหลือของศัตรู จับกุมอโศกแล้วแต่งตั้งให้เขาเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด ให้จักรวรรดิโมริยะยอมโอนอ่อนสวามิภักดิ์ต่อต้าเซี่ย ! ”
“จะมิให้ทหารประจำการอยู่ที่นี่สักหน่อยหรือ ? ”
“ไม่ล่ะ ! เพราะที่นี่ไกลจนเกินไป การข้ามภูเขาหิมะลูกนั้นมิใช่เรื่องง่าย ทหารที่ประการอยู่ต่างแดนจำต้องสลับหมุนเวียนกัน เช่นนั้นคงจะสร้างความลำบากให้กับเหล่าทหารมากจนเกินไป”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสริมว่า “หลังจากนี้ก็ให้จักรพรรดิหุ่นเชิดเดินทางมาถวายความเคารพที่ต้าเซี่ยทุกปี อีกอย่างทางหอเทียนจีจำต้องเหลือสายลับไว้ที่นี่ ถ้าหากมีเค้าลางว่าที่นี่จะสร้างกองทัพขึ้นมาอีกเมื่อใด พวกเราก็เพียงแค่ยกทัพเข้ามาปราบปรามก็เป็นพอแล้ว”
ชายอ้วนพยักหน้า เขามิได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ทว่าอยู่ ๆ เขาก็โพล่งถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม “เจ้าวางแผนจะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฉางอัน…เป็นเพราะหอเทียนจีชั้นที่สิบแปดใช่หรือไม่ ? ”
“อืม…ข้าขอเอ่ยกับท่านตามตรง ข้ามิรู้ว่าด้านในนั้นจะมีอันตรายซ่อนอยู่หรือไม่”
“…เจ้าจะไปดูจริง ๆ หรือ ? ”
“ถ้าหากมิได้ลงไปดูให้เห็นกับตา คาดว่าต้องอยู่กับความคาใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่ ! ”
“ถ้าหากเจ้าตายอยู่ข้างในนั้น แล้วผู้ใดจะมาดูแลข้ายามแก่ชราเล่า ? ”
“……”