นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1183 เส้นทางมรณะ
ตอนที่ 1183 เส้นทางมรณะ
คูฉานมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกเพื่อไปยังจักรวรรดิโมริยะ
เฉกเช่นปีนั้นที่เขาเดินทางไปยังชื่อเล่อชวน
ฟู่เสี่ยวกวนที่อยู่ในเทือกเขาไทเออร์ ณ จักรวรรดิโมริยะ มิได้รับรู้ว่าคูฉานกำลังเดินทางมาที่นี่
แสงแรกของวันโพล่พ้น หมอกบางแผ่ปกคลุมเหนือหุบเขา ที่พำนักภายในหุบเขามีควันลอยโขมง บนยอดไม้ที่ไกลออกไปมีเงาของทหารเวรซุกซ่อนอยู่ ยามอรุณรุ่งช่างเงียบสงบเสียจริง
ชายอ้วนถือถ้วยโจ๊กเดินเข้ามาที่ห้องของฟู่เสี่ยวกวนหนึ่งถ้วย เขาวางโจ๊กไว้บนโต๊ะ สองมือเช็ดที่อาภรณ์ของตน จากนั้นก็เอ่ยอย่างเหนียมอายว่า
“สถานที่แห่งนี้ทุรกันดารมากยิ่งนัก แต่เยี่ยงไรก็ต้องกินมื้อเช้านะ มาเถิด…มากินโจ๊กร้อน ๆ ถ้วยนี้เสีย”
ฟู่เสี่ยวกวนเพ่งมองชายอ้วนอีกครา ค้นพบว่าชายอ้วนเริ่มมีผมหงอกแซมมาให้เห็นบ้างประปราย
“ท่านพ่อ”
“อย่ามัวแต่ชักช้าร่ำไร รีบกินเร็วเข้าเถิด”
“ขอรับ ! ”
ชายอ้วนนั่งมองฟู่เสี่ยวกวนกินโจ๊กถ้วยนี้จนหมดแล้วยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็คว้าถ้วยกับตะเกียบออกมา “เรื่องทำศึกสงคราม ข้ามิขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว เจ้าจงระวังตัวด้วย กระสุนของข้าศึกสามารถยิงทะลุชุดเกราะของพวกเราได้จริง ๆ ”
“อืม…ข้ามิได้ออกรบแนวหน้าสักหน่อย มิมีอันตรายใดหรอก”
“เยี่ยงนั้นก็ดี ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“ไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ก็ไปตัดรังผึ้งน่ะสิ ! ”
ชายอ้วนหันหลังเดินจากไป แม้การก้าวเดินของเขาจะมิได้กะโผลกกะเผลกจนเห็นได้ชัด ทว่าแผ่นหลังใหญ่ก็ค่อมลงเล็กน้อยแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนละสายตากลับมาเเล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับเป่ยหวังฉวนและหนิงซือเหยียนว่า “ไปเถิด… พวกเราไปดูสถานการณ์กันสักหน่อย”
……
……
แม่น้ำระหว่างหุบเขามีหมอกปกคลุมอยู่บางเบาเช่นกัน วิหคร้องประสาน สัตว์ป่าออกหากินขวักไขว่
เดิมทีควรจะเป็นทิวทัศน์ที่งดงามดุจภาพวาด ทว่าอีกมินานภาพอันงดงามนี้จะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
กองทัพสองแสนนายภายใต้การนำทัพของอโศลาได้เดินทางเลียบชายฝั่งแม่น้ำของหุบเขา
หมู่วิหคตื่นตกใจจนแตกกระเจิงไปทั่ว สัตว์ป่าในหุบเขาเตลิดหนีไป ชีวิตที่สงบสุขของพวกมันถูกทำลายจนย่อยยับไปทั้งอย่างนี้ ทว่าพวกมันมิรู้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
บนภูเขาทั้งสองข้างมีทหารโมริยะกว่าห้าพันนายกำลังปีนป่ายขึ้นไปบนหน้าผา บัดนี้ก็กำลังปีนลงไปยังสันเขาของหุบเขาไป๋ฮวาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ ห่างออกไปเฮ้อซานเตายกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องเงียบ ๆ เขากำลังรอให้ศึกที่แม่น้ำทางเข้าหุบเขาประทุดังขึ้นมา
สองชั่วยามหลังจากนั้น กองทัพสองแสนนายของศัตรูก็ได้เข้ามาบริเวณแม่น้ำทางเข้าหุบเขา
“จุดชนวน… ! ” กวนเสี่ยวซีออกคำสั่ง
“ตู้ม ๆ ๆ…”
ทางเดินริมแม่น้ำทั้งสิบลี้นั้นได้ส่งเสียงระเบิดดังคับฟ้าโดยที่มิมีผู้ใดสังหรณ์ใจมาก่อน ความโกลาหลเกิดขึ้นในชั่วอึดใจเดียว ก้อนหินกระเด็นกระดอนขึ้นไปกลางอากาศ ฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ศัตรูส่งเสียงร้องโหยหวน ชิ้นส่วนมนุษย์จำนวนนับมิถ้วนลอยกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ แม้แต่หมอกขาวก็ยังถูกโลหิตย้อมจนเป็นสีแดงฉาน
“มีทุ่นระเบิด… ! ”
“จงระวัง ! ”
“ไปหลบที่หน้าผาทั้งสองข้างเร็วเข้า ! ”
นายพลทั้งสองภายใต้บังคับบัญชาของอโศลาตื่นตกใจเสียงระเบิดเสียจนขวัญกระเจิง นี่คือกับระเบิด !
ฝ่ายศัตรูวางกับระเบิดจำนวนมหาศาลบนทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำ !
จักรวรรดิโมริยะก็มีระเบิดเช่นเดียวกัน ทว่ามีอยู่จำนวนน้อยนิด เพราะมันมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
ข้าศึกวางกับระเบิดเท่าใดกัน ?
“ทุกคน จงระวังตัวเอาไว้ให้ดี ! ”
ทว่าต่อให้เขาแผดเสียงดังมากเพียงใดก็ไร้ซึ่งประโยชน์ มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน พี่น้องทหารที่เห็นกันอยู่เมื่อครู่กลับตกตายไปแล้ว ! บ้างก็ขาขาดไปข้างหนึ่ง !
ซ้ำยังมีทหารผู้โชคร้ายหลายรายถูกก้อนหินฟาดจนเสียชีวิต !
เพียงแค่ครู่เดียวพวกเราตกตายไปกี่คนแล้วนะ ?
มิมีผู้ใดรู้ว่าตายไปเท่าใด ทว่าคนที่รอดชีวิตได้นั้นรู้ดีว่าคนรอบข้างตายจากไปอย่างกะทันหันหลายคน
ส่วนคนที่บาดเจ็บสาหัส ต่างก็นอนส่งเสียงโหยหวนปานจะขาดใจ
นี่มิต่างอันใดกับนรกบนดิน !
จะเดินหน้าต่อไปก็มิกล้า ในเมื่อมีกับระเบิด เช่นนั้นจำต้องถอยกลับไปข้างหลังจึงจะปลอดภัยที่สุด พวกเขามิได้ปีนขึ้นไปบนหน้าผาทั้งสองฝั่ง ทว่าเลือกที่จะหันหลังกลับไปแทน
เฝิงซีถือกล้องส่องทางไกลมองสถานการณ์อย่างใจเย็น จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไปว่า “ทหาร ไล่ตามพวกมันไป… ! ”
ทหารกองทัพบกที่สองจำนวนหนึ่งแสนนายได้บุกลงเขาเยี่ยงพยัคฆ์ที่ดุร้าย
เมื่อศึกที่แม่น้ำทางเข้าหุบเขาปะทุดังขึ้น กองทัพของเฮ้อซานเตาที่ซ่อนอยู่บนสันเขาของทั้งสองฝั่งก็เข้าไปจัดการกับศัตรูที่ชะงักฝีเท้าลงทันใด
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ เสียงปืนบนสันเขาก็ปะทุขึ้นมา
นี่เป็นคราแรกที่เฮ้อซานเตามิได้ปะทะกับศัตรูโดยตรง ทหารนาวิกโยธินซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ เมื่อโจมตีศัตรูได้จำนวนหนึ่งพวกเขาก็กระโดดไปอีกต้นหนึ่ง ทหารกองทัพโมริยะรู้สึกราวกับว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับข้าศึกชาวต้าเซี่ยจำนวนนับมิถ้วน
“หมอบลง ! ”
“จงหาตัวข้าศึกให้พบ ! ”
“พวกมันซ่อนอยู่บนต้นไม้ ยิงพวกมันเสีย ! ”
“ปัง ๆ ๆ ๆ…” เสียงปืนดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง มีทหารของต้าเซี่ยร่วงลงมาจากต้นไม้ ทว่าทหารของกองทัพโมริยะก็ตายในสนามรบมากกว่าอยู่ดี
“หาที่กำบังแล้วกำจัดพวกมันให้หมด ! ”
สงครามบนสันเขาเข้าสู่จุดเดือดในชั่วพริบตาเดียว ทว่าเยี่ยงไรเสียทหารนาวิกโยธินก็ยังคงได้เปรียบเช่นเคย
นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถบินได้ !
พวกเขากระโดดไปมาบนต้นไม้ได้อย่างง่ายดายราวกับอยู่บนพื้นราบ ทหารโมริยะมิมีความสามารถเช่นนี้ พวกเขาจึงถูกโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ทหารโมริยะมิได้รุกคืบไปข้างหน้าแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่ากลับต้องถอยกลับราว 10 จั้ง ทั้งยังตกตายไปหลายพันนาย !
จะเป็นเยี่ยงนี้ต่อไปมิได้ กองกำลังหลักที่เดินทัพไปตามทางเลียบแม่น้ำอาจจะพ่ายแพ้ ข้าศึกย่อมไล่ตะเพิดไปจนถึงฐานที่มั่นเป็นแน่
“ถอยทัพ ! ”
“ให้แนวหน้าตั้งรับ ส่วนแนวหลังรีบถอยไปยังฐานทัพโดยด่วน ! ”
กองทัพโมริยะถอยร่นราวกับกระแสน้ำลง เฮ้อซานเตามิได้ไล่ตามแนวหลังไป เพราะจำต้องกำจัดทหารแนวหน้าให้สิ้นซากให้หมดเสียก่อน
แน่นอนว่าเสียงระเบิดย่อมดังสนั่นไปถึงหุบเขาไป๋ฮวา ฟู่เสี่ยวกวนที่ยืนอยู่ริมแอ่งน้ำได้ทอดสายตาไปมองแม่น้ำระหว่างหุบเขา “สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว”
เฉินป๋อคันไม้คันมืออยากจะออกรบจนทนมิไหวเลยหันไปประคองมือคาราวะ “ฝ่าบาท…ขอพระองค์รับสั่งให้ข้าน้อยออกรบด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“อย่ารีบร้อนไปเลย มีกองทัพต้าเซี่ยสองกองทัพรวมกับทหารนาวิกโยธินอีกหนึ่งหมื่นนายคอยกำจัดศัตรูทั้งห้าแสนคน พวกเราใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย ในสนามรบมีทหารเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้าและอู๋ปิ้งจงไปตรียมตัวให้พร้อม จงไปแย่งเสบียงอาหารที่ฐานทัพของศัตรูมาให้ได้ พวกเรามีกำลังพลมากมายถึงเพียงนี้ ก็หวังเอาเสบียงของศัตรูนั่นแหละ มาคอยเลี้ยงปากท้องของพวกเรา”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
แม่ทัพทั้งสองเดินจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงฟู่เสี่ยวกวนคนเดียว จากนั้นก็ได้รับรายงานมาจากสายลับ จากรายงานที่ได้รับมาทำให้เขารู้สึกว่ากองทัพโมริยะมิได้เก่งกาจเยี่ยงที่เลื่องลือ
มิใช่เพราะเขาประเมินกองทัพโมริยะสูงเกินไป ทว่าเป็นเพราะตนประเมินกองทัพต้าเซี่ยต่ำเกินไปต่างหาก
กองทัพโมริยะมีอาวุธปืนที่สามารถข่มขวัญกองทัพต้าเซี่ยได้แล้วเยี่ยงไร ?
เพราะความมุ่งมั่นในการรบของทหาร รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างก็มิสามารถเทียบเคียงกับต้าเซี่ยได้
กองทัพต้าเซี่ยผ่านศึกมานับร้อย ทำให้สามารถคุมสนามรบได้ดีกว่ากองทัพโมริยะที่อยู่อย่างสงบสุขมานานหลายปี
อโศลาผู้ที่มิมีความเข้าใจกองทัพต้าเซี่ยเลยแม้แต่น้อย เขาได้ทำความผิดคราใหญ่ลงไป ซึ่งนั่นก็คือเขาประเมินความสามารถทางการรบอันแข็งแกร่งของกองทัพต้าเซี่ยต่ำจนเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระเบิด ต้าเซี่ยได้ฝังอาวุธอันร้ายแรงนั่นเต็มทางเดินเลียบแม่น้ำระหว่างหุบเขา !
เมื่อเขาได้รับรายงานจากสายลับที่ส่งมาถึงกระโจม เขาก็กระโดดโหยงขึ้นจากที่นั่งด้วยความตกตะลึงทันใด สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันพลัน
“ทหารกองกลางให้เตรียมป้องกัน คาดว่าข้าศึกจะฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีเข้ามา ! ”
“ให้กองทัพทั้งสามฝ่ายเตรียมถอยกลับฐานที่มั่น ! ข้าอยากจะประลองฝีมือกับพวกมันบนที่ราบสักตั้ง ! ”
สามชั่วยามหลังจากนั้น กองทัพโมริยะที่ส่งออกไปรบทั้งสิ้นสามแสนนายมีชีวิตรอดกลับมาเพียงแค่สองแสนกว่านายเท่านั้น
ทว่ากองทัพของตนมิได้สัมผัสแม้แต่ปลายขนของข้าศึก มิหนำซ้ำยังต้องสูญเสียกำลังพลมากถึงหนึ่งแสนนาย !
อโศลายังมิทันได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็เห็นทหารในชุดเกราะสีเงินบุกตามทหารฝั่งตนมาติด ๆ !
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมก็คือ…ข้าศึกหยุดฝีเท้าอยู่ที่ทางเข้าหุบเขา พวกมันมิได้บุกเข้ามาโจมตีในช่วงจังหวะที่กำลังชุลมุนวุ่นวาย
นี่พวกมันกำลังให้โอกาสตนได้จัดกองทัพเยี่ยงนั้นหรือ ?
หรือพวกมันต้องการที่จะทำสงครามขั้นเด็ดขาดกับตนบนที่ราบแห่งนี้ ?
“ท่านแม่ทัพ ท่าน…ท่านจงมองขึ้นไปบนท้องนภานั่นสิขอรับ ! ”