นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1189 ศึกบนที่ราบฮอลต์
ตอนที่ 1189 ศึกบนที่ราบฮอลต์
ครานี้กองทัพต้าเซี่ยเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ศึกษาแผนที่ของจักรวรรดิโมริยะอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ออกคำสั่งให้เฮ้อซานเตาทันใด คำสั่งที่ว่าก็คือให้กองทัพของเฮ้อซานเตานำเสบียงสำหรับสามวันติดกองทัพไปด้วย หากกองหน้าของเฮ้อซานเตามิได้ถูกโจมตี ห้ามหยุดพักที่เมืองใดเมืองหนึ่งเป็นอันขาด
ให้โจมตีเมืองหนึ่งเมืองทุก ๆ สามวัน เมื่อได้เสบียงจนพอใจแล้ว ค่อยเคลื่อนกองทัพต่อ
พฤติกรรมเช่นนี้ช่างประหลาดเสียจริง
เมื่อพระเจ้าอโศกได้อ่านรายงานที่ส่งมาเป็นระยะของสายสืบก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความฉงน
กองทัพต้าเซี่ยมิได้โจมตีเมืองคานเทียร์ เป้าหมายของพวกมันมิใช่เมืองปาฏลีบุตรหรอกหรือ ?
เหตุใดอยู่ ๆ พวกมันถึงได้เปลี่ยนทิศทางเล่า ทิศทางที่พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปนี่มัน… พระเจ้าอโศกเดินไปที่ผนังพลางเงยหน้ามองแผนที่ จากนั้นก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน !
กองทัพโมริยะ 500,000 นายซึ่งมีราสมันเป็นแม่ทัพกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองฮอลต์ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตก มีรายงานส่งกลับมาว่าราสมันจะเดินทางถึงแดนศึกในอีกห้าวันให้หลัง
ส่วนกองทัพของอเล็กซานเดอร์จะเดินทางไปถึงในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
กองทัพของราสมันมีเวลาเตรียมตัวเพียงสองวันเท่านั้น กลยุทธ์การรบแต่เดิมมิใช่การทำศึกเพื่อคุ้มกันเมือง ทว่าเป็นการทำศึกขั้นเด็ดขาดบนที่ราบฮอลต์ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองฮอลต์ !
กองทัพโมริยะจำต้องคว้าชัยชนะอย่างรวดเร็ว เช่นนี้พวกเขาถึงจะปลีกตัวกลับมาช่วยเมืองปาฏลีบุตรได้ทันการ
ทว่าในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทหารของต้าเซี่ยเปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองฮอลต์ !
พวกมันกล้าที่จะส่งสายลับมาแฝงตัวอยู่ในอาณาเขตของข้า !
พวกมันอยากกำจัดกองทัพโมริยะ 500,000 นายของข้าบนที่รอบฮอลต์ !
นี่มิอาจยอมได้เป็นอันขาด !
“ผู้ใดก็ได้มานี่หน่อย…”
“รีบไปแจ้งราสมันว่ากองทัพต้าเซี่ยกำลังบุกไปยังที่ราบฮอลต์ ให้เขานำทัพปักหลักป้องกันเมืองฮอลต์เอาไว้ แล้วข้าจะนำทัพใหม่ตามไป ! ”
……
……
ซันเจียอี้ที่ประจำอยู่เมืองคานเทียร์มิได้ไล่ตามข้าศึกไป
กองทัพต้าเซี่ยเดินทางไกลระยะพันลี้ได้ภายในมิกี่วัน พวกเขาเริ่มเข้าใกล้เมืองฮอลต์เข้าไปทุกที
ราตรีนั้นกองทัพต้าเซี่ยตั้งฐานทัพอยู่บนที่ราบแห่งหนึ่ง
จี้หยุนกุยถือรายงานสองสามฉบับรุดเข้าไปในกระโจมของฟู่เสี่ยวกวนด้วยความกลัดกลุ้มใจ
“มีรายงานด่วนพ่ะย่ะค่ะ กองทัพโมริยะ 500,000 นายได้ตั้งมั่นรักษาการณ์อยู่ที่เมืองฮอลต์ กองทัพ 400,000 นายของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์จะเคลื่อนทัพไปถึงที่ราบฮอลต์ในอีกสามวัน อีกอย่าง…พระเจ้าอโศกได้นำกองทัพ 300,000 นายมุ่งหน้าไปยังเมืองฮอลต์เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ฝ่าบาท หากรวมกองทัพของต้าเซี่ยแล้ว…ทหารที่จะประจัญหน้ากันบทที่ราบฮอลต์จะมีมากถึง 1,600,000 เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนรับรายงานไปอ่าน พลันรู้สึกว่าสนามรบนี้ใหญ่เกินไปแล้วจริง ๆ !
มีกองทัพโมริยะ 800,000 นาย กองทัพของอเล็กซานเดอร์ 400,000 นายและกองทัพฝ่ายตนอีก 400,000 นาย
ทั้งสามกองทัพจำต้องลงสนามรบเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างมิใช่พันธมิตรของกันและกัน ทุกฝ่ายล้วนเป็นศัตรูต่อกันทั้งสิ้น
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าแต่ละกองทัพจะต้องเตรียมรับมือการโจมตีจากอีกสองกองทัพที่เหลือ… กองทัพต้าเซี่ยมิได้นำปืนใหญ่มาด้วย ส่วนระเบิดยังมีเพียงพอ แม้ทหารอากาศจะใช้ระเบิดไปหลายลูกเมื่อสงครามที่เทือกเขาไทเออร์ แต่ก็ยังมีเพียงพอที่จะโจมตีทางอากาศอีกสักครา
ศึกครานี้จะรบเยี่ยงไร จะต้องสูญเสียกำลังพลเท่าใดเพื่อแลกกับชัยชนะที่จะได้มา ?
ทว่าแท้ที่จริงนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการมิเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสงครามบนที่ราบฮอลต์ต่างหาก ถ้าหากกองทัพของตนเคลื่อนทัพไปทางเหนือในตอนนี้… จักรพรรดิของจักรวรรดิโมริยะกรีธาทัพไปยังเมืองฮอลต์…เท่ากับว่าเขาได้ละทิ้งเมืองปาฏลีบุตรเอาไว้ด้านหลัง นี่เป็นโอกาสทองในการเข้าไปยึดครองเมืองหลวง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจึงสั่งให้หลิวจิ่นไปเรียกกวนเสี่ยวซีและมาทัพคนอื่น ๆ มาเข้าพบ
“เปลี่ยนแผนการรบ ! ”
กวนเสี่ยวซีและแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่เหลือชะงักงันขึ้นมาทันใด อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ แต่ฝ่าบาทกลับตรัสว่าให้เปลี่ยนแผนการรบเยี่ยงนั้นหรือ ?
“ฝ่าบาท…จะเปลี่ยนแผนการรบเยี่ยงไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“พวกเราจะมิไปรบ ณ ที่ราบฮอลต์แล้ว จงสั่งให้กองทัพถอนทัพ จากนั้นจงเคลื่อนทัพเข้าสู่เมืองปาฏลีบุตรทันที ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้อธิบายถึงสาเหตุ กวนเสี่ยวซีและคนอื่น ๆ ก็มิได้เอ่ยถามต่อเช่นกัน กองทัพทั้งสี่แสนนายได้เคลื่อนทัพกลับไปยังทิศเหนือภายใต้แสงของดวงดาราที่ส่องสว่างพร่างพราว
จากตรงนี้สามารถอ้อมเทือกเขากานโซย่าไปยังเมืองปาฎลีบุตรได้ โดยที่มิต้องเข้าไปที่เมืองคานเทียร์อีก
เฮ้อซานเตาได้รับจดหมายของฝ่าบาทจากหอเทียนจีในยามจื่อ เขาอ่านจดหมายแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาพลางถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นก็นำทหารนาวิกโยธิน 10,000 นายเคลื่อนทัพไปทางทิศเหนือ
กองทัพต้าเซี่ยเคลื่อนทัพอย่างเต็มกำลัง !
กองทัพของพระเจ้าอโศกเดินทางยังมิทันถึงครึ่งทางของที่ราบฮอลต์เสียด้วยซ้ำ เขาก็ได้ทราบข่าวที่ชวนตกตะลึงนี้ !
“ไอ้พวกต้าเซี่ย ! ข้าโดนพวกมันหลอกเข้าแล้ว จงถอนทัพ…”
“จงไปรายงานแม่ทัพราสมันว่า… เมื่อกำจัดกองทัพของอเล็กซานเดอร์จนสิ้นซากแล้ว ให้กลับไปช่วยเมืองปาฏลีบุตรโดยเร็วที่สุด ! ”
แต่ทว่า…เมืองฮอลต์ถูกกองทัพของอเล็กซานเดอร์ปิดล้อมก่อนที่คำสั่งของพระเจ้าอโศกจะส่งไปถึงเสียอีก
เสียงปืนดังสนั่นลั่นฟ้า เมืองฮอลต์สั่นสะเทือนด้วยอานุภาพของปืนใหญ่
กำแพงเมืองกว้างใหญ่ยืนหยัดต้านแรงปะทะของปืนใหญ่ได้หนึ่งวันเต็ม จากนั้นก็พังถล่มลงในรุ่งเช้าของวันถัดไป
ราสมันนำกองทัพโมริยะ 500,000 นายบุกออกมานอกกำแพงเมือง จากนั้นศึกบนที่ราบฮอลต์ก็ได้ปะทุขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ
ศึกครานี้ทั้งสองฝ่ายมีฝีมือสูสีกัน
อเล็กซานเดอร์มีกำลังพลน้อยกว่าราสมัน 100,000 นาย ทว่าเขาได้เปรียบตรงที่มีปืนใหญ่ ราสมันยึดมั่นต่อสู้อยู่นอกกำแพงเมืองด้วยความแน่วแน่ เขามีเสบียงคอยหนุนอยู่ในเมืองฮอลต์ ถ้าหากเขายืนหยัดต่อสู้ตามกลยุทธ์การรบในครานี้ กองทัพของอเล็กซานเดอร์ย่อมทำอันใดเขามิได้
แต่ทว่า…
เมื่อจดหมายของพระเจ้าอโศกได้ส่งมาถึงมือของเขา
กองทัพต้าเซี่ยเปลี่ยนแผนมุ่งหน้าไปทางเมืองปาฎลีบุตร !
ถ้าหากกองทัพต้าเซี่ยยึดครองเมืองปาฎลีบุตรได้ กองทัพทหารใหม่ขององค์จักรพรรดิหรือต่อให้เข้าร่วมกับกองทัพทหารใหม่อีก 1,000,000 ของซินเจียอี้ก็คงมิอาจต้านทานแสงยานุภาพของกองทัพต้าเซี่ยได้อยู่ดี !
เพราะทหารใหม่เยี่ยงไรก็เป็นทหารใหม่อยู่วันยังค่ำ ความสามารถในการรบของพวกเขายังห่างไกลจากทหารฝีมือดีอยู่มากโข
จะทำเยี่ยงไรดี ?
ณ สำนักงานป้องกันเมืองประจำเมืองฮอลต์ ราสมันออกคำสั่งให้แก่นายพลที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา
จงเข้าจู่โจมฐานทัพของอเล็กซานเดอร์อย่างกะทันหันในราตรีนี้ จำต้องกำจัดศัตรูให้ราบคาบในศึกครานี้ ! หลังจากนั้นให้เดินทางกลับไปยังเมืองปาฏลีบุตรเพื่อทำศึกชี้ขาดกับกองทัพต้าเซี่ย !
ศึกบนที่ราบฮอลต์ที่ควรจะคุมเชิงกันนานกว่านี้กลับเดือดพล่านขึ้นมาในราตรีนี้ กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ที่ผ่านศึกมาร้อยพันก็มิเคยพบกองทัพที่สู้ยิบตาถึงเพียงนี้เช่นกัน !
ในเวลานั้นเองที่เขาได้แสดงความสามารถในการควบคุมกองทัพออกมา โดยอาศัยปืนใหญ่กำลังปะทุดังกึกก้องอยู่นั่นเอง ทหารของเขาถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่าย โดยให้สองในสามฝ่ายไปจัดการกับศัตรู ส่วนอีกหนึ่งฝ่ายให้ทะลุออกไปนอกสนามรบ แล้วบุกเข้าโจมตีเมืองฮอลต์อย่างฉับพลัน
ราสมันใช้กำลังทหารทั้งหมดที่มีในการปะทะครานี้ ทำให้ภายในเมืองฮอลต์ว่างเปล่าไร้ซึ่งการคุ้มกัน
ทหารองค์รักษ์พันกว่านายของเขามิอาจต้านทานแรงโจมตีของทหารมาซิโดเนีย 20,000 นายได้ ราสมันจึงถูกตัดศีรษะในท้ายที่สุด
ทหารมาซิโดเนียนำศีรษะของราสมันแขวนไว้ที่กำแพงเมือง จากนั้นก็จุดคบเพลิงเผา เมื่อกองทัพโมริยะทราบถึงข่าวร้ายนี้ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันที
กองทัพโมริยะได้ปราชัยให้แก่กองทัพของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ในเช้าวันรุ่งขึ้น !
ศึกบนที่ราบฮอลต์สิ้นสุดลงภายในหนึ่งวันเท่านั้น
ที่ราบฮอลต์อันกว้างใหญ่ไพศาลยังคงอบอวลไปได้ด้วยควันไฟของสงคราม มีซากศพเลื่อนกลาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า !
กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ยืนมองภาพเหตุการณ์อยู่บนที่ราบฮอลต์เนิ่นนาน จนกระทั่งสุริยาโพล่พ้นขอบฟ้าก็ยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้น
นี่เป็นศึกที่น่าเวทนาที่สุดตั้งแต่เขาเดินทัพพิชิตแดนไกล จนถึงตอนนี้เขาก็ยังมิเข้าใจว่าเหตุใดศัตรูถึงกระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับตนมากถึงเพียงนี้ เพราะเยี่ยงไรเสียพวกเขาก็ยังมีกองหนุน !
ถ้าหากแม่ทัพฉลาดกว่านี้สักหน่อย เห็นทีตนคงต้องถอยทัพสถานเดียว !
พวกเขาควรตามไล่ล่ากองทัพฝ่ายตน แล้วค่อย ๆ เขมือบทหารฝั่งตนไปทีละส่วน
เขาพยายามนึกถึงกลยุทธ์ทางการรบ เรื่องการบุกรุกควรให้ฝ่ายตนลงมือกระทำเสียมากกว่า นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?