นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1194 เมื่อโอรสเเห่งสวรรค์ทรงกริ้ว
ตอนที่ 1194 เมื่อโอรสเเห่งสวรรค์ทรงกริ้ว
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือนอีกครา
องค์ชายอามีลที่ถูกปิดล้อมเอาไว้ในพระราชวังตาเเดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนทั้งคืน
เหล่าขุนนางมารอตั้งเเต่รุ่งสางในท้องพระโรงอันโอ่อ่า เหตุเพราะการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิเมื่อวานนี้ ก่อนหน้านี้พระองค์ทรงแต่งตั้งองค์ชายอามีลเป็นรัชทายาท เช่นนั้นก็หมายความว่าองค์ชายอามีลจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
บัดนี้ถึงเวลาที่ต้องสนับสนุนจักรพรรดิพระองค์ใหม่ให้ขึ้นครองบัลลังก์ เพราะเมืองปาฎลีบุตรถูกต้าเซี่ยตีจนแตกพ่ายเเล้ว
อามีลยืนอยู่บนแท่นสูงภายในท้องพระโรง ตนเฝ้ารอคอยวันนี้มาโดยตลอด เคยปรารถนาที่จะขึ้นมายืนอยู่บนนี้เร็ว ๆ
บัดนี้ตนได้มายืนอยู่บนนี้สมใจหวังเเล้ว ทว่าในใจกลับรู้สึกกลัวเสียเหลือเกิน
กองทัพต้าเซี่ยล้อมพระราชวังเอาไว้ ทว่ามิได้โจมตีแต่อย่างใด พระราชวังขาดการติดต่อกับผู้คนภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะปลุกระดมให้ราษฎรลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าศึก
“ข้ามีชีวิตมิต่างจากเดรัจฉาน”
“พวกเจ้าจงบอกข้ามาสิว่าจะทะลายการปิดล้อมนี้ได้เยี่ยงไร ? ”
มิมีผู้ใดสามารถตอบได้ เพราะมิมีหนทางที่จะฝ่าวงล้อมจากด้านในออกไปได้เลย ความหวังเดียวที่มีในตอนนี้ก็คือรอให้กองทัพของซันเจียอี้บุกตีการปิดล้อมนี้จากด้านนอก
ทว่าบัดนี้ซันเจียอี้อยู่ที่ใดแล้วกัน ?
จากรายงานที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ คาดว่ากองทัพของซันเจียอี้จะเดินทางมาถึงยามย่ำรุ่งของวันนี้
ทว่าบัดนี้ก็ย่ำรุ่งเเล้ว เขามาถึงเเล้วหรือยังนะ ?
……
……
ซันเจียอี้ได้เดินทางมาถึงเเล้ว
กองทัพที่มีกำลังพลมากถึง 1,000,000 นายเคลื่อนทัพเข้ามาราวกับผ้าสีดำผืนใหญ่แผ่ปกคลุมจากเส้นขอบฟ้ามาถึงกำเเพงเมือง
เขาจ้องมองกำเเพงเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เขาได้ทราบข่าวจากสายลับว่าเมืองนี้ถูกข้าศึกยึดได้สำเร็จแล้ว ทหารที่ประจำการอยู่บนกำเเพงเมืองล้วนเป็นทหารต้าเซี่ย ทำให้กองทัพของเขากลายเป็นฝ่ายเข้าโอบล้อมเมือง
เขามิได้นำยุทโธปกรณ์สำหรับโอมล้อมเมืองมาด้วย เพราะเขามิคาดคิดมาก่อนว่าเมืองปาฎลีบุตรจะถูกยึดครองจากข้าศึก
เขายังมิรู้ด้วยซ้ำว่าบัดนี้องค์จักรพรรดิได้สิ้นพระชนม์แล้ว เขาจำเป็นต้องโจมตีเข้าไปเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิที่ติดอยู่ในนั้น !
“บุก… ! ”
กองทัพเคลื่อนพลเข้ามาประชิดกำเเพงเมือง
เฉินป๋อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างไร้วิญญาณของเฮ้อซานเตาได้หันไปสั่งการกับทหารภายใต้บังคับบัญชาว่า “ฆ่าล้างบางพวกมันให้หมด ! ”
เสียงปืนปะทุดังสนั่นขึ้นมาอีกครา ทหารต้าเซี่ยที่ประจำการอยู่บนกำเเพงเมือง 60,000 นายระดมยิงลงมาจากที่สูง ท้องนภายามรุ่งอรุณถูกย้อมด้วยสีเเดงฉาน ผ้าสีดำผืนใหญ่ค่อย ๆ เว้าแหว่งไปทีละส่วนทีละส่วน
ทว่ากำลังพล 1,000,000 นายถือว่ามากมายมหาศาล
เวลาผ่านไป 1 ก้านธูป เฉินป๋อยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาสำรวจสนามรบ เขาเห็นลำเเสงสีเงินส่องแวววับบริเวณเส้นขอบฟ้า
เหตุใดฝ่าบาทถึงเสด็จมาถึงก่อนกำหนดเล่า ?
ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางข้ามวันข้ามคืน และบัดนี้เขาได้นำกองทัพทหาร 300,000 นายมาถึงเเล้ว !
เขายกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาสำรวจสนามรบและเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที เขาจึงหันไปออกคำสั่งกับกวนเสี่ยวซีว่า “ส่งกองทัพอากาศทั้งหมดออกไปทิ้งระเบิดใส่พวกมันเสีย ! ”
บอลลูนไฟลอยขึ้นไปบนท้องนภา บัดนี้พวกเขาลอยอยู่เหนือกองทัพของซันเจียอี้ ระเบิดลูกแล้วลูกเล่าถูกทิ้งลงสู่พื้นธรณี เสียงดังกึกก้องจนกองทัพศัตรูงุนงง
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา ครานี้ถึงได้เห็นสิ่งของบางอย่างกำลังร่วงลงมาจากฟากฟ้า
ทหารทั้งหนึ่งล้านนายนี้ล้วนเป็นทหารใหม่ บัดนี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งนัก จึงวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง
มิว่าซันเจียอี้จะเเผดเสียงคำรามเยี่ยงไร มิว่าทหารเก่าจะตัดศีรษะทหารใหม่เพื่อสั่งสอนก็มิเป็นผล
ฟู่เสี่ยวกวนวางกล้องส่องทางไกลลง จากนั้นก็หันไปสั่งการกับเว่ยอู๋ปิ้งว่า “กำจัดพวกมันให้สิ้นซาก ! ”
สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปทันพลัน ทหารต้าเซี่ยจำนวน 200,000 นายไล่ล่าสังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่ง การสังหารครานี้กินเวลาไป 1 ชั่วยาม
ซันเจียอี้สิ้นใจกลางสนามรบ ทหาร 1,000,000 นายหนีตายไปได้ทั้งสิ้นสองเเสนกว่านาย
ซากศพนอนเกลื่อนกลาดบนสนามรบ
ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับขมวดคิ้วมุ่น เพราะตลอด 1 ชั่วยามที่ผ่านมา
เขาเห็นเฉินป๋อ เห็นนายพลและทหารภายใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเฉินป๋อ ทว่าเขามิเห็นวี่แววของเฮ้อซานเตาและถังเชียนจวินเลยสักนิด
กำเเพงเมืองถูกระเบิดเป็นรูโหว่ เขาเคลื่อนทัพเข้าสู่เมืองหลวงของศัตรู
เมื่อมิเห็นความยินดีปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเฉินป๋อ เขาก็พลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในใจทันที
เขาเดินตามเฉินป๋อขึ้นไปบนกำเเพงเมือง เห็นซากศพทหารฝั่งตนกองพะเนิน
เขาจึงกำหมัดด้วยความโกรธแค้นทันที จากนั้นก็ชันเข่าลงไปโอบบ่าของเฮ้อซานเตาเอาไว้ เขาโอบร่างไร้วิญญาณเอาไว้อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
กวนเสี่ยวซี เฝิงซี เเละเว่ยอู๋ปิ้งที่ยืนอยู่บนกำเเพงเมืองต่างก็น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม
เจ้าบ้านั่นจากพวกเราไปเเล้ว !
เหตุใดเจ้าถึงด่วนจากไปเช่นนี้เล่า ?
รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะเเล้วมิใช่หรือว่าเมื่อปลดประจำการแล้วจะไปอยู่ด้วยกัน ยามว่างก็ออกไปล่าสัตว์ ดื่มสุรา ไปทำนาด้วยกัน !
เมียเจ้ายังคงรอเจ้ากลับไปมีลูกด้วยกันอีก 2 คน !
เจ้าเอ่ยเองมิใช่หรือว่าแม้จะทำศึกก็ต้องรักษาชีวิตให้ดีที่สุด !
เจ้าเอ่ยเองมิใช่หรือว่าถ้าหากเมียเจ้าแต่งงานใหม่ สามีใหม่ของนางจะใช้เงินที่เจ้าหามาทั้งชีวิตจนหมด เผลอ ๆ อาจจะตบตีลูกของเจ้าเพื่อระบายอารมณ์ เจ้าลืมทุกอย่างที่เจ้าเคยเอ่ยไว้ทั้งหมดเเล้วหรือ ? !
พวกเขาถอดหมวกเกราะออก จากนั้นทหารทุกนายก็ถอดหมวกเกราะออก
ฟู่เสี่ยวกวนหลับตาลงช้า ๆ ผ่านไปชั่วครู่ถึงจะลืมตาขึ้นมา ครานี้เขาถึงยอมรับได้ว่านายน้อยเศรษฐีที่ดินเเห่งหลินจื๋อ ได้ตายจากไปเเล้วจริง ๆ
เขายืนขึ้นเเล้วรู้สึกว่าร่างกายแทบมิเหลือเรี่ยวแรง
เขาหันไปมองซากศพกองพะเนิน ศพของทหารต้าเซี่ยถูกเก็บรวบรวมไว้หมดเเล้ว ที่ยังคงนอนเกลื่อนพื้นล้วนเป็นซากศพของฝ่ายศัตรู
ในบรรดาซากศพเหล่านั้นบ้างเป็นทหารชุดเต็มยศ ทว่าที่มากกว่าก็คือปุถุชน
เป็นพวกมันที่สังหารนายทหารที่ข้าโปรดปราน !
พวกเจ้าจงตายเสียให้หมด !
เมื่อโอรสเเห่งสวรรค์ทรงกริ้ว ท้องนภาก็พลันวิปริตทันใด !
“เจิ้นขอออกคำสั่งให้พวกเจ้าสังหารคนทั้งเมืองนี้เสีย… ! ! ! ”
“ฆ่าล้างบางพวกมันเสียให้หมด เจิ้นอยากให้พวกมันตกตายไปพร้อมกับเฮ้อซานเตา ถังเจียนชวินและทหารนาวิกโยธินทั้งหนึ่งหมื่นนาย ! ”
มิมีผู้ใดเคยเห็นฟูเสี่ยวกวนเดือดดาลเช่นนี้มาก่อน !
เขาแผดเสียงคำรามดังลั่นซึ่งกลั่นมาจากความปรารถนาลึก ๆ ในใจ และเขาเเทนตนเองว่าเจิ้น !
กวนเสี่ยวซีหันไปสั่งการทหารภายใต้บังคับบัญชาของตน “สังหารหมู่…ฆ่าล้างบางพวกมันให้เกลี้ยง ให้พวกมันตกตายไปพร้อมกับเเม่ทัพเฮ้อ ! ”
ทหารทั้งสี่แสนนายกระจายไปทั่วตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ภายในเมืองอย่างบ้าคลั่ง
ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังอื้ออึง ฟู่เสี่ยวกวนนำกวนเสี่ยวซีและเเม่ทัพคนอื่น ๆ เหยียบย่ำโลหิตที่เจิ่งนองไปยังพระราชวัง
“เข้าไป…จงสังหารพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือ ! ”
รายงานของสงครามนอกกำเเพงเมืองถูกส่งเข้ามาในท้องพระโรงสักพักใหญ่ ๆ เเล้ว อามีลนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่เขาปรารถนาจะครอบครองมานานแสนนาน
เขากระโดดพรวดขึ้นมาจากบัลลังก์อย่างกะทันหัน “ข้ายอมแพ้… ข้าต้องการยอมแพ้ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนที่ยืนอยู่นอกท้องพระโรงรับปืนมาจากมือของกวนเสี่ยวซี เขายกปืนขึ้นเล็ง “ปัง… ! ”เสียงปืนดังก้องจนเสนาบดีผวาตกใจ อามีลถูกยิงที่ระหว่างคิ้ว ร่างของเขาร่วงลงพื้นและสิ้นใจทันใด
เสนาบดีทั้งหลายต่างคุกเข่าลงเพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาจากชาวต้าเซี่ย เพราะในเมื่อจักรวรรดิล่มสลายเเล้ว ชาวต้าเซี่ยก็ต้องยื่นมือเข้ามาบริหารต่อ
ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมีเพียงเเค่กระสุนปืนและความโกรธแค้น
ฟู่เสี่ยวกวนรับศพของเฮ้อซานเตามาจากมือของเฉินป๋อ เขามิแม้แต่จะชายตาไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงเลยด้วยซ้ำ เขาเพียงหันหลังเเล้วเดินจากไป
“ฆ่าทุกคนในวังหลังให้หมดอย่าให้เหลือ ! ”
มิมีความโกรธแค้นในน้ำเสียงของเขาอีกต่อไป มีเพียงความเย็นชา ไร้ความรู้สึกเท่านั้น
“ซานเตา ข้าส่งผู้คนมากมายไปตายเป็นเพื่อนเจ้าเเล้ว…แท้ที่จริงข้าหวังให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่มากกว่า พวกเราตกลงกันเเล้วมิใช่หรือว่าเมื่อปลดเกษียณ พวกเราจะไปเป็นเศรษฐีที่ดินด้วยกัน”