นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1209 บทเรียน
ตอนที่ 1209 บทเรียน
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด
ทุกวันนี้จ่งตูประจำเขตปกครองตนเองซีเซี่ยยังคงเป็นท่าป๋าหวังอดีตจักรพรรดิซีเซี่ย
ท่าป๋าหวังผู้นั้นเป็นคนที่ใช้ได้ ในปีนั้นที่เมืองกวนหยุน เขายอมเชื่อฟังคำโน้มน้าวของท่าป๋าหยูแล้วเข้าสวามิภักดิ์ต่อต้าเซี่ยก่อนประเทศอื่น ฟู่เสี่ยวกวนได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ตระกูลท่าป๋าเป็นผู้ปกครองของเขตปกครองตนเองซีเซี่ยต่อไป
ระเบียบของเขตปกครองตนเอง มิว่าจะเป็นเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนหรือเขตปกครองตนเองซีเซี่ยต่างก็ขึ้นตรงต่อราชสำนักส่วนกลาง จ่งตูทั้งสองเขตปกครองตนเองมีอำนาจในการปกครอง ทั้งยังมีสิทธิ์ในการออกนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละท้องที่อีกด้วย
ช่วงหลายปีมานี้ทั้งสองเขตปกครองตนเองพัฒนาได้ในระดับพอใช้ แม้ในภาพรวมจะยังล้าหลังกว่าหลาย ๆ เต้าในต้าเซี่ย ทว่าเยี่ยงไรเสียเขตปกครองตนเองก็มีระบบพื้นฐานที่มิดีและมีประชากรน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนพัฒนาได้ในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะสถานที่แห่งนั้นฟู่เสี่ยวกวนเคยวางรากฐานให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่มาก่อน
ส่วนเขตปกครองตนเองซีเซี่ยนั้นยังคงล้าสมัยมากนัก เพราะพวกเขาถูกราชวงศ์เหลียวโจมตีจนสิ้นเนื้อประดาตัว หากมิเป็นเพราะอับจนหนทางอย่างแท้จริง พวกท่าป๋าหวังคงมิยอมโอนอ่อนสวามิภักดิ์อย่างง่ายดายเช่นนี้
สองปีให้หลังมานี้เส้นทางสายไหมภาคพื้นทะลุผ่านกันทั้งหมด เขตปกครองตนเองซีเซี่ยได้เข้าสู่ยุคสมัยรุ่งเรืองอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าเขตปกครองตนเองซีเซี่ยจะพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก เพราะถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างเอเชียและยุเรเซียจะถูกเชื่อมเข้าหากัน ถนนสายนั้นจะค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอย่างแน่นอน
อีกมิกี่ปีข้างหน้าเมื่อรถไฟถูกสร้างจนแล้วเสร็จ ก็จะถึงเวลาที่เขตปกครองตนเองซีเซี่ยผงาดขึ้นมา ในงานประชุมราชสำนักที่เพิ่งผ่านไปมินาน เขาได้มีโอกาสสนทนากับท่าป๋าหวังเป็นการส่วนตัว เขาหวังว่าท่าป๋าหวังจะคว้าโอกาสเอาไว้แล้วยกระดับราษฎรชาวซีเซี่ยให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
ท่าป๋าหวังกลับไปเเล้วหรือว่าเขาสั่งให้ลูกชายมาประจำอยู่ที่เมืองฉางอันกัน ?
ที่สำคัญคือท่าป๋าหวังมิใช่คนโง่เขลาแต่อย่างใด ทว่าเหตุใดเขาถึงให้กำเนิดบุตรชายที่มิมีหัวสมองได้กันนะ ?
บุตรชายของเขายามที่อยู่ในเขตปกครองตนเองซีเซี่ยก็คงโอหังอวดดีมิน้อยสินะ
ในเมื่อเจ้าสั่งสอนบุตรชายมิดี เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนเอง
ชายร่างกำยำเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าหนิงซือเหยียน พวกเขาจ้องหนิงซือเหยียนตาเขม็งพร้อมแผดเสียงขู่คำราม ชายสองคนด้านหน้าสุดได้พุ่งกำปั้นใหญ่เข้ามาเบื้องหน้าของหนิงซือเหยียน
หนิงซือเหยียนยิ้มเยาะพลางส่ายศีรษะเบา ๆ
“ปัง ๆ ๆ ๆ…”
คู่กรณีทั้งสองคนล้มลง ส่วนอีกสี่คนที่เหลือยังมิทันได้เข้าร่วมวงเลยด้วยซ้ำ พวกเขากลับถูกหมัดและฝ่าเท้าของหนิงซือเหยียนเตะจนปลิวไปคนละทิศละทาง
บ้างก็ปลิวไปชนโต๊ะ บ้างก็ลอยไปทางหน้าต่างแล้วร่วงลงไปข้างล่าง บ้างก็กระเด็นไปโดนลูกค้าที่นั่งตรงโต๊ะข้าง ๆ ลูกค้าเหล่านั้นตื่นตกใจจนร้องเสียงหลงพร้อมกับแตกฮือ
ชายหนุ่มร่างกำยำที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหัวโต๊ะลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าหนิงซือเหยียน “เจ้าเป็นใครกัน ? ”
หนิงซือเหยียนมิตอบ เขาหันไปจ้องมองผู้คนเหล่านั้นที่ตื่นตกใจจนทำอันใดมิถูก
ในฐานะองค์รักษ์ของฟู่เสี่ยวกวน เขาเคยเห็นหน้าค่าตาคนพวกนี้มาบ้าง
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนหนุ่ม ในกลุ่มของพวกเขาอายุมากสุดน่าจะมิเกิน 20 ปี
พวกเขามิใช่ชาวต้าเซี่ย ทว่าเป็นบรรดาลูกหลานหรือองค์ชายของประเทศที่สวามิภักดิ์ต่อต้าเซี่ยซึ่งได้แก่ เกาหลี บรูไน แคว้นโหลวหลาน แคว้นเย่หลางและสยามเป็นต้น
เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้มารวมตัวกันที่นี่เล่า ?
การที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่มิใช่เรื่องแปลกอันใด ที่เเปลกก็คือเหตุใดพวกเขาถึงมารวมตัวกับบุตรชายของจ่งตูแห่งเขตปกครองตนเองซีเซี่ยมากกว่า
หรือว่าท่าป๋าหวังคิดจะตั้งตนเป็นปรปักษ์กัน ?
เขาหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้น เพราะว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปมิได้เลยด้วยซ้ำ
เขตปกครองตนเองซีเซี่ยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพบกที่หนึ่ง เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนที่อยู่ติดกันนั้นเป็นฐานที่มั่นของกองทัพบกที่สอง ส่วนหยวนเป่ยเต้าที่อยู่ติดกันทางเหนือเป็นฐานที่มั่นของกองทัพบกที่สาม
ในขณะที่หนิงซือเหยียนกำลังระแวงสงสัยอยู่นั่นเอง ท่าป๋าฉางฮวนที่เพิ่งขายหน้าไปสด ๆ ร้อน ๆ หลงคิดว่าอีกฝ่ายยำเกรงพวกตน เขาจึงต้องการจะกู้ศักดิ์ศรีของตนกลับคืนมาต่อหน้าองค์ชายและรัชทายาทจากต่างแดนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงควักปืนขึ้นมาจากกระเป๋าหน้าอก !
ปืนนี้มีขนาดสั้นกว่าปืนเหมาเซอร์ ทว่าในเมื่อมันคือปืน เยี่ยงไรมันก็พลังเพียงพอที่จะคร่าชีวิตของหนิงซือเหยียนได้
“หากเจ้าตกตายไปก็อย่าได้มากล่าวโทษข้าเลย ! ”
ชั่วอึดใจที่เขาเตรียมจะลั่นไกปืน หนิงซือเหยียนก็ขยับกายหลบได้ทันท่วงที
เขาก้าวขึ้นเหยียบบนโต๊ะ “ชริ้ง ! ” เสียงดาบดังสนั่น โต๊ะอาหารถูกฟันจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อาหารและสุราที่วางเรียงรายพลิกคว่ำกระจัดกระจาย เหล่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ลุกพรวดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เท้าของหนิงซือเหยียนเตะเข้าที่ข้อมือของท่าป๋าฉางฮวนจนเกิดเสียงดัง “ปัง… ! ”
ปลายกระบอกปืนชี้ขึ้น กระสุนยิงฝังอยู่บนเพดาน
หนิงซือเหยียนพุ่งหมัดออกไป
ในขณะที่ท่าป๋าฉางฮวนกำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่นั่นเอง อยู่ ๆ หมัดของหนิงซือเหยียนก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น “ปัง… ! ” เขาถูกหมัดของหนิงซือเหยียนอัดจนร่างของเขาปลิวไปชนเข้ากับกำแพง
หนิงซือเหยียนก้าวออกไปหนึ่งก้าว พลางง้างขาเตะมือข้างซ้ายของคู่กรณี “ฉึก ! ” เอ็นข้อมือของท่าป๋าฉางฮวนขาดสะบั้น
“อ๊า… ! ” เขาร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง ปืนกระบอกนั้นร่วงหล่นลงสู่พื้น
ครานี้ฟู่เสี่ยวกวนจึงเผยโฉมออกมา
พวกฮั่วหวยจิ่นที่อยู่ชั้นบน เมื่อได้ยินเสียงปืนจึงพากันกรูลงมาที่ชั้นสอง
ฟู่เสี่ยวกวนยืนขมวดคิ้วจ้องคนหนุ่มเหล่านั้นอยู่หน้าประตูห้อง
ในบรรดาชายหนุ่มเหล่านั้นมีบางคนที่ได้ติดตามบิดาของพวกเขาไปร่วมงานประชุมราชสำนัก เมื่อเห็นเข้ากับฟู่เสี่ยวกวน พวกเขาก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันใด “จักร…จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ! ”
เมื่อท่าป๋าฉางฮวนได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเสียจนต้องเบิกตาโพลง !
บัดซบ ! เพียงแค่มาลิ้มรสอาหารที่หอซื่อฟางก็มีโอกาสได้พบกับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแล้วหรือ ?
ช่างบังเอิญเสียจริง เขาล้มตัวลงคุกเข่าพลางน้ำตาไหลพรากทันใด “ฝ่าบาท… ฝ่าบาท…กระหม่อมเป็นบุตรชายคนที่หกของท่าป๋าหวังพ่ะย่ะค่ะ เขา…”
ท่าป๋าฉางหวนชี้นิ้วไปทางหนิงซือเหยียน “เขาต่อยกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดูเถิด เขาเตะข้อมือของกระหม่อมจนแหลกละเอียด กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทประทานความยุติธรรมให้แก่กระหม่อมด้วยเถิด”
ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้น ในตอนนั้นเองที่พวกของฮั่วหวยจิ่นวิ่งมาถึง
พวกเขาตื่นตกใจเสียจนขวัญเสีย โชคดีที่ฝ่าบาททรงปลอดภัยดี มิเช่นนั้นก็มิรู้ว่าจะวุ่นวายถึงเพียงใด
“พวกเจ้าเป็นแขกของต้าเซี่ย ต้าเซี่ยยินดีต้อนรับพวกเจ้า ทว่าหากพวกเจ้าบังอาจก่อความผิดขึ้นมาบนผืนปฐพีต้าเซี่ย…กฎหมายของต้าเซี่ยจะทวีความรุนแรงต่อชาวต่างชาติมากขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ! ”
“พวกเจ้าจงไปเถิด อย่าให้เจิ้นเห็นว่ามีคราต่อไปอีก ! ”
ชายหนุ่มทั้งหลายรีบกุลีกุจอจากไป ในห้องส่วนตัวจึงเหลือเพียงท่าป๋าฉางฮวนและบรรดาลูกสมุนของเขา
“เจ้าลองเอ่ยมาสิว่าจะให้ข้ามอบความยุติธรรมให้เยี่ยงไร ? ”
ท่าป๋าฉางฮวนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองหนิงซือเหยียนอย่างโกรธเคืองแล้วทูลต่อว่า “กระหม่อมใคร่ขอให้ฝ่าบาททรงบั่นศีรษะคนโฉดชั่วผู้นั่นพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ถ้าหากข้ามิทำเช่นนั้นเล่า ? ”
ท่าป๋าหวังผงะตกใจ เขาคาดมิถึงว่าฝ่าบาทจะตอบเช่นนี้ ถ้าหากเขามิทำ…แล้วข้าจะทำอันใดได้ ?
เขาก้มศีรษะลง สายตาเผยความอาฆาตแค้นออกมา “ถ้าหากฝ่าบาทมิทรงประทานความยุติธรรมให้แก่กระหม่อม กระหม่อมก็ทำได้เพียงแค่กลับไปเยี่ยงคนเศร้าหมองเช่นนี้”
เขายืนขึ้นแล้วทำท่าจะเดินจากไป ทว่าฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยดักไว้เสียก่อน “เจิ้นอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ ? ”
“…เช่นนั้นฝ่าบาทก็ประหารกระหม่อมเสียเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“เจ้าคิดว่าเจิ้นมิกล้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฝ่าบาททรงกล้าอยู่เเล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทลงมือสังหารชาวโมริยะนับล้านคน แน่นอนว่าฝ่าบาทมิจำเป็นต้องสนพระทัยชีวิตที่ไร้ค่าของกระหม่อม”
ฟู่เสี่ยวกวนเอามือไพล่หลัง สองตาของเขาสำรวจท่าป๋าฉางฮวน หลังจากนั้นก็หันไปสั่งการฮั่วหวยจิ่น “คนผู้นี้ครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมาย มีเจตนาจะฆ่าผู้อื่น ! ”
“จับมันมัดแล้วนำไปขังคุกใหญ่ของกรมราชทัณฑ์ เมื่อทางกรมราชทัณฑ์สืบสวนเสร็จแล้ว ให้จัดการตามกฎหมายของต้าเซี่ย ! ”
ท่าป๋าฉางฮวนตื่นตกใจจนสติหลุดทันใด “ฝ่าบาท ฝ่าบาท…”
“ทุกคนจงปฏิบัติตามคำสั่ง ! ”
ฮั่วหวยจิ่นโบกมือเป็นสัญญาณ ทหารรักษาการณ์จึงเข้าจับตัวท่าป๋าฉางฮวนและลูกสมุนที่กลัวจนมือไม้อ่อนไป
“ฝ่าบาท…ข้าคือบุตรชายคนโปรดของท่าป๋าหวังนะพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ดูสิ ! แอบมาเงียบ ๆ ก็ดันเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” เยี่ยนซีเหวินส่ายศีรษะพลางหัวเราะออกมา
“นั่นเป็นเพราะข้าหาพวกเจ้ามิเจอเยี่ยงไรเล่า ข้าเข้าห้องผิดจนมีเรื่องกับพวกมิรู้จักที่ต่ำที่สูงนี่เข้าจนได้ ไป ๆ ๆ ไปดื่มสุรากันเถิด ! ”