นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1216 โชคชะตา
ตอนที่ 1216 โชคชะตา
ยามอาทิตย์อัสดง ผู้คนยังคงใช้ชีวิตตามปกติสุข
โคมไฟในตรอกปู๋เย้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครา ถานหงเย่นางโลมจากกั๋วเซ่อเทียนเซียงเพิ่งตื่นจากการหลับใหล นางลุกขึ้นมานั่งพลางบิดสะโพกอย่างเกียจคร้านอยู่หน้ากระจกแต่งหน้า นางมองแสงไฟด้านนอกพลางนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง
นางเดินทางมาจากเมืองจินหลิง นางเพิ่งมาถึงเมืองฉางอันเมื่อสามเดือนก่อน ในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่สามเดือนกิจการที่กั๋วเซ่อเทียนเซียงนับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นหนึ่งในสามหอนางโลมที่โด่งดังที่สุดในตรอกปู๋เย้
ลูกค้าที่นี่ใจกว้างกว่าลูกค้าที่เมืองจินหลิงมากโข และดูเหมือนว่า…เหมือนว่าจะพิถีพิถันมากกว่าชาวหลินเจียงด้วยสิ
ส่วนมากพวกเขาจะเข้ามาดื่มสุราฟังเสียงบรรเลงดนตรีแล้วสนทนาเรื่องธุรกิจกันมากกว่า พวกเขามักสนทนาเรื่องธุรกิจทุกแห่งหนตั้งแต่เหนือจรดใต้มิจบสิ้น
ราวกับว่าพวกเขาได้นำสถานที่ให้ความรื่นรมย์ทางเพศมาเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความคิดทางธุรกิจ พวกเขาดูสนอกสนใจเรื่องการค้าขายมากกว่าสนใจนางคณิกาที่ร้องรำทำเพลงอยู่เบื้องหน้าเสียอีก
ถานหงเย่ชื่นชอบบรรยากาศเช่นนี้เพราะลูกค้าเหล่านี้ดูมีอารยะมากยิ่งนัก ชีวิตของหญิงสาวนางโลมจึงดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก
สาวใช้เซวี๋ยเอ๋อร์ถือกล่องเครื่องสำอางเดินเข้ามา นางเห็นหญิงสาวนั่งเหม่อลอยอยู่หน้ากระจกจึงเอ่ยหยอกเย้าว่า “ไอหยา…คุณหนูกำลังคิดถึงคุณชายชิวจากมหาวิทยาลัยฉางอันอยู่ใช่หรือไม่หรือเจ้าคะ ? ”
ถางหงเย่หน้าแดงเรื่อ นางถลึงตาแล้วเอ่ยถากถางว่า “ ข้ามิได้คิดถึงเขาสักหน่อย เจ้าคนแซ่ชิวนั่น…มีอันใดดีกัน ? ”
เซวี๋ยเอ๋อร์เปิดกล่องเครื่องสำอางออก จากนั้นก็หยิบหวีเขาวัวมาหวีผมให้ถานหงเย่ “คุณหนู…บ่าวคิดว่าคุณชายชิวผู้นั้นมีดีหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ หน้าตาก็หล่อเหลา หากจับมาแต่งหน้าแต่งตา…และหากให้มาอยู่ด้วยกันกับพวกสตรีครานี้คงแยกมิออกเป็นแน่ว่าผู้ใดเป็นสตรีผู้ใดเป็นบุรุษ ! ”
“แต่ท่านเเม่บอกว่าผู้ชายแบบนั้นมิได้เรื่อง ดูมิมีมาดของชายชาตรี เมื่อข้าลองตริตรองดูดี ๆ แล้วก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงเห็นเขาเป็นแขกธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“บุรุษที่ดูอ่อนโยนก็มิเลวเลยนะเจ้าคะ ทั้งยังดูสะอาดสะอ้านอีกต่างหาก อีกอย่าง…อีกอย่างคือเขาเป็นถึงชนชั้นสูงของแคว้นบรูไนเชียวนะเจ้าค่ะ คุณชายชิวเรียนมหาวิทยาลัยฉางอัน ตระกูลของเขาทำธุรกิจเครื่องประดับใหญ่โต… ขอเพียงแค่เขาทำดีกับคุณหนู หากเขายอมไถ่ตัวคุณหนูไป…นี่คงจะเป็นพรหมลิขิตที่งดงามนะเจ้าคะ” เซวี๋ยเอ๋อร์เอ่ยพลางทำปากจู๋
ถานหงเย่กัดริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง นางมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก เพราะนางกำลังคิดถึงคุณชายชิวผู้นั้น นางรู้สึกว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ใช้ได้เลยทีเดียว เพียงเเต่นางมิอาจตัดสินใจเลือกอนาคตให้ตนเองได้
เนื่องจากนางเป็นคนของหอชุนเฟิง
หอชุนเฟิงมีกฎระเบียบ ทั้งยังเป็นกฎที่เข้มงวดยิ่งนัก
กฎระเบียบที่ว่านี้มีผลโดยตรงต่ออนาคตของพวกนาง พวกนางจะมีสิทธิ์เลือกคู่ครองก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากแม่เล้าเซี่ย พวกนางจะออกจากหอโดยที่มิได้รับการไถ่ตัวจากบุรุษเลยก็ย่อมได้ เมื่อแต่งงาน ทางหอชุนเฟิงจะเตรียมทรัพย์สินออกเรือนจำนวนมิน้อยให้พวกนาง เพื่อให้พวกเธอได้ใช้ชีวิตธรรมดาตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป
ทว่าหากหอชุนเฟิงมิเห็นด้วย ต่อให้รักกันเพียงใดก็มิอาจแต่งงานครองคู่กันได้
แม่เล้าเซี่ยเป็นผู้จัดการกั๋วเซ่อเทียนเซียง ทว่าได้ยินมาว่ามีเจ้านายใหญ่คอยบริหารอยู่เบื้องหลังหอชิงเฟิงอีกทีหนึ่ง
แต่ก็มิมีผู้ใดรู้ว่าเจ้านายใหญ่ลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่
ถานหงเย่สูดหายใจเข้าลึก ในเมื่อแม่เล้าเซี่ยเอ่ยแล้วว่าคุณชายชิวมิเหมาะ…เช่นนั้นเรื่องนี้คงมิมีหวังอีกต่อไป
ถานหงเย่หยุดความคิดของตนเอง จากนั้นก็เอ่ยถามเรื่องอื่นขึ้นมาเเทน “อาจารย์ประพันธ์ทำนองกวีร่ำสุราเสร็จแล้วหรือยัง ? ”
เซวี๋ยเอ๋อร์ส่ายศีรษะ “ได้ยินมาว่ากวีบทนี้ประพันธ์ทำนองยากยิ่งนักเจ้าค่ะ เหล่าอาจารย์อาจต้องใช้เวลาหาแรงบันดาลใจสักหน่อย”
ถานหงเย่รู้สึกเสียดายที่ตนมิได้เป็นผู้ขับร้องกวีบทนี้ก่อนใครอื่น และก็มิรู้ว่าหรงตั๋วเอ๋อร์จากหอหลิวหยุนหรือยิงมู่ฮวาหยู่จากหยินเหอจิ่วเทียนจะประพันธ์ทำนองออกมาได้แล้วหรือยัง
ในขณะที่ถานหงเย่กำลังครุ่นคิดถึงบทกวีร่ำสุราอยู่นั่นเอง แม่เล้าเซี่ยก็เปิดประตูเดินเข้ามา
แม่เล้าเซี่ยมิได้ชรามากนัก นางมีอายุเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้น
ใบหน้าสะสวยของนางเปื้อนยิ้มในยามที่เดินเข้ามา
“หงเย่…”
ถานหงเย่ลุกขึ้นยืนพลางโค้งตัวลงเพื่อทำความเคารพ “สวัสดีเจ้าค่ะท่านแม่ ! ”
“เซวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเอาหวีมาให้ข้า หงเย่ เจ้านั่งลงสิ”
นางรับหวีมาจากเซวี่ยเอ๋อร์แล้วหวีผมให้ถานหงเย่ นางจ้องมองหญิงสาวนี้ที่นั่งอยู่หน้ากระจกพลางอุทานออกมาเบา ๆ “หงเย่ เจ้าคือสมบัติล้ำค่าของข้า”
“หงเย่รู้ดีเจ้าค่ะ ตลอดหลายปีมานี้ต้องขอบคุณท่านแม่เล้าเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยอุปการะและฝึกฝนหงเย่เป็นอย่างดี หงเย่จะจดจำพระคุณนี้ไว้ในใจ จะมิมีวันลืมเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”
“ที่เจ้าเอ่ยมาก็มิได้ถูกทั้งหมดหรอกนะ เจ้าเข้ามาปีนี้เป็นปีที่ห้าแล้ว แท้ที่จริงคนที่ช่วยฝึกฝนทุกอย่างให้เจ้าก็คือคนในหอเราต่างหากเล่า เจ้าจงจำข้อนี้เอาไว้ให้ดี”
“หงเย่จำได้ดีเจ้าค่ะ”
“จำได้ก็ดีเเล้ว วันนี้เจ้าอายุ 16 ปีแล้ว เจ้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความมาโดยตลอด เดิมทีแม่วางแผนว่าจะให้เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันประกวดดาวเด่นในวันที่สาม เดือนสามของปีหน้า ทว่าบัดนี้…”
ถานหงเย่ตื่นตกใจขึ้นมาพลัน เพราะนั่นเป็นถึงการประกวดดาวเด่นนางโลมคราแรก ถ้าหากสามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันครานี้มาได้ นั่นก็หมายความว่าตนจะได้เป็นดาวเด่นนางโลมในการจัดประกวดคราเเรกของเมืองฉางอัน ถือเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมากยิ่งนัก
“ท่านเเม่ เป็นเพราะหงเย่มิดีหรือเจ้าคะ ? ”
“มิใช่แบบนั้นสักหน่อย ทว่าเจ้ากำลังจะได้สิ่งที่ดีกว่านั้นต่างหากเล่า”
ถานหงเย่ผงะ “ยังมีสิ่งที่ดีกว่าการประกวดดาวเด่นครานี้อีกหรือเจ้าคะ ? ”
“เจ้าชอบพอกับคุณชายชิวชิงหยุนมิใช่หรือ ? เรื่องนี้…ทางหอได้เห็นด้วยแล้ว เจ้าสามารถแต่งงานกับเขาได้ทุกเมื่อ”
ถานหงเย่ตกตะลึงขึ้นมาทันใด เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันจนเกินไป จนสมองของนางตอบสนองมิทัน
“นี่มัน…ท่านเเม่ ข้า…ข้ายังมิทันได้ตริตรองให้ดีเลย และอีกอย่าง…อีกอย่างคนในหอฝึกฝนข้ามาตั้งหลายปี ข้าเพิ่งจะมาอยู่ในหอนี้ได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น นี่…นี่มันมิรีบร้อนเกินไปหน่อยหรือเจ้าคะ ? ”
แม่เล้าเซี่ยม้วนผมของถานหงเย่ขึ้นมาแล้วหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาปัก การม้วนผมหมายความว่าเป็นสตรีที่สมรสแล้ว
ถานหงเย่จ้องมองผมของตนที่ถูกม้วนในกระจก พลันรู้สึกตะขิดตะขวงขึ้นมาในใจ “ท่านเเม่ ข้า… ข้า…ยังมิอยากออกไป”
“สตรีเมื่อเติบใหญ่แล้วก็ต้องแต่งงาน เจ้าดูสิ แบบนี้ดูสวยกว่าเดิมใช่หรือไม่ ? ”
“…” น้ำตาของนางเอ่อล้นคลอเบ้าขึ้นมาทันใด “เป็นเพราะหงเย่ทำผิดพลาดตรงที่ใดหรือไม่ ? ”
เเม่เล้าเซี่ยยืนมองใบหน้าที่งดงามของนางอยู่ด้านหลัง “มิใช่เพราะเจ้าทำผิดพลาดหรอก เป็นเพราะคุณชายท่านนั้นมอบความรักที่ลึกซึ้งให้เจ้าเสมอมา สตรีเยี่ยงพวกเรามีชีวิตเพื่อแต่งงานกับบุรุษที่เราชอบมิใช่หรือ ? ”
“เจ้าจงจำเอาไว้ว่า ต่อให้เจ้าแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าจะยังเป็นคนของหอเราอยู่ ยังต้องรักษากฎของหอเราอย่างเคร่งครัดดังเดิม”
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองต่างก็รักใคร่กัน และประจวบเหมาะกับที่หอเราต้องการคนที่คอยอยู่ข้างกายคุณชายท่านนั้นเข้าพอดี… ข้าจะบอกฐานะที่แท้จริงของคุณชายท่านนั้นให้เจ้าฟังก็แล้วกัน เขาเป็นองค์ชายสี่ของประเทศบรูไน ทางหอจะช่วยให้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นประมุของค์ต่อไปของประเทศบรูไน ส่วนเจ้า…ต่อไปเจ้าก็จะได้เป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นบรูไนเยี่ยงไรเล่า”
ถานหงเย่ตกตะลึงงัน เพราะนางเพิ่งรู้ฐานะที่แท้จริงของชิวชิงหยุน และเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นแผนการของหอชุนเฟิง
นี่คือภารกิจ !
และนางจำต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ !
ถานหงเย่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ค่อย ๆ พยักหน้าช้า ๆ “เช่นนั้น…หงเย่น้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ แต่ว่า…ท่านเเม่ เมื่อประพันธ์ทำนองบทกวีร่ำสุราเสร็จเมื่อใด หงเย่ขอดูสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ย่อมได้อยู่เเล้ว เอาล่ะ ! ลูกสาวข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้ามิต้องออกไปต้อนรับแขกเเล้ว เซวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจงดูแลคุณหนูของเจ้าให้ดี ช่วงนี้ก็พาคุณหนูไปเดินเล่นเที่ยวชมเมืองฉางอันสักหน่อย ไปเดินเล่นเก็บบรรยากาศเอาไว้ในความทรงจำ เพราะเยี่ยงไรที่นี่ก็คือบ้านเกิดเมืองนอน เมื่อต้องจากต้าเซี่ยไปยังบรูไน เกรงว่าเจ้าคงจะมิมีโอกาสได้กลับมาต้าเซี่ยบ่อย ๆ แล้ว”
“อีกอย่าง…คุณชายชิวยังต้องศึกษาที่มหาวิทยาลัยฉางอันอีกหนึ่งปี ในหนึ่งปีนี้…เจ้าต้องอยู่เคียงข้างคุณชายชิวเพื่อศึกษาวิชา ค่อย ๆ ศึกษาผู้คนรอบ ๆ ตัวเขา รวมถึงเรื่องราวรอบ ๆ ตัวเขา”
“นอกเหนือจากนี้ก็มิต้องทำอันใดแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเปิดประตูหัวใจให้กว้าง จงรักเขาอย่างสุดหัวใจ ! ”