นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1217 หลานสาว
ตอนที่ 1217 หลานสาว
ถานหงเย่คณิกาดาวเด่นแห่งกั๋วเซ่อเทียนเซียงจึงมิได้ปรากฏตัวในหอนางโลมอีก
การจากไปของถานหงเย่มิได้สร้างผลกระทบต่อกั๋วเซ่อเทียนเซียงแต่อย่างใด เพราะที่นั่นได้เปิดตัวดาวเด่นคณิกาคนใหม่ตามมาติด ๆ นางมีนามว่าฮวานฮวาน…รุ่ยฮวานฮวาน
รุ่ยฮวานฮวานรูปร่างหน้าตาดีมิแพ้ถานหงเย่ นางมีน้ำเสียงและฝีมือการร่ายรำที่มิเป็นรองถานหงเย่ ทั้งยังปากหวานมากกว่าถานหงเย่เสียอีก ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากยิ่งนัก
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่สาม เดือนสิบสอง วันที่ยี่สิบหก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เกือบจะปีใหม่อีกคราแล้ว
วันหยุดประจำปีของราชสำนักได้เริ่มต้นขึ้นในวันนี้ พวกเขาได้หยุดยาวปีละหนึ่งครา ช่วงเวลาเหล่านี้มิจำเป็นต้องเข้าไปทำงานในพระราชวัง
ทว่าสำหรับเหล่าพ่อค้าแล้วนั้น นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการกอบโกยรายได้ของพวกเขา
เมื่อปีใหม่มาเยือน แต่ละครัวเรือนในเมืองฉางอันต่างก็ออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของกินสำหรับเฉลิมฉลองเทศกาลสุดพิเศษ
หลังจากที่เก็บหอมรอมริบมานานแรมปี นี่เป็นเวลาที่จะได้ใช้เงินมือเติบเสียที นั่นก็เพื่อให้ตนได้รู้สึกสำราญใจ ช่วงเวลานี้ในทุก ๆ ปี พวกร้านเครื่องเงิน ร้านอัญมณีเครื่องประดับ ของฟุ่มเฟือยที่เป็นสิ่งโปรดปรานของหญิงสาวต่างก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เหล่าบุรุษทั้งหลายที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินก็เพื่อจะนำมาปรนเปรอสตรีที่เขารักมิใช่หรือ ?
บัดนี้เงินทองที่เก็บสะสมมาทั้งปีมีอยู่เต็มกระเป๋าของพวกเขา ด้วยเงินเหล่านี้บุรุษมักจะซื้อของขวัญให้กับสตรี สินค้าในวันธรรมดาที่มองว่าแพงหูฉี่ ในวันนี้พวกเขาต่างก็ทำใจกล้าเข้าไปซื้อ
ร้านเครื่องเงินหยูฟูจี้เป็นร้านเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเมืองฉางอัน
ซึ่งร้านตั้งอยู่ในอาคารจินเฟิ่ง
อาคารจินเฟิ่งตั้งอยู่ที่สะพานลิ่วเต้าบนถนนจูเชว่ ถนนจินเฟิ่งมีสินค้าเรียงรายตลอดสายจนไปบรรจบกับถนนจูเชว่บริเวณสะพานลิ่วต้าว นี่เป็นช่วงถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองฉางอัน ทั้งยังเป็นศูนย์รวมสิ่งของราคาสูงลิ่วในเมืองฉางอันอีกด้วย
อาคารจินเฟิ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในละแวกนี้ มันมีทั้งหมดห้าชั้น ในห้าชั้นนั้นมีสินค้าจากบริษัทจินเฟิ่งครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดตั้งเเต่ชั้นสองจนถึงชั้นห้า อาคารจินเฟิ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าคนรวยในเมืองฉางอันมาจับจ่ายใช้สอย
ในร้านหยูฟูจี้ ฉ้ายซีกำลังแนะนำกำไลข้อมือที่ทำมาจากเงินให้กับสตรีชนชั้นสูงผู้หนึ่ง
“กำไลข้อมือนี้เป็นฝีมือของเว้ยจื่อหู ช่างฝีมือชื่อดังจากเมืองฉางจิน ฮูหยินลองดูลายดอกไม้ที่ฉลุด้านบนนี้สิ ดูชื่อที่สลักอยู่ในกำไลนี้สิ กำไลวงนี้มีเพียงแค่หนึ่งเดียวในใต้หล้า ดังนั้นราคาจึงค่อนข้างสูง ทว่ากำไลวงนี้สามารถนำไปเป็นสมบัติให้แก่วงศ์ตระกูลได้ ! ”
“ท่านฉ้าย ข้ารู้ดีว่าสินค้าของท่านเป็นของเเท้ ทว่ากำไลนี้…มิแพงเกินไปหน่อยหรือ ? แม้จะเป็นฝีมือของช่างเว่ยก็ตาม แต่เยี่ยงไรเสียมันก็ทำมาจากเงิน ทว่าท่านขายตั้ง 3,000 ตำลึง…”
สตรีนางนั้นส่ายศีรษะเบา ๆ “นี่มันแพงเกินไปแล้ว แพงกว่าร้านเครื่องหยกของตระกูลชิวจากบรูไนตั้งหลายเท่าตัว ! ”
“ฮูหยินหลัว ท่านเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ท่านย่อมรู้ดีว่าเครื่องหยกจากบรูไนมิอาจเทียบเคียงกับหยกเหอเทียนของต้าเซี่ยได้ แม้จะอ้างว่าเป็นฝีมือของช่างหยกประจำราชสำนักก็ตาม นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จท่านและข้าต่างก็มิรู้ ทว่าชื่อเสียงของช่างเว่ยจื่อหูผู้นั้นดังก้องไปทั่วทั้งต้าเซี่ย เรื่องนี้พวกเราต่างก็รู้ดี”
“หากท่านรู้สึกว่าเครื่องเงินนี้มิดีเท่าใดนัก เยี่ยงนั้นลองดูจี้หยกลายเมฆที่ฝังด้วยทองคำนี่ดีหรือไม่ ? นี่เป็นฝีมือของถานหวยอวี้ เขาเป็นช่างฝีมือมีชื่อเสียงระดับเดียวกันกับเว่ยจื่อหู…”
ฉ้ายซีหยิบจี้หยกออกมาจากตู้กระจก จากนั้นก็นำไปวางไว้ในมือของฮูหยินหลัว “ท่านดูนี่เถิด นี่เป็นทองแกะสลักรูปนกเฟิ่งหวงกำลังค้ำยันหยกลายเมฆขึ้นมา จี้นี้มีนามว่านกเฟิ่งหวงค้ำจันทรา เพิ่งส่งมาถึงร้านเมื่อวาน ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากในใต้หล้า ! ”
ฮูหยินหลัวรับจี้หยกไปดู นางรู้สึกชอบมันขึ้นมาในทันใด “ของชิ้นนี้ราคากี่ตำลึงกัน ? ”
“12,000 ตำลึงขอรับ ! ”
ฮูหยินหลัวมิได้ตกตะลึงกับราคาที่เพิ่งได้ยิน นางจ้องมองมันอย่างละเอียดอีกครา ทั้งยังลองนำไปทาบที่คอแล้วส่องกระจกดูพบว่ามันสวยมากจริง ๆ
“นกเฟิ่งหวง…มิใช่สิ่งต้องห้ามจากราชสำนักหรอกหรือ ? ถ้าหากเป็นของต้องห้ามข้าคงมิกล้าซื้อกลับไปหรอกนะ”
“ฮูหยินหลัว ท่านมิเข้าใจจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเยี่ยงนั้นหรือ ? พระองค์เคยห้ามอันใดบ้างเล่า ? อย่าว่าแต่นกเฟิ่งหวงเลย แม้แต่มังกรทองก็ยังมีขายมิใช่หรือ ? ”
“ก็จริง เยี่ยงนั้นข้าซื้อจี้นี้ก็แล้วกัน จำต้องไหว้วานให้ท่านฉ้ายช่วยห่อให้ข้าด้วย”
“ขอรับ”
ฉ้ายซีรับตั๋วเงินพลางจ้องมองฮูหยินหลัวที่กำลังเดินจากไป ใบหน้าชราเผยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ
หยูฝูจี้ที่เมืองหลินเจียงปิดตัวลงเนิ่นนานแล้ว
คุณชายได้ขายโรงงานสุราให้กับตระกูลซือหม่าแห่งหยิงชิวไปแล้ว แม้ตระกูลซือหม่าจะยินดีผลิตสุราให้หยูฝูจี้และเสนอขายในราคาต้นทุน ทว่าคุณชายได้จากไปแล้ว นายท่านก็จากไปแล้วเช่นกัน จากนั้นมินานเขาก็ได้พบกับคุณหนูที่ควรจะตายจากโลกนี้ไปตั้งนานแล้ว
คุณหนูสั่งให้ปิดร้านนี้ไปเสีย ดังนั้นจึงมิมีร้านหยูฝูจี้ในเมืองหลินเจียงอีกต่อไป
ฤดูใบไม้ผลิเมื่อปีกลาย คุณหนูได้เรียกให้ตนเดินทางมายังเมืองฉางอันเพื่อเปิดร้านหยูฝูจี้ที่นี่ ทว่ามิได้ขายสุราเหมือนในอดีตแล้ว แต่ขายสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่าแทน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องประดับจากเงินฝีมือของเว้ยจื่อหูแห่งฉางจินหรือเครื่องประดับหยกฝีมือถานหวยอวี้จากเมืองไท่หลินเป็นต้น
เนื่องจากราคาที่สูงลิ่ว ทำให้รายได้ของหยูฝูจี้มิค่อยดีเท่าที่ควร ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่รายได้ต่อเดือนนั้นมากกว่าตอนที่เขาขายสุราอยู่ที่หลินเจียงมหาศาล
เพราะผู้คนในเมืองฉางอันล้วนแต่เป็นพวกคนรวยทั้งสิ้น !
หากขายของเหล่านี้ได้สักชิ้น มันเพียงพอที่จะเปิดร้านได้ทั้งปีเลยด้วยซ้ำ และเนื่องจากชื่อเสียงของเว้ยจื่อหูและถานหวยอวี้ที่เริ่มโด่งดังขึ้น ทำให้ธุรกิจเครื่องประดับของหยูฝูจี้ขายดิบขายดีไปด้วย แม้มิอาจเทียบกับร้านเครื่องหยกของตระกูลชิวที่อยู่ติดกันได้ ทว่าก็ได้กำไรงามเลยทีเดียว
ขณะที่ช่ายซีกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฉินดังมาจากสวนด้านหลัง
เขาเอียงศีรษะฟังอย่างตั้งใจ รอยยิ้มพลันผุดขึ้นมาบนใบหน้า เขาส่งช่วงต่อให้กับลูกน้องในร้าน จากนั้นก็เดินไปยังสวนด้านหลัง
ในสวนด้านหลัง สวี่หยุนชิงกำลังบรรเลงฉินอยู่ในศาลาพักร้อน ข้างกายของนางมีหญิงสาวอีกสองคน ฉ้ายซีมิรู้ว่าหญิงสาวสองคนนั้นเป็นผู้ใด ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไป
เมื่อสวี่หยุนชิงมองเห็นฉ้ายซี นางจึงหยุดบรรเลง นางหันไปยิ้มกับเขาจนตาหยี “อยู่ที่นี่จนคุ้นชินแล้วหรือยัง ? ”
ช่ายซีประคองสองมือตอบ “เรียนคุณหนู บ่าวอยู่ที่นี่จนคุ้นชินแล้วขอรับ”
“อืม…เช่นนั้นก็ดีแล้ว เรื่องเป็นเช่นนี้…” สวี่หยุนชิงกวักมือเรียกเขามานั่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่ถานหงเย่ “แม่นางผู้นี้เป็นบุตรสาวของถานหวยอวี้ นางเพิ่งมาถึงเมืองฉางอัน ทว่าบัดนี้ยังมิมีที่พักอาศัย”
“ข้าคิดว่าสวนด้านหลังของร้านเจ้าก็กว้างใหญ่ดี ต่อไปนี้ก็ให้นางพักอาศัยอยู่ที่นี่เถิด เจ้าก็คิดเสียว่านางเป็นหลานสาวของเจ้าก็เเล้วกัน ค่อย ๆ สอนนางว่าต้องขายหยกเยี่ยงไร”
“ต่อไปนี้…ก็ให้นางเป็นผู้ช่วยในร้าน เจ้าจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง ส่วนนางก็จะได้ศึกษาหลักธุรกิจไปด้วย”
ฉ้ายชีผงะตกใจไปครู่หนึ่ง ทว่าเขาก็มิได้ระแวงสงสัยอันใด “บ่าวน้อมรับคำสั่งขอรับ”
สวี่หยุนชิงพยักหน้าแล้วหันไปเอ่ยกับถานหงเย่ “เจ้าจำได้แล้วหรือยัง ? ว่าต่อไปนี้เจ้าคือหลานสาวของฉ้ายซี ที่มาจากเมืองไท่หลิน บิดาของเจ้าถานหวยอวี้จะมาถึงที่นี่ในอีกมิกี่วันข้างหน้า เขาจะมาพำนักอยู่ที่นี่เช่นกัน เพื่อถ่ายทอดวิชาแกะสลักหยกให้แก่เจ้า”
“ข้าง ๆ ร้านเราคือร้านเครื่องหยกของตระกูลชิว คุณชายชิวจะแวะเวียนมาที่นี่เป็นประจำหลังเลิกเรียน พวกเจ้าคอยทำความรู้จักกันให้มาก ๆ ส่วนเรื่องที่ว่าคุณชายชิวคบค้าสมาคมกับผู้ใด หรือกำลังทำเรื่องอันใดอยู่ เจ้าสามารถไว้วางใจเล่าให้ผู้จัดการฉ้ายฟังได้”
สวี่หยุนชิงลุกขึ้นยืน “ส่วนฉินหลังนี้ ข้าให้เจ้าก็แล้วกัน ข้าต้องไปแล้ว เจ้าจะอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข เจ้าสบายใจได้”
ถานหงเย่โค้งตัวลงเพื่อทำความเคารพ “หงเย่จะจำไว้ให้ขึ้นใจเจ้าค่ะ”
ฉ้ายซีจ้องมองแผ่นหลังของคุณหนู พลางครุ่นคิดอันใดบางอย่าง ทุกวันนี้บ้านเมืองสงบสุข ทว่าคุณหนูกลับวางแผนการบางอย่างหรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นกัน ?