นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1218 ศึกเมืองเซน
ตอนที่ 1218 ศึกเมืองเซน
เดิมทีมิเคยมีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ในจักรวรรดิโมริยะมาก่อน
ทว่าปีนี้ที่เมืองการ์แลนด์ในจักรวรรดิโมริยะ ราษฎรได้ฉลองเทศกาลปีใหม่ร่วมกันเพราะคูฉานได้นำวัฒนธรรมของต้าเซี่ยมาเผยแพร่
กองทัพบัญชาสวรรค์เข้ายึดครองเมืองการ์แลนด์โดยแทบมิต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย เมื่อคูฉานได้ยินข่าวตอนเข้าเมืองก็พลันรู้สึกชื่นใจขึ้นมาทันใด เพราะทหารป้องกันเมืองได้วิ่งหนีป่าราบไปแล้ว โดยทิ้งประชากรในเมืองเอาไว้สามหมื่นกว่าคน
หลังจากที่คูฉานรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เมืองการ์แลนด์ก็อดที่จะปวดใจมิได้ เพราะทหารป้องกันเมืองเหล่านั้น นำทรัพย์สมบัติที่ร่อยหรออยู่แล้วเดิมทีติดตัวไปด้วย โกดังเก็บเสบียงสะอาดเกลี้ยงเกลา แม้แต่หนูตัวเดียวก็มิโผล่ออกมาให้เห็น
ราษฎรในเมืองเหลือเสบียงอาหารมิมากแล้ว พวกเขาอยู่อย่างอดอยากและเหน็บหนาวมิต่างกัน
จะช่วยเหลือชาวเมืองทั้งสามหมื่นคนนี้เยี่ยงไรดี ?
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองการ์แลนด์ เมืองนี้ก็มีคนมากถึง 50,000 คนที่ต้องการเสบียงอาหารประทังชีวิต !
ในขณะที่คูฉานกำลังรู้สึกจนปัญญา ทันใดนั้นก็มีคาราวานสินค้าลึกลับเดินทางเข้ามาในเมืองการ์แลนด์ สตรีลึกลับนางหนึ่งได้เข้าพบเขา
และกองคาราวานสินค้าก็ได้ปักหลักค้างคืนอยู่ในเมืองการ์แลนด์ วันถัดไปคูฉานได้นำกองทัพบัญชาสวรรค์และคนจากป่ากระบี่คอยคุ้มกันรถม้าสามคันออกจากเมืองการ์แลนด์ไปยังเมืองเซนที่ทีไวตี้ประจำการอยู่
รถม้าสามคันนั้นบรรทุกหีบ 6 หีบด้วยกัน ในหีบเหล่านั้นมีทองคำมูลค่า 10,000 ตำลึงบรรจุอยู่ !
หญิงชราผู้ที่มิรู้แน่ชัดว่าเป็นผู้ใดนั้น เอ่ยว่านี่เป็นการล่องูออกจากถ้ำ งูที่ว่าก็คือทีไวตี้นั่นเองเพราะเขาคือเจ้าเมืองเซนในขณะนี้
ถ้าหากกองทัพบัญชาสวรรค์มิเริ่มบุกก่อน เช่นนั้นคนทั้งห้าหมื่นคนที่เมืองการ์แลนด์คงมิอาจอยู่รอดถึงฤดูใบไม้ผลิได้
หนทางเดียวที่จะอยู่รอดคือต้องแย่งชิงเมืองเซนมาให้ได้ เพราะเมืองเซนมีเสบียงมหาศาลที่ทีไวตี้แย่งชิงมา
ถ้าหากได้เสบียงเหล่านั้นพร้อมกับได้เมืองเซนมาครอบครอง ครานี้กองทัพบัญชาสวรรค์ถึงจะอยู่รอดได้ ทั้งยังมีโอกาสขยายขนาดของกองทัพอีกด้วย
หญิงชราและคณะคาราวานสินค้าต่างก็สื่อสารกันด้วยภาษาต้าเซี่ย พวกเขามาจากต้าเซี่ย อ้างว่าพวกตนเป็นคาราวานสินค้าจากต้าเซี่ย ในเมื่อประจวบเหมาะมาพบเจอกับคูฉานซึ่งกำลังช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาจึงถือโอกาสยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หวังว่าคูฉานจะช่วยสยบความโกลาหลทุกหย่อมหญ้าบนจักรวรรดิโมริยะแห่งนี้ เพราะพวกเขาเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อทำธุรกิจ
ในเมื่อตอนนี้ยังทำธุรกิจมิได้ เช่นนั้นก็คอยช่วยเหลือคูฉานให้กอบกู้จักรวรรดินี้ขึ้นมาได้ก็ยังดี
สำหรับคูฉานแล้วนั้น มิต้องสงสัยเลยว่านี่คือความช่วยเหลือที่เข้ามาได้ถูกเวลาพอดิบพอดี
ดังนันเขาจึงรับฟังคำแนะนำจากหญิงชราแล้วตัดสินใจโจมตีที่มั่นของทีไวตี้ทันที
กองทัพบัญชาสวรรค์ของคูฉานได้เดินทางมาถึงเมืองเซนในยามอู่ของวันถัดไป
คูฉานเงยหน้ามองกำแพงสูงใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยกับทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเป็นภาษาต้าเซี่ยว่า “พวกเรามาจากเมืองการ์แลนด์ จงเรียกเจ้าเมืองทีไวตี้มาพบข้าประเดี๋ยว พวกข้าขนทองคำจำนวนมหาศาลมาซื้อเสบียงจากเจ้าเมืองทีไวตี้ ! ”
เสียงของคูฉานเปี่ยมไปด้วยพลังดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ มีคนที่แต่งกายเหมือนทหารปรากฏตัวขึ้นมาบนกำแพงพลางส่องกล้องมาทางพวกตน
คูฉานเปิดหีบบรรจุทองคำออก พวกทหารต่างตาลุกวาวด้วยความละโมบขึ้นมาทันใด
บนแนวกำแพงเมืองมีทหารมากมายกำลังหัวเราะร่า หรือบางทีพวกเขาอาจจะกำลังหัวเราะเยาะเจ้าแกะน้อยที่ยังมิรู้ชะตากรรมของตนเอง !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกฝ่ายนั้นมาจากเมืองการ์แลนด์ พวกเขาย่อมเป็นกองทัพบัญชาสวรรค์ที่อ่อนปวกเปียกนั่นแน่นอน
พวกเขาโจมตีหมู่บ้านของตนบนเทือกเขาไทเออร์ เมื่อท่านเจ้าเมืองได้ทราบข่าวก็โกรธเป็นอย่างมาก ทั้งยังขู่ว่าจะนำกองทัพไปบดขยี้พวกมดตัวน้อย ๆ นั่นให้แหลก
คาดมิถึงเลยว่าพวกเขาจะกล้าเดินดุ่ม ๆ เข้ามาให้ท่านเจ้าเมืองเขมือบด้วยตนเอง !
คาดมิถึงจริง ๆ เลยว่าพวกมันจะขนทองคำมามากมายถึงเพียงนี้ !
มิมีผู้ใดสงสัยในกลอุบายนี้เลย เพราะฝ่ายตรงข้ามมีทหารเพียง 3,000 นายเท่านั้น ทว่าพวกตนนั้น…พวกตนมีกำลังพลมากถึง 30,000 นาย !
บัดนี้ปืนเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากยิ่งนัก ช่างฝีมือในโรงงานสรรพาวุธต่างก็เผ่นหนีไปหมดแล้ว เมื่อเปิดโรงงานขึ้นมาอีกครามิได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมิมียุทโธปกรณ์เสริม แต่เมื่อต้องเผชิญกับพวกมดตัวกระจ้อยร่อยพวกนี้ใช้ดาบก็น่าจะเพียงพอแล้ว
หลังจากทหารส่งข่าวคราวให้ทีไวตี้ได้รับทราบ ทีไวตี้ก็หัวเราะดังลั่นอยู่สามครา แน่นอนว่าเขามิมีทางขายเสบียงให้กับศัตรูอย่างแน่นอน ทว่าเขาจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าล้างศัตรูให้สิ้นซากภายใต้กำแพงเมือง
“แม่ทัพเอวา ข้าขอสั่งให้เจ้านำทหาร 20,000 นายไปสังหารพวกศัตรูให้สิ้นซาก ! จากนั้นจงนำทองคำกลับมาให้ข้า แล้วข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม ! ”
นี่เป็นเรื่องง่ายดายมิต่างอันใดกับการปอกกล้วยเข้าปาก
แม่ทัพเอวารับคำสั่งด้วยสีหน้าชื่นมื่น เขานำทหาร 20,000 นายมุ่งหน้าออกจากกำเเพงเมืองเพื่อสังหารกองทัพบัญชาสวรรค์นั่นอย่างโจ่งแจ้ง
คูฉานถือคทายืนอยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพบัญชาสวรรค์ เขาหันไปเอ่ยสั้น ๆ กับนายทหารภายใต้บังคับบัญชาว่า “จำต้องโจมตีเมืองเซนให้ได้ พวกเราถึงจะมีข้าวกิน จำต้องโจมตีพวกเราถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ ! ”
เขาพาศิษย์สองคนบุกตะลุยไปข้างหน้า คทาของเขายกขึ้นสูงพร้อมกับแผดเสียงคำรามลั่น “จับดาบเอาไว้ให้มั่นแล้วบุกเข้าไปพร้อมกันกับข้า ! ”
กองทัพบัญชาสวรรค์ที่ขี้ขลาดอยู่เดิมทีพลันฮึกเหิมขึ้นมาทันใด พวกเขาแกว่งดาบในมือไปมาแล้วพุ่งเข้าหาศัตรูราวกับเสียสติ
“จับดาบเอาไว้ให้มั่นแล้วบุกเข้าไปพร้อมกันกับข้า ! ”
ทหารทั้งสองฝั่งปะทะกันอย่างรวดเร็ว คทาในมือของคูฉานฟาดลงทันพลัน ศีรษะของข้าศึกแตกละเอียดทันใด
“อามิตตาพุทธ…”
คูฉานลงมือสังหารด้วยใจที่สงบนิ่ง
คนจากป่ากระบี่มิได้เข้าร่วมศึกครานี้ พวกเขามีภารกิจที่สำคัญกว่า ซึ่งนั่นก็คือบุกยึดเมืองนั่นเอง !
คนจากป่ากระบี่นำโดยฉื่อหรานวิ่งแฉลบข้ามศีรษะของศัตรูไป พวกเขาตรงเข้าไปยังประตูเมือง
ทหารทั้งหกพันนายเริ่มประจันหน้ากับศัตรูทั้งสองหมื่นนาย ศึกครานี้ปะทุขึ้นมาชั่วพริบตา
“จงไปตายเสีย… ! ”
คูฉานรวบรวมกำลังภายใน คทาของเขาส่งแสงประกายวาววับ เขาใช้วรยุทธขั้นสูงในการทำศึกครานี้ !
ศัตรูรอบกายของเขาในระยะหกฉื่อล้วนมิอาจต้านทานเขาได้เลย ทุกที่ที่คทากวาดไปถึงล้วนมีโลหิตสาดกระเซ็น
เขานำทหาร 6,000 นายรุดเข้าหาศัตรูราวกับลูกศรธนูที่เฉียบคม
หลังจากนั้นคูฉานก็ได้ค้นพบว่าทหารกองกลางฝั่งศัตรูกำลังตะโกนเรียกชื่อเอวาอย่างแตกตื่น คูฉานใช้วิชาตัวเบา ก้าวได้ 3 จั้งในคราเดียว
เขาไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของเอวา เอวาถลึงตาโตด้วยความขลาดกลัว ขณะที่เขากำลังจะชักปืนออกมา คทาของคูฉานก็ฟาดเข้ากับกลางอกของเขาพอดี เขาล้มลงเสียงดัง “ตุ้บ ! ” ทั้งยังตายตามิหลับอีกด้วย
สงครามยังคงดำเนินต่อไป
ทหารของกองทัพบัญชาสวรรค์ลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ทว่าจำนวนทหารฝ่ายศัตรูก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่น
คูฉานลงมือสังหารอย่างบ้าคลั่ง บัดนี้ในใจของเขามีเพียงพระพุทธองค์เท่านั้น
……
……
ณ สถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกซึ่งตั้งอยู่มิไกลจากพระราชวังมากนักมีวัดแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ วัดแห่งนี้มีนามว่าวัดหงฟู่
ผู้นำนิกายและพระสงฆ์ประจำวัดนั้นคืออาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ยจากวัดหานหลิงเมืองกวนหยุน
ในเมื่อที่นี่เป็นถึงเมืองหลวงของประเทศ อีกทั้งวัดหงฟู่แห่งนี้ยังเป็นวัดประจำราชสำนัก แน่นอนว่าต้องให้อาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ยเป็นผู้นำนิกายประจำวัดเเห่งนี้
วันนี้ประตูสีแดงขนาดใหญ่ของวัดได้ปิดลง ทั้งยังปฏิเสธชาวเมืองที่จะเข้าไปสักการะบูชา หมายความว่าวันนี้มีสมาชิกราชวงศ์มาสักการะบูชาที่วัดแห่งนี้
ผู้ที่มาสักการะบูชาก็คือชุนซิ่วนั่นเอง
นางยืนอยู่ในวิหารต้าเสียงเป๋าพลางจุดธูปบูชาพระพุทธรูปสามองค์ จากนั้นก็คุกเข่าลง ยกสองมือขึ้นมาพนมพร้อมพึมพำบทสวดออกมา
“ขอพระพุทธองค์จงปกปักรักษาสามีของข้าด้วยเถิด เขาได้สังหารชาวเมืองที่จักรวรรดิโมริยะ บัดนี้เขาคือผู้มีกรรม หากมิใช่เพราะเฮ้อซานเตาต้องตกตายที่เมืองปาฎลีบุตร เขาย่อมมิทำแบบนั้นแน่นอน”
“เขาเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณา ถ้าหากพระองค์จะลงทัณฑ์เขา ข้าชุนซิ่วผู้เป็นพุทธศาสนิกชนของท่านจะรับโทษแทนเขาเอง”
“เขาทำไปเพื่อผืนปฐพีของต้าเซี่ย เพื่อให้ต้าเซี่ยยืดหยัดได้ตลอดการณ์ เขามีคุณูปการต่อราษฎรชาวต้าเซี่ยเหลือคณานับ เขาคือผู้ที่ทำให้ชาวต้าเซี่ยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างพระองค์ล้วนแต่เป็นประจักษ์พยาน ถ้าหากพระองค์จะให้อภัยเขา…ก็ขอให้พระองค์บันดาลให้เขาอายุยืนร้อย ๆ ปีด้วยเทอญ ! ”
……
ร่างของคูฉานเปียกโชกไปด้วยโลหิต
บัดนี้เขายืนอยู่ในเมืองเซน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ซึ่งกำลังจ้องมองทีไวตี้ตาเขม็ง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาท่องอามิตตาพุทธ
“พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเบื้องหลังความสุขของหมู่มวลประชาอาจต้องสังหารผู้คนนับหมื่น”
“เช่นนั้น…เจ้าจงตายเสียเถิด ! ”