นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1220 ข้าเเค่ต้องการคน
ตอนที่ 1220 ข้าเเค่ต้องการคน
“บ่าวเป็นผู้ใดมิสำคัญหรอกเจ้าค่ะ”
สตรีนางนั้นยืดเอวพลางส่งยิ้มแพรวพราวให้กับเหว่ยชัง
“บ่าวรู้ว่านายท่านเงินขาดมือ ส่วนบ่าวนั้นมีเงินมิขาด ทว่าที่ขาดก็คือคน”
สตรีนางนั้นเดินไปที่ตู้ติดกำแพงเเล้วเปิดตู้ออก จากนั้นก็นำกล่องใบเล็กออกมา
นางวางกล่องลงเบื้องหน้าเหว่ยชัง จากนั้นก็เปิดมันออก ด้านในมีตั๋วเงินเป็นฟ่อน ๆ
“ทั้งหมดนี้ 100,000 ตำลึง ถ้าหากนายท่านชอบล่ะก็จงรับไปเถิดเจ้าค่ะ”
เหว่ยชังมิได้ยื่นมือเข้าไปหยิบ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย “ที่เจ้าจับข้ามัดไว้เช่นนี้…เจ้าต้องการอันใดกันแน่ ? ”
“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงตาเฒ่าที่เกษียณจากราชการแล้วเท่านั้น ข้ามิมีอันใดให้เจ้าหรอกนะ เจ้าหาผิดคนหรือไม่ ? ”
สตรีนางนั้นหัวเราะร่าออกมา “บ่าวรู้สถานะและประวัติการทำงานของท่านละเอียดถึงเพียงนี้ แล้วบ่าวจะหาคนผิดได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? คนที่บ่าวต้องการก็คือท่าน มาเถิด…กว่าจะเดินทางมาถึงคงลำบากน่าดูเลยสินะ บ่าวจะขอต้มสุราให้ท่านสักจอก ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับก็แล้วกัน”
“นายท่านเหว่ย นั่งลงก่อนเถิด”
“ถ้าข้ามินั่งเล่า ? ”
“ถ้าท่านมินั่ง…” สตรีนางนั้นหันไปมองซ้ายทีขวาที หลังจากนั้นก็มีบุรุษร่างกำยำเดินออกมาจากประตูทั้งสองข้าง ดาบของพวกเขาส่องประกายเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สายตาดุร้ายราวกับอสูรกาย เหว่ยชังกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม
“หากท่านมินั่งลง แน่นอนว่าท่านจะออกจากประตูนี้ไปมิได้”
นางนั่งข้าง ๆ เตาผิงพลางจัดแจงต้มชา “โบราณกล่าวไว้ว่า…คนที่รู้กระแสของกาลเวลาเป็นคนที่หลักเเหลม บ่าวเอ่ยกับนายท่านชัดถ้อยชัดคำถึงเพียงนั้นแล้วว่าในเมื่อจักรพรรดิหนุ่มผู้นั้นมิต้องการท่าน ทว่าบ่าวคนนี้ต้องการท่าน”
“หากท่านยอมมาอยู่กับบ่าว บ่าวจะทำให้ท่านได้เป็นเสนาบดีกรมโยธาธิการต่อไป แน่นอนว่ามิใช่เสนาบดีกรมโยธาธิการประจำต้าเซี่ย ท่านจะมีทรัพย์สมบัติคอยเลี้ยงดูตระกูลของท่านมิขาดสาย หากท่านอยากได้สตรีล่ะก็…”
นางปรบมือสองคราเพื่อส่งสัญญาณ จากนั้นก็มีหญิงสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดปีหน้าตาสะสวยเดินออกมาจากสองข้างประตู พวกนางสวมชุดกระโปรงที่บางยิ่งกว่าปีกจักจั่นเสียอีก
“พวกนางผิวพรรณเต่งตึงกว่าภรรยาของท่านเป็นไหน ๆ ทั้งยังเป็นสาวพรหมจรรย์อีกด้วย ต่อไปท่านจะทำเยี่ยงไรกับพวกนางก็ได้”
“ตกลงว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำอันใดกันแน่ ? ”
นางระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ดูท่านสิ ! ท่านตื่นเต้นอันใดกัน ? ท่านจะรีบร้อนไปทำไมกัน ? ”
“มา…จงนั่งลงก่อนเถิด ดื่มสุราเป็นเพื่อนบ่าวก่อนสิ ประเดี๋ยวบ่าวจะสาธยายให้นายท่านฟังเอง”
เมื่อสู้อีกฝ่ายมิได้ก็ต้องยอมจำนน เหว่ยชังรู้ว่านี่มิใช่เรื่องดีเป็นแน่ ทว่าเขาจะต่อกรอันใดได้อีกกัน ?
สตรีนางนี้ย่อมติดตามการเคลื่อนไหวของเขาและวางแผนมาช้านาน บัดนี้จึงติดร่างแหเข้าอย่างจัง ทั้งยังไร้หนทางหนีอีกด้วย เยี่ยงนั้นก็ไหลไปตามน้ำก่อนก็แล้วกัน
เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสตรีนางนั้น
“มา…สุราอุ่นกำลังพอเหมาะ พวกเรามาดื่มกันสักจอกเถิด”
นางรินสุราสองจอก จากนั้นก็ส่งให้เหว่ยชังหนึ่งจอก “ฤดูหนาวที่เมืองกวนหยุน ช่างหนาวเหน็บยิ่งนัก มิเหมือนกับเมืองฉางอันที่อบอุ่นกว่ามากโข จักรพรรดิหนุ่มผู้นั้นช่างรู้จักเสวยสุขเสียจริง”
“แม้นายท่านเหว่ยจะเผชิญกับความผิดหวังที่เมืองฉางอัน ทว่าเรื่องร้ายก็อาจจะกลายเป็นเรื่องดีได้เช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะเจ้าคะ”
“มา…พวกเรามาดื่มกันอีกจอกเถิด”
เหว่ยชังดื่มสุราจอกนั้นจนหมด หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนที่รุมเร้าไปทั้งร่าง รู้สึกหายใจหอบถี่มิเป็นจังหวะ ราวกับมีไฟแผดเผาบริเวณหน้าท้อง
นี่มิใช่เพราะฤทธิ์สุราอย่างแน่นอน
“เจ้า…เจ้าวางยาในสุรานี่ ! ”
นางหัวเราะออกมาเบา ๆ “อืม…บ่าวกลัวว่านายท่านเหว่ยจะมิยอมเป็นตัวของตัวเองเยี่ยงไรเล่าเจ้าค่ะ ที่ทำไปก็เพื่อท่านทั้งนั้น”
“ชูซี สื่ออู่ นายท่านเหว่ยเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย พวกเจ้าต้องปรนนิบัติเขาให้ดี ให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างเต็มที่”
เหว่ยชังรู้สึกว่าสายตาของตนเองเริ่มพร่ามัว เปลวไฟที่หน้าท้องโหมกระหน่ำยิ่งขึ้น เขารู้สึกกระหายน้ำ เขาส่ายศีรษะเรียกสติอย่างสุดกำลัง สตรีนางนั้นหายไปแล้ว มีเพียงแค่หญิงสาวสองคนที่กำลังเดินเข้ามาหา
พวกนางเปลื้องอาภรณ์ออกทั้งหมด จากนั้นก็เปลื้องเสื้อผ้าเขาออกเช่นกัน
ด้านนอกมีพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำ แสงเทียนในเรือนแห่งนั้นพัดพลิ้วตลอดทั้งคืนยันรุ่งสาง
……
……
บนโต๊ะตัวหนึ่ง
บนโต๊ะตัวนั้นมีอาหารรสเลิศวางอยู่
สตรีนางนั้นนั่งอยู่หน้าโต๊ะ นางมองหน้าไร้ชีวิตชีวาของเหว่ยชังแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “นายท่านเหว่ยช่างแข็งแรงเสียจริง ทำอย่างว่าจนบ่าวชักจะอยากลองขึ้นมาแล้วสิ”
“มา…มากินอาหารเช้าเถิด เมื่อกินเสร็จบ่าวจะบอกเองว่าท่านต้องทำสิ่งใดต่อไป”
“วางใจได้ บุรุษเยี่ยงนายท่านเหว่ยชัง บ่าวมิสั่งให้ไปสังหารคนหรอกเจ้าค่ะ”
“เรื่องที่จะให้ทำนั้นเป็นเรื่องดี จริง ๆ นะ บ่าวมิเคยเอ่ยความเท็จกับผู้ใดมาก่อน”
เหว่ยชังนั่งลงแล้วเขมือบอาหารคำใหญ่ เขาหิวโซจนมิมีเวลามาสนใจอันใดทั้งนั้น
เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว สตรีนางนั้นก็พาเหว่ยชังมานั่งหน้าโต๊ะชา
ในมือของนางมีผ้าหนึ่งผืน บนผ้าผืนนั้นมีคราบเลือดสีดำหม่น
“พวกนางได้ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ท่านอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือไม่ ? ”
“อ่า…จริงสิ ลืมบอกท่านเรื่องหนึ่ง เมื่อวานบ่าวได้หยิบยืมตราประจำตัวท่านเขียนจดหมายถึงภรรยาของท่านพร้อมกับประทับตราเสร็จสรรพ นางมิได้เคลือบแคลงแต่อย่างใด นางได้หอบบุตรชายของท่านทั้งสอง ลูกสะใภ้และหลาน ๆ ออกเดินทางไปเเล้ว”
“อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ท่านสบายใจได้ พวกเขาเดินทางไปในสถานที่ปลอดภัย ไร้ภัยอันตรายใด ๆ อีกสักสองสามวันเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงแล้วก็คงส่งจดหมายกลับมา ถึงตอนนั้นท่านก็จะรู้เอง”
“เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วยกัน ? ”
“ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือ ว่าข้าต้องการคน ”
“ถ้าจะให้ร้ายก็จงให้ร้ายแก่ข้า อย่าพาลไปถึงครอบครัวของข้าเลย เจ้ามัน…ไร้ยางอาย ! ”
สตรีนางนั้นหัวเราะออกมาเบา ๆ นางหัวเราะสดใสราวกับดอกไม้บาน “นายท่านเหว่ย นี่ท่านกำลังเข้าใจบ่าวผิดไปนะเจ้าคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าบ่าวมิได้ให้ร้ายใดแก่ครอบครัวของท่าน และนั่นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อท่านยอมทำตามที่บ่าวสั่ง”
“ประการที่สอง บ่าวก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง จะไร้ยางอายหรือไม่นั้น มันมิได้สำคัญนักหรอก”
“เจ้าส่งพวกเขาไปที่ใดกัน ? ”
“อ่า…ส่งไปยังประเทศที่งดงามประเทศหนึ่ง ทว่าตอนนี้ที่นั่นมิค่อยงดงามเท่าใดนัก ทว่าอีกมินานทุกอย่างจะดีขึ้น”
หญิงสาวต้มชาหนึ่งกา จากนั้นก็รินให้เหว่ยชัง “ตอนนี้ท่านจงฟังสิ่งที่บ่าวจะเอ่ย จงตั้งใจฟังให้ดี อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดใดเป็นอันขาด”
“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” สตรีนางนั้นหุบยิ้มลงแล้วจ้องมองเหว่ยชังอย่างจริงจัง นางเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ข้าต้องการยุทโธปกรณ์ทางทหารของต้าเซี่ย…ซึ่งนั่นก็คือผังออกแบบปืนเหมาเซ่อ ! ”
“นี่คือประการแรก”
“ส่วนประการที่สองนั้น ข้าต้องการนักวิทยาศาสตร์ของต้าเซี่ยจำนวนหนึ่ง ต้องการนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยต้าเซี่ยและจำต้องเข้าใจวิธีประดิษฐ์ปืนและระเบิดเป็นอย่างดี”
“ข้ารู้ว่าตอนที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ถูกก่อตั้งในปีนั้น มีคนจากกรมโยธาธิการมิน้อยเข้าไปทำงานในศูนย์วิจัย และในจำนวนนั้นก็มีคนของท่านอยู่ด้วย”
“นี่เป็นภารกิจง่าย ๆ เพียงสองภารกิจเท่านั้น ถ้าหากท่านทำสำเร็จ ข้าจะส่งท่านไปยังประเทศที่งดงามนั้น ไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวของท่าน ต่อไปนี้หญิงสาวสองคนนั้นจะคอยปรนนิบัติท่าน ตั๋วเงิน 100,000 ตำลึงนี้ให้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจของท่านก็แล้วกัน”
“ท่านจงจำเอาไว้ว่าอย่าทำให้คนในศูนย์วิทยาศาสตร์ระแวงหรือสงสัยเป็นอันขาด ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ ให้นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นทยอยออกไปทีละคน ข้าจะส่งคนไปคอยคุ้มกันให้พวกเขาเดินทางออกจากต้าเซี่ย”
“เมื่อท่านเดินทางไปถึงที่นั่นแล้ว ข้าขอรับประกันเลยว่าคนของท่านทุกคนจะถูกบรรจุเป็นขุนนาง มีเกียรติและมีเงินทองให้เสพสมมิรู้จบ ! ”
“นายท่านเหว่ย ท่านเป็นคนฉลาด ท่านคงเข้าใจว่าควรเลือกสิ่งใด”
เหว่ยชังสูดหายใจเข้าลึก เขาจ้องมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาละโมบ “ถ้าหากว่าข้าอยากได้เจ้าเล่า ? ”
“เช่นนั้นบ่าวก็จะเป็นของท่านและจะเป็นของท่านประเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”