นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1223 หลอดไฟ
ตอนที่ 1223 หลอดไฟ
ฟู่เสี่ยวกวนสั่งให้หลิวจิ่นและจ้าวโฮ่วยกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเข้ามาที่ตำหนักเย่หยาง
บัดนี้ทุกคนปิดปากเงียบสนิท ต่างก็หันไปมองสิ่งแปลกประหลาดที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า
นี่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องแรกที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่ามันยังมีข้อบกพร่องอีกมากมาย ทว่าวิทยาศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้แหละ มันจำเป็นต้องค่อย ๆ พัฒนาให้สมบูรณ์แบบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในการพัฒนาต้องอาศัยทฤษฎีและทักษะรวมถึงวัตถุต่าง ๆ มันมิมีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ภายในก้าวเดียว
ฉินเฉิงเย่รู้จักของชิ้นนี้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหน้าระรื่น
เขานำน้ำมันดีเซลใส่เข้าไปในเครื่องยนต์ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน หลังจากนั้นก็นำลวดสองเส้นผูกกับสกรูสองตัวบนเครื่องยนต์เข้าหากัน ลวดทั้งสองเส้นนี้เชื่อมหากันภายใต้ลูกแก้ว
เขานำแท่งเหล็กที่คดเคี้ยวใส่เข้าไปในช่อง ๆ หนึ่ง จากนั้นก็ใช้แรงหมุนเหล็กแท่งนั้น แผ่นเหล็กบนเครื่องยนต์พลันหมุนอย่างรวดเร็ว
มีเสียงดังตึก ๆ ออกมาจากเครื่องยนต์ จากนั้นก็มีควันดำลอยโขมงออกมา เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามดังขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเฉิงเย่ถือโอกาสนี้ดึงแท่งเหล็กออกมา มินานนักลูกแก้วที่มีลวดสองเส้นผูกติดอยู่ก็มีแสงไฟสว่างวาบขึ้นมา !
“ไอหยา…” บรรดาลูก ๆ ของฟู่เสี่ยวกวนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
“ดับโคมไฟทั้งหมดเสียก่อน” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข
โคมไฟภายในห้องโถงถูกดับลงทุกดวง มีเพียงแสงไฟจากลูกแก้วที่ยังคงส่องสว่าง เพียงแต่แสงไฟติด ๆ ดับ ๆ มิค่อยเสถียรเท่าใดนัก
“นี่คือหลอดไฟ ! ” ฟู่เสี่ยวกวนอธิบายให้ทุกคนฟัง “บัดนี้เทคโนโลยียังมิสุกงอมดี หากมันสุกงอมเมื่อใด หลอดไฟก็จะส่องแสงอย่างมีเสถียรภาพ จนกว่าไส้หลอดของมันจะเผาไหม้จนหมด”
“เครื่องกำเนิดไฟนี้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์ไอน้ำ ทั้งยังมีพลังมากกว่าอีกด้วย”
“อีกสองสามปีหลังจากนี้ รถไฟของเราจะเปลี่ยนไปขับเคลื่อนด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มันสามารถวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีหลอดไฟคอยให้แสงสว่างในตู้รถไฟยามราตรีอีกด้วย มิจำเป็นต้องจุดเทียนอีกต่อไปแล้ว”
“สำหรับราษฎร พวกเขาสามารถนำไปใช้ได้ทุกขอบเขต มันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตให้สูงขึ้น มันสามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีราคาถูกได้จริง ๆ ถ้าหากนำมาใช้ในด้านเกษตรกรรม มันสามารถใช้แทนวัวเพื่อการเกษตรได้ สามารถนำไปพัฒนาเป็นเครื่องมือการเกษตรได้หลากหลาย มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเกษตรอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว”
“หากเป็นด้านการทหาร…ถ้าหากพวกเรามีเจ้าเครื่องนี้ พวกเราก็จะสามารถสร้างเรือได้ใหญ่ขึ้นและวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ส่วนด้านภาคพื้น…พวกเราสามารถสร้างรถถังขึ้นมาได้ ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ฉินเฉิงเย่ก็ยังจ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยความตะลึง
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มเล็กยิ้มน้อย “รถถังมีน้ำหนักมาก การขับเคลื่อนจำต้องใช้เเรงมหาศาล มันมิสะทกสะท้านกับระเบิดหรือกระสุนปืน ล้อของรถถังจะเป็นล้อแบบตีนตะขาบ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับสนามรบทุกรูปเเบบ รอให้เทคโนโลยีนี้สุกงอมดีเสียก่อนแล้วข้าจะบอกอีกทีว่าจะสร้างรถถังนี่ได้เยี่ยงไร”
เมื่อสิ้นเสียงของฟู่เสี่ยวกวน หลอดไฟก็สิ้นอายุขัยพอดี ไส้หลอดกระพริบสองครา จากนั้นทั้งห้องก็มืดสนิทในทันใด
“จุดไฟสิ แล้วก็ดับเจ้านี่เสีย”
ทุกคนนั่งล้อมฟู่เสี่ยวกวนเอาไว้ แต่ละคนต่างมองเขาด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด
“ไฟฟ้าคือพลังงานชนิดหนึ่ง การกำเนิดของไฟฟ้ามีหลากหลายวิธี ศูนย์วิทยาศาสตร์จำต้องศึกษาวิธีสร้างกระแสไฟจากพลังงานน้ำ ทั้งยังต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการกระจายกระแสไฟอีกด้วย หลังจากที่ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เมืองฉางอันก็จะกลายเป็นเมืองที่มิมีวันหลับใหล”
“ในด้านอุตสาหกรรมหรือด้านการทหาร ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์จำต้องค่อย ๆ พัฒนาเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในให้สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนเรือที่หนักราวสิบตันหรือหนักถึงหนึ่งล้านตันไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว…หนทางนี้ยังอีกยาวไกล ขอเพียงแค่พวกเรายืนหยัดเดินบนทางเส้นนี้ พวกเราย่อมไปถึงปลายทางได้ในมิช้าก็เร็ว”
“ดังนั้นข้าจะขอเน้นย้ำอีกคราว่าการศึกษาคือพื้นฐาน เน้นย้ำว่าวิทยาศาสตร์คือกำลังการผลิตอันดับหนึ่ง หลังจากนี้พวกเจ้าจะได้เห็นเอง”
“ฝ่าบาท…ทว่าเจ้านี่สว่างได้มินานก็ดับเสียแล้ว ดังนั้นมันจะใช้ประโยชน์ได้เยี่ยงไรกัน ? ” เยี่ยนซีเหวินถือหลอดไฟที่กำลังร้อนระอุแล้วเอ่ยถาม
“นี่เป็นเพราะไส้หลอดของมันใช้การได้มิดี” เขาหันไปมองฉินเฉิงเย่ในขณะที่เอ่ย “เจ้าลองให้ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ใช้เส้นคาร์บอนที่ทำจากเส้นใยฝ้ายและเศษไม้เป็นไส้หลอดดูสิ มันจะสว่างขึ้นนานกว่าเดิมเล็กน้อย”
“ทว่าวัตถุที่ดีที่สุดคือขดลวดทังสเตน ขดลวดทังสเตนเป็นโลหะ ทว่าบัดนี้ยังมิถูกค้นพบหรือบางทีอาจจะยังมิเป็นที่รู้จัก”
“เจ้าจงจำเอาไว้ว่าทังสเตนมักจะพบได้ในรูปแบบของแร่ มันมีสีดำขลับ มีจุดเดือดสูง สามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง ลองส่งคนไปหาดู ข้าว่าของพวกนี้คงจะมีมิน้อย”
“วัสดุศาสตร์นั้นเป็นแขนงวิชา ประเดี๋ยวก่อน…ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ก็มีแผนกวิจัยวัสดุนี่ จงบอกพวกเขาว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าได้เมื่อวัสดุศาสตร์มีความก้าวหน้า”
การเลี้ยงฉลองพร้อมหน้าพร้อมตากันในครานี้ กลายเป็นการสร้างความเข้าใจให้กับทุกคนต่อวิทยาศาสตร์ไปเสีย
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ชำนาญการในด้านนี้ เขาจึงมิอาจถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องทุกประการให้ฉินเฉิงเย่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ใช้วิทยาศาสตร์ที่มีในวันนี้่ชี้แนะแนวทางให้เขาเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็คงต้องอาศัยศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อควานหาข้อเท็จจริง
เรื่องนี้ฟู่เสี่ยวกวนมิได้รีบร้อนอันใด เพราะมันรีบมิได้
แต่เขาเชื่อว่าในอนาคตอีกมิกี่ปีข้างหน้า อาจหลายสิบปีหรืออีกหลายร้อยปีข้างหน้า สิ่งที่เขาเอ่ยในราตรีนี้กับฉินเฉิงเย่จะปรากฏขึ้นมาจริง ๆ
งานเลี้ยงได้สิ้นสุดลงหลังจากการถกเถียงด้านวิชาการ
ซึ่งแน่นอนว่าผู้นำในการถกเถียงครานี้ก็คือฉินเฉิงเย่ ฉินรั่วเสวียและฟู่เสี่ยวกวน คนอื่น ๆ ที่เหลือได้แต่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง พวกเขาต่างก็นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ฟู่เสี่ยวกวนจึงพาเหล่าภรรยาและลูก ๆ กลับไปยังตำหนักหยางซิน
ลูก ๆ เข้าล้อมรอบเขาพลางเอ่ยถามบางอย่างที่เขาจินตนาการมิถึง เขาตอบคำถามเหล่านั้นอย่างอดทน หลังจากนั้นก็หันไปชี้แนะอู๋เทียนซื่ออย่างจริงจัง
“เจ้าจงพึงจำเอาไว้ว่า…เจ้าต้องเคารพวิทยาศาสตร์ เคารพนักวิทยาศาสตร์ เพราะสิ่งที่เขาทุ่มเทวิจัยออกมานั้นคือสิ่งที่ทำให้ต้าเซี่ยก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง”
อู๋เทียนซื่อที่เพิ่งอายุได้ 10 ปีพยักหน้าเข้าใจ “ลูกจะจำไว้ให้ดี ท่านพ่อ…ในอนาคตเหล็กจะบินได้และเรือจะแล่นใต้น้ำได้จริง ๆ หรือ ? ”
“จริงสิ…ในอนาคตจะมีสิ่งที่นำพามนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้อีกด้วย”
อู๋เทียนซื่อเบิกตาโพลงด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ อู๋หลิงเอ๋อร์เลยเอ่ยถามติดตลก “ท่านอย่าโกหกลูกเลย ตอนนี้ขึ้นไปถึงดวงจันทร์ อีกประเดี๋ยวมิขึ้นไปถึงสวรรค์เลยหรือเยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเสียงดังลั่น ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่มีคนเดินทางไปยังดาวอังคาร ทว่าบัดนี้มิรู้ว่าภารกิจสำเร็จแล้วหรือไม่
เมื่อเข้าช่วงดึก เขาได้สั่งให้นางในพาลูก ๆ กลับไปพักผ่อน ตอนนี้เองเขาถึงได้เอ่ยถามซูซูว่า “ท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่สำนักเต๋าสบายดีหรือไม่ ? ”
สวี่หยุนชิงสั่งให้ซูซูเก็บเรื่องที่นางเดินทางมายังเมืองฉางอันเป็นความลับ นางจึงต้องโกหกอย่างจำใจ
“อืม…ก็สบายดีกันทั้งคู่เพคะ เมื่อท่านพ่อกลับมายังสำนักเต๋า เขาลงมือเข้าครัวทำอาหารตั้งหลายครา… ตั้งแต่กลับมาจากจักรวรรดิโมริยะอยู่ ๆ เขาก็ชื่นชอบการทำอาหารขึ้นมา ข้ามิต้องลงมือเองเลยสักครา อีกทั้งอาหารของเขายังอร่อยมากอีกต่างหากเพคะ”
“แล้ว…ความรู้สึกระหว่างท่านพ่อและท่านแม่ดีขึ้นบ้างหรือไม่ ? ”
“…ท่านแม่มักจะหลบหน้าท่านพ่ออยู่เสมอ เกรงว่าจะมิง่ายดั่งที่คิดเพคะ”
เฮ้อ…ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาวออกมา เรื่องนี้มิสามารถบังคับกันได้ เพราะขนบธรรมเนียมและความเชื่อต่างกัน
“พวกเจ้าจงกลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้…พวกเราจำต้องไปเลี้ยงฉลองกับเสนาบดีเหล่านั้นอีก”