นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ
ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ
ณ หมู่บ้านเซี่ยชุน อำเภอเชียนซาน ฉงโจว เยวี่ยซานเป่ยเต้า
ขบวนของเยี่ยนซีเหวินเดินทางอยู่บนเส้นทางอันแสนทรหดท่ามกลางป่าเขา ถนนขรุขระทอดยาวราวกับว่ามิมีทางสิ้นสุด
คนที่เดินทางมาพร้อมกับเขานั้นมีทหารที่ปลอมตัวมาในคราบของลูกหาบ พวกเขาเคยเป็นอดีตทหารนาวิกโยธินมาก่อน หัวหน้าของพวกเขาคือจางฉีซาน ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าทหารป้องกันเมือง
“ฉีซาน” เมื่อเดินทางถึงไหล่เขาจุดที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เยี่ยนซีเหวินจึงยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ “ให้ทุกคนพักที่นี่สักครู่เถิด พวกเราเดินขึ้นเขามาครึ่งค่อนวันแล้ว คงจะเหนื่อยกันมากแล้ว”
จางฉีซานส่งยิ้มยิงฟัน พวกเขาหาบไม้กระดานที่มีน้ำหนักนับร้อยจิน ทว่าถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องความเหนื่อย นี่ยังมิได้ครึ่งหนึ่งของความเหนื่อยเมื่อคราที่ต้องฝึกกองนาวิกโยธินของเฮ้อซานเตาเลยด้วยซ้ำ
ทว่าเขารู้ดีว่าภารกิจหนึ่งเดียวที่นำทหารออกเดินทางในครานี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่เสนาบดีเยี่ยน ท่านแม่ทัพฮั่วผู้เป็นหัวหน้าได้ย้ำกับเขาเป็นหนักหนาว่าจะต้องฟังทุกสิ่งที่เสนาบดีเยี่ยนสั่ง
ทุกคนวางหาบลง จากนั้นก็ถอดหมวกออกมาพัด พวกเขาต่างก็หันหน้าไปมองเบื้องล่างของหน้าผา
สายลมเย็น ๆ พัดกระทบร่าง มีควันขโมงลอยขึ้นมาจากปล่องควัน ทำให้เห็นเค้าลางว่ามีหมู่บ้านตั้งอยู่บริเวณนั้น !
“นั่นคงเป็นหมู่บ้านเซี่ยซานสินะ” เยี่ยนซีเหวินเอ่ยพลางชี้นิ้วออกไป
“มองดูเหมือนจะใกล้ ๆ ทว่าถนนนี่สิ…”
เขาเงยหน้าขึ้นมองไหล่เขาอีกครา ถนนเส้นนั้นดูเหมือนจะทอดยาวมิมีที่สิ้นสุด
เขานั่งลงบนก้อนหิน จางฉีซานจึงยื่นกระบอกน้ำให้กับเขา พลางเอ่ยเอ่ย “ท่านอัครเสนาบดีเยี่ยน หากจะปลดเปลื้องความยากจนในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ เกรงว่าจะไร้หนทางน่ะสิ ข้าว่าย้ายผู้คนออกไปให้หมด ให้พวกเขาไปตั้งรกรากใหม่ละแวกใกล้ ๆ อำเภอเชียนซานเสียยังดีกว่า”
หลังจากที่คลุกคลีกันมานานสามเดือน เหล่าทหารต่างสนิทสนมกับเยี่ยนซีเหวิน
ท่านเสนาบดีเยี่ยนมีคุณสมบัติเหมือนกับฝ่าบาทหนึ่งข้อ ซึ่งนั่นก็คือมีเมตตาต่อราษฎร เขาช่างมิมีมาดหยิ่งยโสตามสถานะอันสูงส่งนั้นเอาเสียเลย
ทว่าเขากลับเด็ดขาดกับขุนนางที่ทุจริตโกงกินเหล่านั้น แม้ว่าตอนนี้เข้ายังจับขุนนางมาลงโทษมิได้ ทว่าหลังจากที่เขาหาหลักฐานมัดตัวขุนนางพวกนั้นได้แล้ว เขาก็กัดฟันกรอดมีท่าทีชวนขนลุก
จางฉีซานรู้ดีว่าขุนนางเหล่านั้นจะต้องจบเห่เป็นแน่ คนของกรมราชทัณฑ์จะต้องลากคอพวกเขาเข้าตาราง
ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพเสนาบดีเยี่ยนจากใจจริง คิดว่าเขาคือความหวังของต้าเซี่ย
เมื่อมีจักรพรรดิที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีเสนาบดีที่รู้ชัดและตัดสินสิ่งที่ถูกผิดได้อย่างเที่ยงธรรม ต้าเซี่ยจะต้องเจริญวันเจริญคืนอย่างแน่นอน
เยี่ยนซีเหวินดื่มน้ำอย่างกระหาย จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปากอีกครา เขาถอนหายใจยาวออกมาพลางเอ่ยว่า “ ฉีซาน…ที่เจ้าเอ่ยนั้นคือวิธีที่จนหนทางจริง ๆ ”
“มิว่าจะเป็นนอกภูเขาหรือในภูเขาล้วนแต่เป็นอาณาเขตของต้าเซี่ยทั้งสิ้น ถ้าหากย้ายออกไป ในภูเขาก็จะเปล่าเปลี่ยวไร้ซึ่งผู้คนมิใช่หรือ ? ”
“ดังนั้นพวกเราถึงต้องเข้าไปดูสถานที่จริง ไปดูว่าหมู่บ้านนั่นยังพอจะมีหวังที่จะช่วยเหลือหรือไม่”
ระหว่างที่เอ่ย เยี่ยนซีเหวินหันไปมองทุกสารทิศ เขาหันไปเห็นเมฆที่คอยบดบังหน้าผา เมื่อลองทอดสายตามองเห็นเป็นทิวทัศน์ของทะเลหมอกลอยขาวโพลน
“เจ้าดูนี่เถิด ทิวทัศน์นี้ช่างงดงามยิ่งนัก”
“หากย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน เมื่อข้าเห็นทิวทัศน์เช่นนี้ ข้าอาจจะเกิดอารมณ์ศิลป์อยากแต่งกวีขึ้นมาก็เป็นได้ เฮ้อ…แต่ถนนเจ้ากรรมนี้สิ”
เขาส่ายศีรษะไปมา “ถ้าหากจะทำถนนคอนกรีต ข้าเกรงว่าจะหนักหนาเกินไปหน่อย”
จางฉีซานเหลือบไปมองแล้วโพล่งออกมาว่า “ท่านเสนาบดีเยี่ยน ตอนที่ข้ายังอยู่ที่เซี่ยเย่ ท่านแม่ทัพเฮ้อเคยทำสิ่งหนึ่งมาก่อน”
“การฝึกทหารที่เซี่ยเย่นั้น จะฝึกที่นอกเขากวางหยาง ทว่าสำหรับพวกเราจำต้องฝึกหลายวิชา จึงต้องเข้าไปฝึกในภูเขา ภูเขาลูกนั้นเตี้ยกว่าลูกนี้เล็กน้อยเท่านั้น ท่านแม่ทัพเฮ้อได้สั่งให้พวกเราสร้างถนนเพื่อลำเลียงยุทโธปกรณ์และเครื่องมือทางทหาร”
“คราหนึ่งเขาเคยเอ่ยถึงพระราชดำรัสของฝ่าบาท และข้าก็จำได้ขึ้นใจจนถึงวันนี้ เขาบอกว่ามนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ ! ”
“พวกเราใช้เวลาหลังจากที่ฝึกเสร็จอยู่ครึ่งปีในการบุกเบิกถนนบนเขากวางหยาง แม้จะมิได้ใช้ปูนซีเมนต์ ทว่าถ้าหากมิมีฝนตกก็สามารถใช้ม้าบรรทุกเครื่องมือทางทหารขึ้นได้สบาย ๆ ”
“ดังนั้นการสร้างถนนที่นี่คนธรรมดาย่อมทำมิได้ จำต้องให้กองทัพมาทำเท่านั้น ! ”
“จริงหรือ ? ” สายตาของเยี่ยนซีเหวินเป็นประกายขึ้นมาทันใด
“ก็จริงน่ะสิ ! ตอนนี้ถนนเส้นนั้นก็ยังอยู่ ทั้งยังเป็นเส้นหลักที่กองนาวิกโยธินใช้เดินทางขึ้นเขาหยางกวางอีกด้วย”
กองทัพบกของต้าเซี่ยมีจำนวนทหารทั้งสิ้น 800,000 นาย !
เนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมีความสงบสุขเป็นอย่างมาก ทำให้ฝ่าบาททรงมีพระราชดำริว่าเพียงแค่หกกองทัพก็เพียงพอต่อการรักษาการณ์ชายแดนแล้ว ดังนั้นพระองค์จึงสั่งปลดทหารอีกครา แม้กระทั่งให้กองทัพเรือเข้ามาคัดเลือกทหารบกไปเป็นทหารเรือ
ถ้าทำตามที่จางฉีซานบอกก็ให้อีกสองกองทัพหรือปลดคนจำนวนหนึ่งออกจากกองทัพแล้วจัดตั้งเป็นสองกองช่าง นี่เป็นความคิดที่มิเลวเลยทีเดียว
พื้นที่ของต้าเซี่ยใหญ่โตมโหฬาร ลักษณะของภูมิประเทศก็มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาเช่นนี้มีมากมาย หากต้องการสร้างถนนก็จำต้องใช้งบประมาณของประเทศ ทว่าหากงานนี้ได้ทหารช่างเข้ามาจัดการโดยเฉพาะก็คงจะเป็นการลงทุนน้อยแต่ได้ประสิทธิภาพสูงอย่างแน่นอน
“แนวคิดของเจ้ายอดเยี่ยมยิ่ง ข้าจะจดจำเอาไว้ กลับไปเมื่อใดข้าจะทูลเสนอต่อฝ่าบาท ! ”
“ไปกันเถิด ใกล้จะยามอู่แล้ว คาดว่าน่าจะถึงหมู่บ้านเซี่ยซานในยามพลบค่ำพอดี”
……
……
ยามสุริยาลาลับ ความมืดมิดค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาปกคลุมหมู่บ้านเซี่ยซานที่ตั้งอยู่ใต้หน้าผา
ผู้นำหมู่บ้านหลี่เอ้อร์หนิวเดินมาทางลำธารระหว่างหุบเขาด้วยความโกรธแค้น
วันนี้เขาเพิ่งเดินทางไปยังเมืองหวงถางเพื่อสนทนาปัญหาเรื่องการเพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับเจ้าเมืองหยางเว่ย เพราะการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาหยางเว่ยได้เพิ่มภาระภาษีให้แต่ละหมู่บ้าน ซึ่งเรียกว่าภาษีบริการทางทหาร แต่เนื่องจากเมืองหวงถางนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทางการต้าเซี่ยจึงมิได้ส่งทหารเข้ามาประจำการที่เมืองนี้ ดังนั้นจึงต้องใช้ภาษีทดแทนกำลังทหาร
เงินภาษีก้อนนี้มากพอสมควร โดยเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวจากภาษีที่เสียอยู่แล้วตามปกติ จนก่อให้เกิดปัญหาปากท้องของราษฎรภายใต้การปกครองของเมืองนี้ทั้งหกหมู่บ้านซึ่งมีประชากรกว่าเจ็ดร้อยคน
นี่สร้างความมิพอใจให้กับราษฎรเป็นอย่างมาก มิเพียงแค่กินมิอิ่มเท่านั้น ทว่ายังมิมีเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูกในปีหน้าอีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้จะอยู่กันเยี่ยงไรต่อไป ?
หรือว่าต้องกลับไปขึ้นเขาล่าสัตว์ใช้ชีวิตแบบพึ่งดวงเหมือนแต่ก่อน ?
หลี่เอ้อร์หนิวเคยเข้าเรียนในสำนักศึกษาเป็นเวลา 2 ปี ทำให้เขาพออ่านหนังสือออกบ้าง เขาเคยออกไปนอกหมู่บ้านคราหนึ่งแล้วบังเอิญไปเก็บหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน
เขาจึงเกิดความฉงนขึ้นมาทันใด เพราะมิรู้ว่าเหตุใดหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยถึงเขียนได้ดีขนาดนี้ นโยบายต่าง ๆ ของฝ่าบาทช่างดูดีเสียเหลือเกิน !
ทว่าเหตุใดพอมาถึงเมืองหวงถางกลับกลายเป็นคนละเรื่องไปได้เล่า ?
มิรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่กำลังเอ่ยความเท็จ ?
ปรากฏว่าเมื่อเขาตระเวนถามทั่วทั้งอำเถอเชียนซาน เขาจึงได้รู้ว่าหนังสือพิมพ์บ้านี่กำลังนำเสนอข่าวมั่วซั่ว !
องค์จักรพรรดิกำลังเอ่ยเรื่องเพ้อเจ้อ !
เพราะทั้งอำเภอเชียนซานต่างก็ประสบปัญหาเหมือนกันทั้งหมด !
ต้าเซี่ยแตกต่างกับอดีตแคว้นฝานเยี่ยงไรกัน ? พวกขุนนางยังรวยล้นฟ้าดังเดิม ต่อให้ปลูกพืชพลมากเพียงใดก็ยังมิมีข้าวให้กินจนอิ่มท้องเลยสักมื้อ
หยางเว่ยเคยบอกว่าปัญหาขาดแคลนเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูกในฤดูนี้ เขาจะไปขอจากท่านนายอำเภอมาให้
ทว่าเขาจะได้อันใดกลับมากัน !
เพราะโกดังข้าวของอำเภอว่างเปล่า แม้แต่หนูที่เข้าไปวิ่งเล่นสักตัวก็ยังมิมี
หยางเว่ยบอกว่าข้าวได้ถูกขนย้ายไปยังที่ว่าการฉงโจวเเล้ว มีความจำเป็นต้องส่งไปให้ท่านจือโจวเพื่อส่งไปยังโกดังของประเทศต่อไป เพราะอาจจะมีสงครามเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
เขาจะทำอันใดได้อีกเล่า ?
ต่อให้สังหารหยางเว่ยก็นำเอาเมล็ดพันธุ์กลับมามิได้อยู่ดี !
ดูเหมือนว่าจำต้องระดมให้ชาวบ้านลับคมมีดคมศรธนูเสียแล้ว จากนั้นค่อยเข้าไปล่าหมูป่ามาประทังชีวิตให้ผ่านปีนี้ไปให้ได้
ในขณะที่หลี่เอ้อร์หนิวเพิ่งเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทันใดนั้นเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเดินมาทางเขา
คนที่เดินนำหน้าขบวนดูมีมาดของผู้ที่มีการศึกษา ส่วนข้างคนข้าง ๆ นั้น…เขาจะนำลูกหาบมาทำอันใดกันนะ ?