นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1245 คืนฝนพรำ
ตอนที่ 1245 คืนฝนพรำ
ฝนที่ตกปรอย ๆ ค่อย ๆ ตกหนักขึ้น
ชาวบ้านยังคงยืนแออัดคับแน่นอยู่ภายใต้หลังคาเรือนของหลี่เอ้อร์หนิวมิยอมขยับเขยื้อนไปที่ใด บุรุษต่างถิ่นผู้นี้ได้ออกหน้าและระเบิดอารมณ์ต่อขุนนางท้องถิ่นเพื่อพวกเขา พวกเขารู้ว่าบุรุษท่านนี้ได้ทำให้หน่วยราชการโกรธเข้าแล้ว
ทหาร 18 นายและนายอำเภอเฉียนถูกมัดแน่นในท่าคุกเข่านอกกำแพงไม้ไผ่
นายอำเภอเฉียนผู้นั้นมีสภาพน่าเวทนา สองขาของเขาถูกหักจนมิเหลือชิ้นดี โลหิตไหลเจิ่งนองเต็มพื้น ทว่าบุรุษต่างถิ่นผู้นี้กลับมิยอมให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมา ถ้าหากเขาร้องออกมาอีกเมื่อใดก็จะถูกตัดมือทันที !
เยี่ยนซีเหวินกับหลี่เอ้อร์หนิวนั่งอยู่ภายใต้ชายคา เขานั่งมองคนเหล่านั้นที่คุกเขาท่ามกลางสายฝนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ
“เจ้าดูนั่นสิ เมื่อพวกมันคุกเข่าลง ราษฎรเยี่ยงพวกเราถึงจะได้ลุกขึ้นยืน”
“ทว่า…นายท่านเยี่ยน เขาเป็นถึงนายอำเภอเชียวนะ” หลี่เอ้อร์หนิวเอ่ยพลางหันไปหาเจ้าเมืองหวงถางที่ยังคงยืนสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว “เจ้าเมืองหยาง เขาเป็นนายอำเภอเชียนซานจริง ๆ หรือ ? ”
หยางเว่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “ก็จริงน่ะสิ เขาเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน ข้าพาเขาตรวจเยี่ยมมาแล้วสามหมู่บ้าน หมู่บ้านของเจ้าเป็นหมู่บ้านที่สี่ ! ”
“ท่านผู้นี้ ที่ท่านทำเป็นการบันดาลโทสะ เกรงว่าเจ้าคงยังมิรู้สินะว่านายอำเภอทุกคนในฉงโจวถูกแต่งตั้งโดยใต้เท้าจงสือจี้จือโจวแห่งฉงโจว ! ”
“ข้าเคยไปที่ว่าการอำเภอมาหลายครั้งหลายครา ข้าเคยได้ยินมาว่าจือโจวท่านนี้เป็นคนที่เคยร่วมหัวจมท้ายกับฝ่าบาทมาก่อน ทั้งยังเป็นจือโจวที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เองอีกด้วย”
“อีกอย่างข้าก็มิรู้ว่าจริงเท็จเยี่ยงไร แต่ว่ากันว่าพี่เขยของท่านจือโจวเป็นถึงแม่ทัพกองทัพบกที่สามแห่งต้าเซี่ย ! พฤติกรรมของเจ้าในวันนี้ถ้าหากถึงหูของท่านจือโจวเข้า แล้วถ้าหากเขาเชิญพี่เขยของเขานำกองทัพเข้ามา…”
“อย่าว่าแต่ชีวิตของเจ้าผู้เดียวเลย ข้าเกรงว่า…เกรงว่าคนในหมู่บ้านนี้จะต้องถูกสังหารจนสิ้น ! ”
คำขู่นี้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกตื่นกลัวทว่ายังคงมิยอมอ่อนข้อให้
“จะเรียกกองทัพอันใดมาก็ช่าง คุณชายเยี่ยนคือผู้ที่ยอมออกหน้าต่อสู้เพื่อพวกเราในวันนี้ ถ้าหากมีผู้ใดกล้าเอาชีวิตของคุณชายเยี่ยน พวกเราก็จะสู้กับพวกมันสุดชีวิต ! ”
“ใช่ ! เพราะเยี่ยงไรพวกเราก็มิมีอันใดไปเสียภาษีอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มิรู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม รีบ ๆ ตาย รีบ ๆ ไปเกิดใหม่เสียยังดีกว่า ทว่าข้าขอภาวนาให้ได้เกิดในพื้นที่ที่ดีกว่านี้ก็แล้วกัน ! ”
เยี่ยนซีเหวินเอ่ยขัดพวกชาวบ้านว่า “พวกเจ้าสบายใจได้ จะมิมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นทั้งนั้น”
“แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งเขาเป็นจือโจวก็จริง ทว่าทุกวันนี้พระองค์ทรงคาดมิถึงว่าเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้”
“อีกอย่าง…แม่ทัพเว่ยพี่เขยของเขามิใช่คนเยี่ยงนั้นหรอก แม่ทัพเว่ยมีความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท เขาเป็นคนรู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้าหากเขารู้ว่าน้องเขยทำเรื่องฉาวโฉ่สกปรกเช่นนี้ เขาคงบั่นศีรษะน้องเขยจนขาดสะบั้นตั้งแต่แรกเห็น”
“อีกอย่างที่สำคัญกว่านั้น…ฝ่าบาททรงทราบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเยวี่ยซานเป่ยเต้าเรียบร้อยแล้ว อีกมินานนัก…อย่างมากสุดก็สามถึงห้าวันนี้ พวกเจ้าทุกคนจะได้ทราบข่าว เป็นข่าวดีอย่างแท้จริง ! ”
เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อยิ่งนัก เพราะจริง ๆ แล้วองค์จักรพรรดิดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลกับพวกเขามากยิ่งนัก พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจรัดตัว เขาเป็นผู้บริหารประเทศนี้ คงมิมีเวลามาห่วงใยความเป็นความตายของชาวบ้านตาดำ ๆ เยี่ยงพวกตน
“สิ่งที่ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้ไว้ก็คือ…ต้าเซี่ยมิเคยเรียกเก็บภาษีจากหมู่บ้านที่ยากจนข้นแค้นเยี่ยงหมู่บ้านเซี่ยซานหรือทั้งหกหมู่บ้านของเมืองหวงถาง”
“การขูดรีดที่พวกเจ้าได้ประสบในวันนี้ ล้วนแต่เป็นฝีมือของพวกขุนนางตั้งแต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่และขุนนางชั้นผู้น้อยร่วมมือกันกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของตนเอง”
“พวกเจ้าสบายใจได้ เพราะพวกขุนนางโฉดชั่วทั้งหมดนี้จะต้องตกนรกอเวจี รอให้การสืบสวนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นพวกมันทุกคนจะถูกบั่นศีรษะ ! ฝ่าบาทมิอาจจำทนต่อขุนนางที่ทุจริตรังแกราษฎรได้ ต่อไปนี้จะมีการส่งขุนนางใหม่เข้ามา พวกเขาจะขนเมล็ดพันธุ์พืชและเสบียงที่เพียงพอต่อการประทังชีวิตให้ผ่านปีที่อดอยากนี้ไปได้ ทั้งนี้พวกเขาจะนำความหวังและชีวิตใหม่มาให้พวกเจ้า ! ”
คำเอ่ยของเยี่ยนซีเหวินทำให้ชาวบ้านกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ มิว่าผู้ใดก็อยากมีชีวิตที่สงบสุขกันทั้งนั้นมิใช่หรือ ?
ถ้าหากมีข้าวให้กินอิ่มท้อง ผู้ใดเล่าจะยอมเสี่ยงอันตรายไปท้าทายหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อขุนนาง ?
หยางเว่ยในฐานะเจ้าเมืองเริ่มคิดมากในหัวและยิ่งเกิดความสงสัยในสถานะที่แท้จริงของเยี่ยนซีเหวิน
คุณชายเยี่ยนที่มาจากต่างถิ่น ทั้งยังมีองค์รักษ์ติดอาวุธปืนมาด้วย !
มีเพียงแค่กองทัพต้าเซี่ยเท่านั้นที่จะติดอาวุธปืน มิใช่องค์รักษ์ประจำตระกูลร่ำรวยที่ใดก็มีได้
ชายที่ดูเหมือนแม่ทัพผู้นั้นลงมือสังหารนายทหารของที่ว่าการสองนายอย่างเฉียบขาด เขายิงปืนได้อย่างแม่นยำโดนจุดสำคัญจนสิ้นใจตายคาที่ทั้งสองราย
ส่วนองค์รักษ์อีกสามคนที่เข้ามาสกัดกั้นนายอำเภอเฉียนก็คล่องแคล่วว่องไว มิประมาทพลั้งมือเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคุณชายเยี่ยนสั่งให้หักขาทั้งสองข้าง พวกเขาเพียงย่ำเท้าลงไปแค่หนึ่งครา ขาของนายอำเภอเฉียนก็หักออกจากกัน พละกำลังของพวกเขามิเหมือนคนธรรมดาเอาเสียเลย
ดังนั้นเขาจึงโน้มตัวเข้าไปเอ่ยถามว่า “นายท่านเยี่ยน ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าฝ่าบาททรงมีแผนการอันใดต่อจากนี้ ? ”
“เพราะข้าสันทัดเรื่องข่าวสารเยี่ยงไรเล่า ? ” เยี่ยนซีเหวินส่งยิ้มกลบเกลื่อน
“เอาล่ะ ! ทุกท่านแยกย้ายกันได้แล้ว เหมือนว่าฝนจะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสินะ ท้องนภาก็เริ่มมืดมิดแล้ว รีบกลับกันเถิด จงจำเอาไว้มาวันมะรืนให้มาเยือนที่นี่อีกคราเพื่อนำเอาข้าวขาวกลับไป”
“อ้อ ! อีกอย่าง…ให้ชาวบ้านผู้ชายมารวมตัวกันที่นี่ในวันมะรืน ข้าจะส่งคนไปล่าสัตว์เป็นเพื่อนพวกเจ้า”
“ขอบพระคุณนายท่านเยี่ยนยิ่งนัก ! ”
ชาวบ้านต่างก็ยืดเยื้อมิยอมกลับบ้านสักที บัดนี้เยี่ยนซีเหวินเป็นดั่งเทพเจ้าที่นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตพวกเขา
การมาของนายท่านเยี่ยนผู้นี้ได้จุดแสงสว่างให้แก่ความหวังที่มืดสนิท แม้ดวงไฟจะแผ่วเบาทว่าก็ทำให้เขาได้เห็นความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป
เมื่อชาวบ้านแยกย้ายกันกลับจนหมด หลี่เอ้อร์หนิวก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันใด เขาหันไปกระซิบถามเยี่ยนซีเหวิน “นายท่าน พวกเราปล่อยพวกเขาไปสักสองสามคนจะดีหรือไม่ ? ”
“พี่หลี่…เรียกข้าว่าน้องเยี่ยนดังเดิมเถิด”
“ปล่อยคนพวกนี้ไปมิได้เป็นอันขาด ให้พวกมันตากฝนสักสองสามวัน ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกินว่าหลังจากที่พวกมันเผชิญกับความอดอยากและความหนาวเหน็บ พวกมันจะมีสภาพเยี่ยงไร ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกินว่าตอนที่พวกมันสิ้นหวัง พวกมันจะมีสีหน้าเยี่ยงไร”
ขณะนี้เฉียนฉงซู่ที่คุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนรู้สิ้นหวังเสียเต็มประดา
ขาของเขาหักทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาเกินจะต้านทาน ซ้ำยังมีห่าฝนคอยซ้ำเติม ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะตายไปเสีย
ทว่าเขามิกล้าแม้แต่จะแผดเสียงร้องออกมา
ทันใดนั้นเรื่องหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา เดือนก่อนใต้เท้าจงได้เรียกให้ผู้ช่วยส่วนตัวของตนเข้าไปหา เขาบอกว่าฝ่าบาททรงส่งผู้แทนพระองค์เข้ามาตรวจการณ์ ดังนั้นหากจะทำเรื่องอันใดก็ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในความคิดของเขา ต่อให้เป็นผู้แทนพระองค์ก็ต้องให้เกียรติใต้เท้าจง เพราะพี่เขยของใต้เท้าจงเป็นถึงแม่ทัพของกองทัพบกต้าเซี่ย !
ด้วยภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่นี้แล้ว ทำให้ใต้เท้าจงเปรียบเสมือนจักรพรรดิประจำท้องถิ่นก็มิปาน มิมีผู้ใดกล้าขัดขืนคำสั่งของเขาแม้แต่คนเดียว
ดังนั้นคนที่เขาไปมีเรื่องด้วยวันนี้จะเป็นผู้แทนพระองค์หรือไม่ ?
เขารีบปฏิเสธความคิดนี้ไปอย่างทันควัน เพราะผู้แทนส่วนพระองค์ย่อมมิมีทางมาอยู่ในหมู่บ้านกันดารเยี่ยงนี้แน่นอน
ลูกน้องของชายผู้นั้นมีปืนในครอบครอง เขาอาจจะเป็นโจรผู้ร้ายที่กำลังหลบหนีอยู่ก็เป็นได้
มิว่าเยี่ยงไรข้าก็ต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ ถ้าหนีไปได้สำเร็จเมื่อใด ข้าจะเข้าไปหาใต้เท้าจงด้วยตนเอง จากนั้นค่อยให้ใต้เท้าจงส่งทหารมาเหยียบพวกมันให้จมดิน !
แล้วจะทำเยี่ยงไรดีถึงจะมีชีวิตรอดพ้นจากความเจ็บปวดและขื่นขมนี้ไปได้ ?
เขาได้กลิ่นหอมของข้าวต้มกับผัก ปกติเขามิทานอาหารหยาบ ๆ แบบนี้หรอก ทว่าครานี้เมื่อได้กลิ่นท้องไส้ของเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา เขารู้สึกหิวกระหาย บัดปรารถนาที่จะได้กินข้าวต้มสักถ้วย
“พวกเราต้องช่วยเหลือตนเองเเล้วเเหละ ฉีซาน…เจ้าจงไปยกนายอำเภอผู้นั้นมา ข้าจะเอ่ยถามว่าโกดังของที่ว่าการมีข้าวเหลือเท่าใด”
บัดนี้หยางเว่ยเจ้าเมืองหวงถางยังมิได้กลับไป เมื่อได้ยินคำสั่งของเยี่ยนซีเหวิน เขาก็ตื่นตกใจพร้อมกับห้ามปรามอย่างรีบร้อน “นายท่านเยี่ยน การแย่งเสบียงจากโกดังของประเทศมีโทษประหารเก้าชั่วโคตรนะขอรับ ! ”
“กฎหมายรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าชีวิตอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ! เมื่อราษฎรตกอยู่ในเส้นคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นและความตาย การแย่งชิงโกดังของประเทศแค่นี้จะเป็นอันใดไป ? ”