นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1246 เกิดเรื่องขึ้นเเล้ว
ตอนที่ 1246 เกิดเรื่องขึ้นเเล้ว
เยี่ยนซีเหวินยังคงพำนักอยู่ในหมู่บ้านเซี่ยซานต่อไป
หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน !
เขาสั่งให้จางฉีซานนำขบวนชายหนุ่มในเมืองหวงถางกว่าหกร้อยคนข้ามภูเขาชูหยุนไปยังอำเภอเชียนซาน
พวกเขาจัดการกับทหารที่คอยคุ้มกันโกดังท่ามกลางสายตาของฝูงชน จากนั้นชายหนุ่มทั้งหกร้อยคนก็กวาดเสบียงข้าวจนหมดเกลี้ยงโกดัง เเล้วเดินทางกลับหมู่บ้านเซี่ยซานด้วยความดีใจ
สายตาของเฉียนฉงซู่ที่หม่นหมองยิ่งนักเพราะเขาอดอยากมาสามวันสามคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครา เขามั่นใจแล้วว่าคนพวกนี้จะต้องเป็นกองโจรอย่างแน่นอน เดิมทีเขาคิดว่าตนต้องจบชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านอันเปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ เอาล่ะ ! ตอนนี้เข้าทางเขาแล้ว เพราะเมื่อเกิดการโจรกรรมโกดังเสบียงของที่ว่าการ ข่าวนี้ย่อมเเพร่ไปถึงหูของใต้เท้าจง และใต้เท้าจงย่อมมิมีทางยอมให้ผู้ใดมาทำตัวกำเริบเสิบสานบนพื้นที่ของตนเองอย่างแน่นอน
อีกมินานนักทหารท้องถิ่นจะต้องเคลื่อนทัพมาที่นี่
ข้าก็จะถูกปล่อยให้เป็นอิสระในมิช้านี้ !
ถ้าข้าออกไปจากที่นี่ได้เมื่อใด เจ้าคนแซ่เยี่ยนนี่…ข้าจะจับเจ้าไปขังคุกแล้วสับให้ละเอียดเป็นชิ้น ๆ !
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง สายลับจากหอเทียนจีได้นำจดหมายของเยี่ยนซีเหวินส่งไปถึงพระหัตถ์ของฝ่าบาท
บัดนี้ขุนนางของฝ่ายตรวจการก็ได้เดินทางมาถึงแต่ละอำเภอ เเต่ละโจวของทั้งสองเต้าแล้วเช่นกัน
ส่วนคดีการโจรกรรมโกดังเสบียงของอำเภอเชียนซานก็ได้ไปถึงหูของจงสือจี้ในอีกสามวันให้หลัง
……
……
ณ จวนตระกูลจง ฉงโจว
ที่นี่เป็นจวนที่พักของขุนนางที่หรูหราอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนตรอกหนานเฟิงในเมืองฉงโจว
ประตูสีแดงขนาดใหญ่สองบานมีสิงโตหยกขาวหน้าตาดุดันกำลังคุกเข่าขนาบทั้งสองข้าง ทั้งสองข้างนั้นมีนายทหาร 8 นายในชุดเกราะสีสดยืนเรียงราย
ยามอาทิตย์อัสดง รถม้าคันใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยม้าลากสามตัวได้เดินทางมาถึงหน้าประตูจวนแห่งนี้ ภายใต้การคุ้มกันขององค์รักษ์
จงสือจี้เดินลงมาจากรถม้าด้วยสีหน้ามืดมน เขาหันหลังไปมองเเสงอาทิตย์อัสดงพลางหรี่ตาลง จากนั้นก็เดินสองมือไขว้หลังเข้าไปในจวนแห่งนั้น
เว่ยเซียงหานภรรยาของเขากระวนกระวายเดินกลับไปกลับมาในสวนดอกไม้ของเรือนหลัก
มีข่าวคราวถูกส่งมาจากเมืองฉางอันว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์จะดำเนินนโยบายพัฒนาชุมชน เเผนพัฒนาชุมชนนี้ถูกเอ่ยถึงมาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ว่ากันว่าบัดนี้เริ่มดำเนินการในพื้นที่ห่างไกลของต้าเซี่ยแล้ว ทว่ากลับกันที่ฉงโจวแห่งนี้ ไม่สิ ! ทั้งสองเขตของเยวี่ยซานเต้าดูเหมือนจะมิมีการเคลื่อนไหวอันใดทั้งสิ้น
นางได้ส่งคนไปสืบข่าวที่เมืองฉางอัน จำต้องผ่านอุปสรรคมากมาย นางถึงได้รู้ว่าฝ่าบาททรงมิพอพระทัยกับทั้งสองเขตของเยวี่ยซานเต้า เกรงว่าพระองค์ประสงค์ให้มีการล้างบางขุนนางในพื้นที่ก่อนที่จะดำเนินนโยบายนี้
นางพอจะรู้ว่าสามีของนางทำวีรกรรมอันใดมาบ้าง หากมิใช่เงินที่มาจากการทุจริต เขาจะเอาเงินจากที่ใดมาซื้อเรือนหลังใหญ่ถึงเพียงนี้ และคงมิมีเงินมาซื้อสมบัติมากถึงเพียงนั้นหรอก !
ทุกวันนี้ชีวิตเต็มไปด้วยความหรูหรา และตนก็เป็นฮูหยินที่มีคนเคารพมากที่สุดในเมืองฉงโจว
ชีวิตแบบนี้ดีกว่าชีวิตในหมู่บ้านบนป่าเขาตอนนั้นมิรู้ตั้งเท่าใด
นางลืมหมู่บ้านทุรกันดารที่เคยอยู่อาศัยจนสิ้น หลงคิดว่าตนคือหงส์ทองที่โผบินออกมาจากหมู่บ้านแห่งนั้น
แต่ละวันของนางว่างจนแทบมิต้องทำอันใด นอกเสียจากเล่นไพ่นกกระจอกกับพวกฮูหยินที่หวังมาประจบประแจงเท่านั้น พวกนางมักจะแกล้งทำเป็นพ่ายแพ้ ทั้งยังรู้สึกชอบอกชอบใจที่ตนเป็นผู้แพ้
พวกนางมักจะนำผ้าไหมที่ดีที่สุด เครื่องประดับที่ดีที่สุด อีกทั้งเครื่องสำอางที่ดีที่สุดและของอื่น ๆ มาให้นางเสมอ
นางรู้สึกว่าตนเป็นเหมือนจันทราที่สุกสกาว ส่วนคนอื่น ๆ คือดวงดาวที่คอยขับนางให้เด่นสง่าขึ้นมาก็เท่านั้น
ทว่าเรื่องที่สามีเอ่ยให้ฟังเมื่อวานดูเหมือนจะมิสู้ดีเท่าใดนัก สามีถึงขึ้นส่งลูกสองคนออกไปจากฉงโจว บอกว่าได้ส่งพวกเขาไปที่อำเภอเปาเฉิง
ท่านพ่อตาและท่านแม่ยายอาศัยอยู่ในเมืองเปาเฉิง เดิมทีสามีได้รับพวกเขามาอยู่ด้วยกันที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีปัญหาบางอย่าง สุดท้ายทั้งพ่อตาและเเม่ยายจึงจากไป ทั้งยังมิยอมกลับมาอีกเลย
สามีมิได้ชี้แจงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่าจากการที่นางได้รวบรวมข่าวสารในช่วงนี้ ความร้อนรนกระวนกระวายก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เมื่อจงสือจี้เดินเข้ามาถึงเรือนหลัก เว่ยเซียงหานจึงรีบเข้าไปต้อนรับแล้วถอดชุดขุนนางของเขาออก นางต้มชาเงียบ ๆ มิกล้าปริปากเอ่ยถามอันใด ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย รอคอยว่าจะได้รับฟังข่าวดี
“วันนี้มีอีกข่าวหนึ่ง” จงสือจี้ยกถ้วยชาขึ้นมาพลางเป่าไล่ความร้อน “โกดังเสบียงที่อำเภอเชียนซานถูกปล้นจนเกลี้ยง หัวขโมยพวกนั้นสมควรตาย มิรู้ว่าเฉียนฉงซู่มันเป็นนายอำเภอประสาอันใดกัน ! ”
“เมียข้า เจ้าบอกคนครัวให้ทำอาหารเถิด วันนี้ข้าอยากดื่มสุราเสียเหลือเกิน”
“อือ…ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเว่ยเซียงหานจากไป จงสือจี้ถึงได้ถอนหายใจยาวออกมา
เหยียนซีไป๋เต้าถายประจำเยวี่ยซานเป่ยเต้าได้ส่งจดหมายมาถึงเขาในวันนี้ ในจดหมายได้เขียนบอกว่าเสนาบดีเยี่ยนซีเหวินกำลังตรวจการอยู่ในเยวี่ยซานเป่ยเต้า !
เมื่อคนใหญ่คนโตเยี่ยงเสนาบดีมาถึงเยวี่ยซานเป่ยเต้า เช่นนั้นก็เกรงว่าเรื่องสกปรกที่เกิดขึ้นที่นี่จะปิดมิมิดเสียแล้วสิ
จดหมายฉบับนั้นยังบอกอีกว่าฝ่ายตรวจการและหอเทียนจีต่างก็กำลังเคลื่อนไหว เกรงว่าบัดนี้พวกเขาเดินทางมาถึงแต่ละอำเภอของเยวี่ยซานเป่ยเต้าแล้ว หรืออาจจะกระจายเข้าไปในแต่ละหมู่บ้านแล้วก็เป็นได้ !
ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะรู้ทันเข้าแล้ว และวิธีการแบบนี้ก็เป็นวิธีการที่ฝ่าบาททรงโปรดเสียด้วยสิ การแอบซุ่มหาหลักฐาน เมื่อมั่นใจว่าได้หลักฐานมัดตัวเมื่อใดก็จะเข้าจู่โจมเยี่ยงสายฟ้าฟาด
ควันจากถ้วยชาลอยโขมงจนบดบังการมองเห็น ความคิดของเขาหลุดลอยกลับไปในวันวาน
กลับไปตอนที่ยังอยู่บนทางสายเก่าจินหนิวในฉินหลิง
เขาได้บังเอิญพบกับติ้งอันป๋อหรือฟู่เสี่ยวกวนในเพิงพักของแม่ทัพหยู
ชะตาชีวิตของเขาได้ผันแปรไปหลังจากการบังเอิญพบกันในครานั้น
คิดถึงตอนนั้นที่เขาถูกฟู่เสี่ยวกวนเลื่อนตำแหน่งให้เป็นจือโจวประจำฉงโจว เขาได้ตั้งมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ตอนนั้นเขาและเซียงหานพักอาศัยอยู่ในที่พักขุนนาง แม้จะอยู่กันอย่างเรียบง่าย แต่ก็รู้สึกว่าทุกวันช่างมีความหมายเสียเหลือเกิน มิได้มีแต่ความทุกข์กังวลใจเยี่ยงทุกวันนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันเริ่มเปลี่ยนไปจากตรงที่ใดกันนะ ?
เป็นเพราะคำเอ่ยครานั้นของเต้าถายเหยียนเยี่ยงนั้นหรือ ?
หรือเป็นเพราะพ่อค้าข้าวรายใหญ่ของฉงโจววางเงินไว้เบื้องหน้าตนมากถึง 100,000 ตำลึง ?
หรือเป็นเพราะอ้อมกอดอันอบอุ่นของนางคณิกาผู้นั้นกันนะ ?
ตนก็จำมิได้แล้ว บางทีอาจจะใช่ทั้งหมดก็เป็นได้
ทุกวันนี้ตนมีสมบัติเท่าใดกันนะ ?
เขามิรู้ว่าตนเองมีทรัพย์สมบัติเท่าใด เพราะว่าที่มีอยู่นั้นมันช่างมากมายมหาศาลเสียเหลือเกิน
ที่จวนของเขามีห้องใต้ดินและในนั้นดูเหมือนจะมีแท่งเงินและทองคำกองสูงพะเนิน
ต้องลงไปดูสักหน่อย ทรัพย์สมบัติมากมายถึงเพียงนั้นยังมิถูกใช้ออกไป ต้องรีบคิดหาวิธีขนย้ายสมบัติพวกนี้โดยเร็วที่สุด
จำต้องส่งทรัพย์สินพวกนี้ไปให้พี่เขยใหญ่ พี่เขยใหญ่เว่ยอู๋ปิ้งมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าบาท ถ้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น สามารถขอให้พี่เขยใหญ่ไปเจรจากับฝ่าบาทได้ คาดว่าคงมิน่าจะนำภัยอันใดมาสู่ตน
จากนั้นก็นำอีกส่วนหนึ่งส่งไปให้ใต้เท้าเยี่ยน เพราะเขาเป็นถึงผู้แทนพระองค์ ถ้าหากเขายอมปิดปังเรื่องนี้ มิแน่ว่าฝ่าบาทอาจจะมิทราบเรื่องนี้ก็เป็นได้
ใช่เเล้ว ! จำต้องหาตัวใต้เท้าเยี่ยนให้พบเสียก่อน !
“ผู้ใดก็ได้เข้ามาพบข้าหน่อยสิ… ! ”
พ่อบ้านคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาเขา “จงถ่ายทอดคำสั่งของข้าว่าให้ขุนนางแต่ละอำเภอส่งคนไปค้นหาคนต่างถิ่น บอกพวกเขาว่าเมื่อหาพบแล้วให้รีบรายงานมาโดยด่วน อย่าได้สร้างความวุ่นวายใดขึ้นมาเป็นอันขาด ! ”
“รับทราบขอรับ บ่าวจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้ ! ”
เว่ยเซียงหานที่เดินเข้ามาพอดีจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “สามี…เรื่องมันร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
อาทิตย์อัสดงลับขอบฟ้า สายลมพัดพริ้วปลิวไสว จงสือจี้ฝืนยิ้มออกมา “เกิดเรื่องขึ้นแล้ว นำชุดคลุมมาให้ข้าหน่อยสิ”
เว่ยเซียงหานหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ให้จงสือจี้ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถ้าหากพวกเราเดินทางตอนนี้ทันหรือไม่ ? ”
จงสือจี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไปที่ใดกัน ? ”
“ไปเมืองเปาเฉิง ! ”
“…ข้าขอคิดก่อน ! ”