นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1255 ข่าวคราว
ตอนที่ 1255 ข่าวคราว
เหตุการณ์นี้ได้สั่นสะเทือนวงการขุนนางต้าเซี่ย
ทว่ามันมิได้สะเทือนถึงรากฐานของต้าเซี่ยแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยได้แถลงอย่างละเอียด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับราษฎร เชื่อมั่นว่าสิ่งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นเป็นความจริง
ด้วยเหตุนี้ต้าเซี่ยจึงเกิดการเคลื่อนไหวด้านกฎหมาย ทำให้แต่ละครัวเรือนได้เข้าถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำให้ราษฎรนับร้อยล้านคนของต้าเซี่ยได้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตน
ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วราษฎรมีสิทธิ์ที่จะควบคุมหน่วยราชการ !
หากขุนนางท้องถิ่นประพฤติตนมิเหมาะสม ราษฎรมีสิทธิ์ที่จะร้องเรียน เปิดโปงและควบคุม !
ถ้าหากขุนนางชั้นผู้ใหญ่มิอาจแก้ไขปัญหาได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะร้องทุกข์ต่อฝ่ายตรวจการแล้วถวายฎีกาต่อฝ่าบาท !
“นี่คือการควบคุม ! ”
“การควบคุมคือสิ่งใด ? มันคือการทำให้คนและสิ่งต่าง ๆ อยู่ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างส่องถึง ทำให้เป็นที่เข้าใจและรู้เห็นอย่างชัดเจนเยี่ยงไรเล่า”
“แล้วมันมีประโยชน์เยี่ยงไร ? ”
“ประโยชน์ของมันคือการที่ขุนนางแต่ละระดับมิกล้ายื่นมือเข้าไปฉกฉวยผลประโยชน์ หากพวกเขายื่นมือเข้าไปเมื่อใดก็จะถูกจับกุมในทันที ! พวกเขาจะต้องทำงานภายใต้การควบคุมของราษฎร ขอเพียงรู้จักผิดชอบชั่วดี ราษฎรย่อมให้การสนับสนุนพวกเขา ชื่นชมพวกเขา ยามที่พวกเขาต้องอำลาตำแหน่ง พวกเขาก็จะได้รับความนับถือจากราษฎรเป็นหมื่นแสน ! ”
“ลูกเอ๋ย ตอนที่เสนาบดีเยี่ยนเดินทางกลับมาจากเมืองหวงถาง ราษฎรในเมืองหวงถางก็ได้มอบความนับถือให้แก่เขาเช่นกัน”
“ราษฎรเหล่านั้นร้องห่มร้องไห้ พากันไปส่งเสนาบดีเยี่ยนออกจากภูเขาชูหยุน”
“สิ่งที่เสนาบดีเยี่ยนได้ทำลงไปถูกเล่าปากต่อปากจนแพร่หลายไปทั่วทั้งอำเภอเชียนซาน ราษฎรในอำเภอเชียนซานต่างก็นับถือและซาบซึ้งใจในการกระทำของเขา จนถึงขั้นทำป้ายขอพรจากเทพเจ้า1ให้กับเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ? ”
อู๋เทียนซื่อเงยหน้าขึ้นพลางตอบว่า “นั่นก็เพราะว่าเสนาบดีเยี่ยนช่วยเหลือราษฎรเหล่านั้นด้วยความจริงใจพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ถูกต้อง ! เขามิเพียงแต่ช่วยเหลือราษฎรเท่านั้น ทว่าเขายังนำความหวังมาให้เหล่าราษฎรเหล่านั้นอีกด้วย”
“แม้จะเป็นจักรพรรดิก็จำต้องอยู่ในการควบคุมดูแลเยี่ยงนี้เช่นกัน การมีอยู่ของคณะรัฐมนตรีถือเป็นการสร้างข้อจำกัดให้กับอำนาจของจักรพรรดิ ในเมื่อเป็นมนุษย์ เยี่ยงไรก็ต้องกระทำความผิด ความผิดของปุถุชนอาจจะเป็นภัยต่อคนหนึ่งคนหรือครอบครัวหนึ่งเท่านั้น ทว่าหากเป็นความผิดของจักรพรรดิ…มันอาจจะเป็นภัยต่อราษฎรทั้งประเทศ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนอธิบายร่ายยาวให้อู๋เทียนซื่อฟังอย่างตั้งใจ
แม้อู๋เทียนซื่อจะตั้งใจฟังทุกคำเอ่ย แต่ด้วยขีดจำกัดของอายุและประสบการณ์ ทำให้เขามิค่อยเข้าใจว่าเหตุใดอำนาจของจักรพรรดิถึงต้องมีข้อจำกัดมากมายด้วย
ภายใต้การสอนของเหวินสิงโจว เขารู้ว่าบนผืนปฐพีนี้ล้วนเป็นของจักรพรรดิ ทุกคนบนผืนปฐพีย่อมเป็นคนของจักรพรรดิเช่นกัน หมายความว่าในฐานะจักรพรรดิ ทุกสรรพสิ่งบนประเทศแห่งนี้ควรจะเป็นของตน ทว่าสิ่งที่เสด็จพ่อทรงตรัสกลับมิเป็นเช่นนั้น
ซึ่งเขารู้สึกว่าสิ่งที่เสด็จพ่อเอ่ยนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่เมื่อเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว มิว่าจะทำเรื่องอันใดก็ต้องผ่านมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อน เช่นนี้มิเท่ากับว่าได้สูญเสียความหมายที่แท้จริงของจักรพรรดิไปแล้วหรือ ?
ตนทำได้เพียงเสนอความคิดเห็นเท่านั้น จะดำเนินการต่อไปได้หรือไม่นั้นจำต้องดูมติของคณะรัฐมนตรีอีกที
ถ้าหากความคิดเห็นของตนถูกปัดตกไป หมายความว่าทุกสิ่งที่ตนเอ่ยไปจะไร้ความหมายใช่หรือไม่ ?
ในขณะที่อู๋เทียนซื่อกำลังสงสัยอยู่นั้น จี้หยุนกุยหัวหน้าหอเทียนจีก็เดินเข้ามาพอดี
“ฝ่าบาท ท่านฉ้ายจากหยูฝูจี้ได้ส่งข่าวสารมาพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม…ไหนลองเล่ามาสิ”
“คาดว่าน่าจะมีสายลับขององค์หญิงใหญ่อยู่ในเมืองอี้จวู่เมืองหลวงของแคว้นเย่หลางพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรกัน ? ” ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“สตรีนามว่าถานหงเย่ นางกำลังคบหากับองค์ชายชิวชิงหยุนแห่งแคว้นบรูไน ยามค่ำเมื่อวานนี้อู๋เหวินชิงได้เชิญชิวชิงหยุนไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ ในระหว่างสังสรรค์ เขาเอ่ยว่าจะเดินทางกลับแคว้นเย่หลาง ทว่าต้องอ้อมไปที่ฮุ่ยหลินจวินเพื่อรับสตรีนางหนึ่ง ! ”
“ฮุ่ยหลินจวินอยู่ห่างจากเมืองเปาเฉิงราวหนึ่งร้อยกว่าลี้ ทุกวันนี้จงสือจี้ยังมิได้สารภาพว่าเว่ยเซียงหานผู้เป็นภรรยาอยู่ที่ใด กระหม่อมจึงส่งสายลับไปยังเมืองเปาเฉิง เพื่อไปยังร้านค้าตระกูลเว่ย สายลับรายงานว่าพบจงเชียนบิดาของจงสือจี้ ทว่าจงเชียนได้บอกว่าเว่ยเซียงหานได้พาลูก ๆ ออกไปเเล้ว ! ”
“ถานหงเย่ยังบอกอีกว่าอู๋เหวินชิงมิอยากเดินทางออกจากเมืองฉางอันเลยสักนิด เขาเอาแต่บ่นสารพัดว่าจำต้องช่วยสตรีนางหนึ่งส่งของบางอย่างไปยังจักรวรรดิโมริยะอีกเป็นแน่ ตนเคยทำเช่นนี้มาก่อน จากการตรวจสอบหลักฐาน ค้นพบว่าคนของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์อาจจะเดินทางออกไปโดยอาศัยขบวนรถของอู๋เหวินชิงก็เป็นได้ ! ”
“ดังนั้นกระหม่อมจึงเห็นว่าแคว้นเย่หลางจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหยูซูหรงเป็นแน่ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบพลางครุ่นคิดชั่วครู่ “บัดนี้กองนาวิกโยธินเดินทางไปถึงจักรวรรดิโมริยะแล้วหรือยัง ? ”
“ทูลฝ่าบาท พวกเขาได้ข้ามภูเขาหิมะเข้าไปในจักรวรรดิโมริยะแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้ใดเป็นผู้บัญชาการ ? ”
“เฉิงเผิงผู้บัญชาการกองพลที่สองประจำกองนาวิกโยธินพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนนึกชื่อนี้มิออก คาดว่าน่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารคนใหม่ที่ไป๋ยู่เหลียนแต่งตั้งขึ้นมา
“ส่งสายลับจากหอเทียนจีเข้าไปจับตาดูแคว้นเย่หลางอย่างใกล้ชิด พบเว่ยเซียงหานเมื่อใดก็จงเชือดไก่ให้ลิงดู จากนั้นให้ตามหาสายลับของหยูซูหรง แล้วสืบหารายละเอียดต่อไป”
“ถ้าหากหยูซูหรงทิ้งสายลับเอาไว้จริงล่ะก็ จงไปตรวจสอบว่านางได้วางหมากเอาไว้ในประเทศเพื่อนบ้านของต้าเซี่ยด้วยหรือไม่ ข้าเกรงว่าจะมีสายของนางแอบแฝงอยู่ภายในต้าเซี่ยด้วยเช่นกัน”
“ค่อย ๆ ไต่เถาวัลย์เข้าไปหาแตงก็แล้วกัน หากกินแตงบนเถาวัลย์ให้สะอาดสะอ้านได้ก็จะดีมิน้อย”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“นั่งลงแล้วดื่มชาเถิด”
เมื่อสนทนาธุระเสร็จ จี้หยุนกุยจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฟู่เสี่ยวกวน
“มารดาของข้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ” เขาเอ่ยถามพลางรินชาให้จี้หยุนกุย
“ไทเฮาประทับอยู่ที่สำนักเต๋าทรงพระเกษมสำราญดีพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วชายอ้วนเล่า ? ”
“…พระองค์ทรงประทับอยู่ที่สำนักเต๋าเช่นกัน พระองค์ค่อนข้างจะยุ่งในแต่ละวัน”
ฟู่เสี่ยวกวนผงะ “เขายุ่งเรื่องอันใดกัน ? ”
“จักรพรรดิพระเจ้าหลวงโปรดปรานการทำอาหารยิ่งนัก วันทั้งวันเขาคิดแต่จะทำอาหารใหม่ ๆ ให้ไทเฮาเสวย”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า นี่ย่อมดีที่สุดอยู่เเล้ว หวังว่าความสัมพันธ์ของชายอ้วนกับสวีหยุนชิงจะลงเอยด้วยดี
“ฝ่าบาท…อาเรียจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ได้ส่งข่าวมาเช่นกัน นางบอกว่าหากพระองค์มีเวลาว่าง นางหวังให้พระองค์ไปหานางบ้าง”
“…นางดูแลลูกเพียงลำพัง นางลำบากอันใดหรือไม่ ? ”
“มิได้ลำบากอันใดพ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดินีได้ส่งนางในและขันทีจำนวนหนึ่งไปปรนนิบัติรับใช้นางแล้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองจี้หยุนกุยพลางเบิกตาโต “เจ้าหมายความว่าหยูเวิ่นหวินรู้เรื่องนี้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“แท้ที่จริง…จักรพรรดินีทรงทราบเรื่องแม่นางเถิงหยวนจี้เซียงที่เซียอี๋ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“จักรพรรดินีทรงทราบทุกสิ่งพ่ะย่ะค่ะ” จี้หยุนกุยเอ่ยเสริม
ฟู่เสี่ยวกวนเม้มปากแน่นพลางครุ่นคิดในใจว่าราตรีนี้คงต้องไปนอนที่ตำหนักของจักรพรรดินีเสียแล้วสิ
“เสด็จพ่อ…พวกท่านเอ่ยถึงเรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? แม่ใหญ่ทรงทราบเรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” อู๋เทียนซื่อเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“เรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าอย่ารู้ไปเลย”
“อ่า…” อู๋เทียนซื่อทำปากยู่ จากนั้นก็มิปริปากเอ่ยอันใดอีกต่อไป
“จงบอกอาเรียว่าเมื่อข้าออกเดินทางไกลในปีหน้า ข้าจะแวะพักที่เมืองอาเรีย”
“และอีกอย่าง ช่างเถิด ! พวกเรามาสนทนาธุระกันต่อเถิด บอกให้เฉิงเผิงระวังให้ดี เพราะหยูซูหรงนั้นรู้ถึงความเก่งกาจของกองนาวิกโยธินเป็นอย่างดี ทุกวันนี้คูฉานยึดครองได้ครึ่งค่อนจักรวรรดิโมริยะแล้ว เขามีทหารฝีมือดีรายล้อม และหยูซูหรงยังนำปืน 1,000 กระบอกติดตัวไปด้วย”
“ถ้าหากจับเป็นหยูซูหรงกลับมาได้จะดีที่สุด แต่ถ้าหากจับมามิได้…ก็จงสังหารเสียที่นั่น ! ”
“แจ้งสายลับที่รับผิดชอบส่งข่าวจากจักรวรรดิโมริยะว่าให้ติดตามสงครามในจักรวรรดิโมริยะอย่างใกล้ชิด”
ฟู่เสี่ยวกวนหยุดชะงักกลางคัน จากนั้นก็หันไปกำชับหลิวจิ่น “ไปเรียกจัวเปี๋ยหลีมาพบข้า”
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงสนพระทัยสงครามในจักรวรรดิโมริยะเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
1ป้ายขอพรจากเทพเจ้า เป็นการระลึกถึงผู้มีพระคุณและเพื่อขอพรให้คน ๆ นั้นมีความสุข มักใช้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่