นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1256 แผนการเดินทางสำรวจคราที่สอง
ตอนที่ 1256 แผนการเดินทางสำรวจคราที่สอง
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าแผนที่โลกขนาดใหญ่ซึ่งแขวนอยู่บนผนัง
นิ้วของเขาชี้ไปยังจักรวรรดิโมริยะ “คราก่อนข้าพบกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งมาซิโดเนียที่จักรวรรดิโมริยะด้วยล่ะ ! ”
จี้หยุนกุยลุกพรวดขึ้นมา เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของฟู่เสี่ยวกวน
“บนแผนที่นี้มิมีประเทศมาซิโดเนีย หรือว่าพื้นที่กว้างใหญ่ตรงนั้น…”
ฟู่เสี่ยวกวนลากนิ้วไปบนแผนที่พลางเอ่ยว่า “พื้นที่ตรงนี้น่าจะมีอีกมากมายหลายประเทศ ! ”
จัวเปี๋ยหลีมาถึงพอดี เขายืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวนพลางจ้องมองแผนที่
“อเล็กซานเดอร์นำกองทัพเข้ามาทางนี้ ! ตรงนี้เป็นทวีปยุโรป ส่วนจักรวรรดิมาซิโดเนียคาดว่าน่าจะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป”
“ข้าคิดว่า…ให้ส่งกองทัพไปสักหนึ่งกองทัพ จากนั้นให้ข้ามจักรวรรดิโมริยะไปแล้วเดินไปตามทิศทางนี้ นี่เป็นเส้นทางที่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์เดินทัพเข้ามา การเดินทางครานี้ย่อมมีสงครามปะทุขึ้นมาอย่างแน่นอน”
ฟู่เสี่ยวกวนหันกลับไป “มาเถิด มานั่งสนทนากัน”
ทั้งสามนั่งล้อมรอบโต๊ะชา อู๋เทียนซื่อแม้จะดูงุนงงแต่สายตาก็เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
“ให้ทางหอเทียนจีส่งคนไปรบแนวหน้า จงสำรวจแผนที่ให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อความสะดวกในการเดินทัพของกองทัพใหญ่ต้าเซี่ย ! ”
“อเล็กซานเดอร์นำทัพเข้ามาทางที่ราบฮอลต์ ซึ่งตั้งอยู่ทิศตะวันตกของจักรวรรดิโมริยะ ดังนั้นจงให้คนของหอเทียนจีออกเดินทางจากที่ราบฮอลต์ สำรวจเส้นทางไปถึงทวีปยุโรป ภารกิจนี้ต้องการกำลังคนจำนวนมหาศาล ต่อไปนี้ภารกิจหลักของหอเทียนจีมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น ! ”
“ส่วนกรมยุทธนาการ” ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองจัวเปี๋ยหลี “จงส่งกองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีข้ามภูเขาหิมะไปยังจักรวรรดิโมริยะเพื่อใช้เส้นทาง…ห้ามมิให้ปะทะหรือสู้รบกับจักรวรรดิโมริยะเว้นเสียแต่ว่ามีความจำเป็นจริง ๆ ”
“ให้กองทัพของกวนเสี่ยวซีเดินทัพไปทางตะวันตก เพื่อไปยังที่ราบฮอลต์เช่นเดียวกัน จากนั้นให้เดินทางไปตามเส้นทางที่หอเทียนจีค้นพบจนไปถึงทวีปยุโรป”
“นี่เป็นการสำรวจคราใหญ่ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้จัวเปี๋ยหลีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้เป็นวันที่หนึ่ง เดือนแปด ข้าให้เวลาเจ้าเตรียมความพร้อมอีกครึ่งปี ปีหน้าเดือนสาม กองทัพของกวนเสี่ยวซีจำต้องออกสำรวจอีกครา ! ”
“การออกสำรวจครานี้ กองทัพ 100,000 นายจำต้องนำกำลังพลติดตามไปด้วย 300,000 คน เพราะจำต้องขนเสบียงอาหารและกระสุนปืนจำนวนมหาศาล”
“ข้าหวังว่าสงครามในทวีปยุโรปครานี้จะยิ่งใหญ่ ! ”
“มิจำเป็นต้องกำจัดประเทศเหล่านั้นให้สูญสิ้น แต่จำต้องทำให้พวกเขายอมสวามิภักดิ์ต่อต้าเซี่ย ! เช่นนี้ถึงจะเป็นผลดีต่อการเจรจาทางการค้าในภายภาคหน้า ! ”
“กองทัพบกและกองทัพเรือจะออกเดินทัพพร้อมกัน ดังนั้นจะมิสามารถส่งข่าวรายงานหากันได้ กวนเสี่ยวซีจำต้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเอง จนกระทั่งพวกเราเดินทางไปรวมพลกันที่ทวีปยุโรป”
จัวเปี๋ยหลีตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขาคาดมิถึงว่าฝ่าบาทจะทรงริเริ่มสงครามที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ !
นี่น่าจะเป็นสงครามที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ต้าเซี่ย เกรงว่ากองทัพบกจะต้องเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นหมื่น ๆ ลี้ ส่วนทางทะเลเห็นทีจะต้องล่องเรือเป็นหมื่น ๆ ลี้เช่นกัน
พวกเขาจะต้องเดินทางไปยังดินแดนที่มิมีผู้ใดรู้จัก ในสนามรบย่อมมิมีผู้ใดหยั่งรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นบ้าง
หากชนะ ก็ถือว่าต้าเซี่ยได้ชนะโลกกว่าครึ่งใบ
แต่หากแพ้…ข้าศึกก็จะลงมือสังหารพวกเขาทุกคน ผืนปฐพีต้าเซี่ยซึ่งเป็นมาตุภูมิ ก็อาจจะต้องเผชิญกับการบุกรุกจากกองทัพของข้าศึกก็เป็นได้
“นี่มันมิเร่งรัดไปหน่อยหรือ ? กระหม่อมหมายความว่าพวกเราจะค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป มิได้หรือ ? ”
จัวอี้สิงคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของต้าเซี่ยยังมิจำเป็นต้องเผชิญกับความเสี่ยง เพราะเยี่ยงไรเสียต้าเซี่ยก็พัฒนาได้อย่างมั่นคงแข็งแรง ต้าเซี่ยมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมามิเว้นวัน ต้าเซี่ยจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาล่วงเลยไป
หากกองทัพเรือของต้าเซี่ยใช้แผ่นดินใหญ่ลีอาห์เป็นจุดสูญกลางแล้วค่อย ๆ เคลื่อนทัพไปข้างหน้า คงจะมีสักวันที่ต้าเซี่ยจะรุกคืบเข้าไปยังดินแดนที่ฝ่าบาทเรียกว่าทวีปยุโรปอันใดนั่น
ฟู่เสี่ยวกวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “มิเป็นไรหรอก กองทัพเรือมีเรือรบขนาดใหญ่ตั้ง 6 ลำ…อีกทั้งปืนไรเฟิลอัตโนมัติก็กำลังผลิตออกมาขนานใหญ่ ข้าเชื่อมั่นว่ายุทโธปกรณ์ของเราล้ำสมัยกว่าประเทศเหล่านั้น ผนวกกับความสามารถในการสู้รบของกองทัพบก พวกเราจะชนะขาดลอยอย่างแน่นอน”
“คาดว่าการออกเดินทางสำรวจครานี้อาจกินเวลานานหลายปี…”
เขาหันไปเอ่ยกับอู๋เทียนซื่อ “ถึงตอนนั้นเทียนซื่อจะรับหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ด้านการทหารมีจัวเปี๋ยหลีคอยช่วยเหลือ ส่วนด้านพลเรือนก็มีเสนาบดีทั้งสามฝ่าย และยังมีคณะรัฐมนตรีคอยหนุนหลัง ต้าเซี่ยย่อมแคล้วคลาดจากภัยพาลทั้งปวง”
“กระหม่อมเห็นว่าเรื่องนี้จำต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ! ”
“ไม่ ! เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว ! เจ้ามิต้องเอ่ยอันใดให้มากความ รีบเตรียมตัวเถิด ! ”
จัวเปี๋ยหลีลุกขึ้นอย่างจำใจ “เช่นนั้นให้แม่ทัพใหญ่ไป๋ยู่เหลียนนำกองนาวิกโยธินติดตามฝ่าบาทไปด้วย!”
“อืม…ตกลง”
“ส่งกองทัพบกไปเพียงกองทัพเดียวจะมิน้อยเกินไปหน่อยหรือ ? ”
“ไม่หรอก ! กองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีมิได้มีทหารเพียง 100,000 นายเท่านั้น ! ทว่าเขายังมีกองทัพอากาศอีก 20,000 นาย ให้พวกเขารวมทัพแล้วออกเดินทางไปด้วยกัน”
……
……
การเดินทางขึ้นเหนือครานี้มิใช่เพื่อยกทัพไปโจมตีจักรวรรดิโมริยะอีกต่อไป แต่เพื่อไปรบทัพจับศึกกับดินแดนอันไกลโพ้นต่างหาก
ข่าวนี้มิได้รู้กันอย่างแพร่หลายทั้งประเทศ รู้กันแค่ในแวดวงขุนนางชั้นสูงของต้าเซี่ยเท่านั้น
มีการผลิตยุทโธปกรณ์อย่างรวดเร็วอีกคราในต้าเซี่ย เนื่องจากมีคำสั่งจากกรมยุทธการและกรมคลังส่งมามิขาดสาย
การทำสงครามเป็นการแผลงแสนยานุภาพและพลาธิการของประเทศ ไหนจะเส้นทางทางทะเลอีกสองเส้นทางที่ยังรอการสำรวจอยู่อีกด้วย
โรงงานอาหารกระป๋องและอาหารสำเร็จรูปเพิ่มแรงม้าในการผลิตสินค้า เนื่องจากมียอดสั่งซื้อจากกรมยุทธนาการในปริมาณมหาศาล
หนังสือเกณฑ์กำลังพลถูกส่งไปยังเขตปกครองตนเองซีเซี่ยและหยวนเป่ยเต้า เพราะกำลังพลทั้งสามแสนคนนั้นมิสามารถให้ผู้ใดเข้ามาเป็นก็ได้
พวกเขาต้องมีร่างกายที่เเข็งแรงกำยำ และจำต้องได้รับการฝึกจากกองทัพบกที่หนึ่งอีกด้วย
โรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน กองทัพที่หนึ่งจะเป็นกองทัพแรกที่ได้ปืนยาวไรเฟิลอัตโนมัติรุ่นแรกไปใช้งาน
ส่วนปืนเหมาเซ่อที่ถูกโละทิ้งก็จะตกเป็นของกำลังทั้งสามแสนนาย เมื่อประสบกับเหตุการณ์ที่ยากเกินต้านทาน กำลังพลเหล่านี้จะสามารถช่วยสู้รบได้
ณ ห้องทรงพระอักษร ในพระราชวังต้าเซี่ย
ฉินโม่เหวินและหนิงหยู่ชุนนั่งลงฝั่งตรงข้ามของฟู่เสี่ยวกวน
“กระหม่อมมิเห็นด้วย ! ”
ฉินโม่เหวินเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน “แผนพัฒนาชุมชนเพิ่งจะเริ่มดำเนินการได้มินานเท่าใดนัก มีธุระให้สะสางมากมายภายในประเทศ ทว่าฝ่าบาทกลับคิดจะทำศึกที่มิเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ฝ่าบาท…ทำเช่นนี้มิหุนหันพลันแล่นไปหน่อยหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มร่าแล้วเอ่ยว่า “แท้ที่จริงตั้งแต่พวกเจ้าเดินทางออกไป ข้าก็มักจะครุ่นคิดถึงปัญหานี้อยู่เสมอ แม้ต้าเซี่ยจะมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน แม้ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้จะรองรับสินค้าของต้าเซี่ยได้ปริมาณมหาศาล แต่ข้าคิดว่าแค่นี้ยังมิพอ”
“เนื่องจากการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของต้าเซี่ย หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สองมาถึง พวกเจ้าจะค้นพบเองว่าสินค้าของต้าเซี่ยจะถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านมิขาดสาย และประเทศเหล่านั้นก็มิมีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการกับกำลังการผลิตอันแข็งแกร่งนี้”
“แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรืออาจจะหลายสิบปี พวกเราจำต้องบุกเบิกเส้นทางนี้”
“ที่นั่นจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ ! ใหญ่กว่าตลาดของประเทศเพื่อนบ้านหลายเท่าตัวเลยล่ะ ! ”
“พวกเราต้องออกไปทำสงครามเพื่อลงนามในสัญญาการค้ากับประเทศเหล่านั้น พวกเราจำเป็นต้องครองตลาดของประเทศเหล่านั้น เช่นนี้สิทธิ์ในการกำหนดราคาสินค้าถึงจะตกมาอยู่ในมือของพวกเรา ! ”
“นี่มิใช่ว่าข้าหุนหันพลันแล่นหรอก แต่เป็นเพราะข้า…ต้องการจะทำเพื่ออนาคตของต้าเซี่ยต่างหาก ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนพูดชี้แนะอย่างจริงใจ เสนาบดีทั้งสามต่างก็นิ่งเงียบทันพลัน
พวกเขาย่อมเข้าใจว่าการลงนามทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านจะนำผลประโยชน์มาให้ต้าเซี่ยมหาศาล หยุนซีเหยียนเคยเอ่ยเอาไว้ว่า…ถ้าหากมิใช่เพราะตลาดการค้าขนาดใหญ่ ถ้าหากมิได้ประเทศเหล่านั้นเป็นที่ถ่ายเทสินค้าและเงินตรา เศรษฐกิจของต้าเซี่ยก็เกรงว่าคงจะพังพินาศ !
ถ้าหากพื้นที่ว่างเปล่ามิมีตลาดอย่างที่ว่า วิกฤตเศรษฐกิจของต้าเซี่ยต้องปะทุขึ้นมาอย่างแน่นอน เศรษฐกิจต้าเซี่ยจะต้องเผชิญความกับเสื่อมถอย
“ต้าเซี่ยมีพวกเจ้า ข้าจึงวางใจได้ ! ”
“นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะทำเพื่อต้าเซี่ย แน่นอนว่าสิ่งที่ข้าหวังคือการทำให้บ้านเมืองเกิดเสถียรภาพ ให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบสุข ! ”