นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1263 ข่าวสะเทือนฟ้าดิน
ตอนที่ 1263 ข่าวสะเทือนฟ้าดิน
รัชสมัยต้าเซี่ยที่ห้า เดือนสาม วันที่หก
เเสงสุริยาสาดส่อง ท้องนภาสดใส พุ่มไม้เขียวขจีนกขมิ้นโผบินไปมา
วันเวลาผันเปลี่ยน ฤดูกาลก็เปลี่ยนผ่านไปเช่นกัน บัดนี้ได้วนมาวสันตฤดูอีกคราแล้ว ทว่าวันนี้กลับมิมีผู้ใดเดินทางออกนอกเมืองหลวงเลยสักคน
นั่นก็เพราะว่าพระราชวังเมืองฉางอันกำลังจัดงานประชุมราชสำนักคราสำคัญนั่นเอง !
ข่าวคราวการออกเดินทางไกลของฝ่าบาทได้เป็นที่ทราบกันทั่วทุกหย่อมหญ้าแล้ว ได้ยินมาว่าครานี้ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปยังสถานที่ที่ไกลกว่าเดิม เพื่อไปคว้าชัยเหนือประเทศเลียบชายฝั่งทะเลเหล่านั้น
ลือกันว่าฝ่าบาทจะทำให้ประเทศเหล่านั้นยอมสวามิภักดิ์ และทุกประเทศต้องลงนามในสัญญาการค้ากับต้าเซี่ย !
ซึ่งแน่นอนว่าฝ่าบาทย่อมกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับประเทศเหล่านั้น…ซึ่งกฎที่ว่าจะนำผลประโยชน์มาให้ต้าเซี่ยอย่างมหาศาล !
ถ้าหากฝ่าบาททรงดำเนินเรื่องนี้ได้สำเร็จ เช่นนั้นต้าเซี่ยก็จะผงาดขึ้นเป็นใหญ่อีกขั้น !
สินค้าของต้าเซี่ยจะถูกส่งไปไกลจนสุดขอบทะเล เรือของต้าเซี่ยจะโลดแล่นไปทั่วทุกมุมโลก
ทันใดนั้นราษฎรชาวต้าเซี่ยก็รู้สึกว่าใต้หล้านี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันพลัน วิสัยทัศน์ของพวกเขากว้างไกลมากยิ่งขึ้น เส้นทางเดินเรือที่ไกลที่สุดก่อนหน้านี้อย่างเส้นทางของแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ ก็เป็นเส้นทางที่ฝ่าบาททรงบุกเบิกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ฝ่าบาททรงออกสำรวจในครานี้ เส้นทางการค้าจะถูกปูทางไกลไปจนถึงที่ใดกัน ?
สุดขอบทะเลที่ว่านั่นมีหน้าตาเป็นเยี่ยงไร ?
แล้วผู้คนในประเทศนั้น ๆ มีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบใดกัน ?
นี่เป็นเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน !
เรื่องนี้มิเพียงเเต่เป็นที่สนใจของราษฎรต้าเซี่ยเท่านั้น แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านที่ต้าเซี่ยได้สานสัมพันธไมตรีก็ให้ความสนใจมิเเพ้กัน !
ถ้าหากต้าเซี่ยสำรวจเส้นทางทางทะเลอันยาวไกลนี้ได้สำเร็จ พวกตนในฐานะประเทศราชก็มีสิทธิ์ที่จะติดสอยห้อยตามขบวนเรือใหญ่ของต้าเซี่ยไปยังประเทศลึกลับเหล่านั้นเพื่อการค้าขายแล้วนำทรัพย์สินกลับมา !
บัดนี้การประชุมในพระราชวังยังมิแล้วเสร็จ ทุกคนในเมืองฉางอันต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย คณะทูตจากประเทศต่าง ๆ ที่มิได้รับเชิญเข้าไปร่วมงานประชุมในครานี้ก็รอคอยมิแพ้กัน
……
ณ ท้องพระโรงฉี่หมิง พระราชวังต้าเซี่ย
ด้านหน้าของท้องพระโรงฉี่หมิงมีลานขนาดใหญ่มหึมา ฮั่วหวยจิ่นได้นำทหารรักษาการณ์จำนวน 8,000 นายมาประจำการอยู่บริเวณนั้น 4,000 นายให้ประจำการณ์รอบท้องพระโรงฉี่หมิง ส่วนที่เหลืออีก 4,000 นายให้แบ่งออกเป็น 10 กองเพื่อลาดตระเวน
ฮั่วหวยจิ่นแบกปืนสีเงินไว้บนหลัง ในมือของเขามีปืนไรเฟิลอัตโนมัติ 1 กระบอก เขายืนอยู่นอกประตูท้องพระโรงดั่งทวารบาล
ในท้องพระโรงฉี่หมิงแน่นขนัดจนมิเหลือที่ให้นั่ง หรือแม้เเต่ที่ยืนก็ว่างอยู่มิมากนัก
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ขั้นสามขึ้นไปรวมทั้งคณะรัฐมนตรีต่างก็มาเข้าร่วมงานประชุมครานี้กันทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีราชทูตจากประเทศราชสิบกว่าประเทศ รวมถึงนักข่าวของสำนักพิมพ์ต้าเซี่ยอีกด้วย
ครานี้เป็นการประชุมที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่สถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมา
“เจิ้นได้อ่านรายงานการทำงานของศูนย์ราชการต้าเซี่ยตลอดทั้งสี่ปีเสร็จสิ้นแล้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนที่ยืนอยู่บนแท่นใจกลางท้องพระโรงได้วางสมุดในมือลง จากนั้นก็กวาดสายตามองฝูงชนที่แน่นขนัดอยู่เบื้องหน้า แล้วเอ่ยต่อว่า “ในปี่ที่สี่ของต้าเซี่ย พวกเราได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองกวนหยุนมายังเมืองฉางอัน พวกท่านได้นำเสนอนโยบายพัฒนาชุมชน บัดนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในเบื้องต้น”
“นโยบายพัฒนาชุมชนจำต้องดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลา 5 ปี เจิ้นหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะใส่ใจในทุกรายละเอียดของการดำเนินงาน พวกท่านต้องทำให้ราษฎรต้าเซี่ยทุกคนลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ ต้องทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีได้โดยแท้จริง ! ”
“ในส่วนของการค้า ต้าเซี่ยในปีที่สี่นี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม สินค้าของพวกเราได้รับการต้อนรับจากราษฎรของเราเอง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ”
“ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา…ต้าเซี่ยมิได้ลงนามข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม ทว่าพวกเราก็ได้สร้างเสถียรภาพทางการค้า สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้ต้าเซี่ยได้พัฒนาต่อไปในปีที่ห้าหรืออีกหลายปีต่อจากนี้”
“ด้านความเป็นอยู่ของราษฎร ต้าเซี่ยได้ยกเลิกการเก็บภาษีทางการเกษตรทั้งหมด ราษฎรมิจำเป็นต้องส่งข้าวเป็นภาษีอีกต่อไป รวมทั้งยกเลิกการเกณฑ์แรงงาน นี่ก็คือความก้าวหน้าคราใหญ่ของต้าเซี่ย เจิ้นหวังว่าพวกท่านจะรักษาไว้ซึ่งนโยบายนี้ตลอดไป ! ”
“ขุนนางของต้าเซี่ยทุกคนจะต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า…ราษฎรคือพื้นฐานของประเทศชาติ ! เมื่อราษฎรร่ำรวย ประเทศชาติก็จะร่ำรวย เมื่อราษฎรแข็งแกร่ง ! ประเทศชาติก็จะแข็งแกร่ง ! ”
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยจบ เสียงปรบมือก็ดั่งกระหึ่มท้องพระโรง
เสียงปรบมือดังลั่นมิขาดสาย ราวกับว่าเสียงของเขายังคงก้องอยู่ในหูของเหล่าขุนนาง
จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง
“ความดีความชอบนี้เป็นผลจากการสมัครสมานร่วมใจของทุกคน ต้าเซี่ยมิอาจหยุดชะงักลงได้ พวกเราจำต้องยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะก้าวไปต่อไปข้างหน้าอีก ! ”
“ดังนั้นเพื่อบุกเบิกเส้นทางการค้า ปีนี้…ต้าเซี่ยจะออกเดินทางสำรวจคราใหญ่ที่มิเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หน้าไหนในโลก ! ”
เมื่อเอ่ยเข้าหัวข้อนี้ ทุกคนก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อทันที
แม้จะเป็นขุนนางที่ทราบข่าวนี้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก็ตั้งใจฟังมิแพ้กัน
เพราะการฟังสิ่งที่ฝ่าบาททรงตรัสในห้องทรงพระอักษร และการฟังฝ่าบาทประกาศอย่างเป็นทางการในท้องพระโรงนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การประกาศในท้องพระโรงฉี่หมิงในวันนี้ เท่ากับว่าเรื่องนี้ถูกประกาศให้ทราบกันทั่วหล้า พวกตนที่เป็นขุนนางจำต้องมุ่งมั่นทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของพระองค์
“ทางบก กองทัพบกต้าเซี่ยที่หนึ่งได้เตรียมความพร้อมเสร็จสรรพและออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว”
“พวกเขาจะข้ามภูเขาหิมะไปยังจักรวรรดิโมริยะ…ครานี้เจิ้นมิได้เข้าไปบุกรุกจักรวรรดิโมริยะแต่อย่างใด เพียงจะใช้เส้นทางของจักรวรรดิโมริยะเดินทัพไปทางตะวันตก ! ”
“พวกเขาจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพื่อสำรวจทุกประเทศที่เดินทางผ่าน และสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตเบื้องต้น”
“เมื่อพวกเขาเดินทัพไปบนถนนตะวันตกจนสิ้นสุด ขุนนางของต้าเซี่ยค่อยเดินทางตามไป เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับพวกเขาอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็จัดการลงนามข้อตกลงทางการค้าให้แล้วเสร็จ”
“ส่วนทางน้ำ เจิ้นจะนำกองทัพเรือทั้งหกไปด้วยตนเอง เพื่อทำการสำรวจเส้นทางเดินเรือไปยังทวีปยุโรปซึ่งอยู่ไกลโพ้น”
“พวกเราจะนำเอาความจริงใจออกไปสร้างสัมพันธ์ไมตรีด้านการทูตและด้านการค้าเช่นเดียวกัน”
“เจิ้นมิโปรดปรานการสู้รบ...แน่นอนว่าถ้าหากมีความจำเป็น เจิ้นก็มิกลัวที่จะต้องไปสู้รบ ! ”
“การเดินทางครานี้คาดว่าจะกินเวลา 3 ปีโดยประมาณ หนทางนั้นยาวไกล เกรงว่าต้าเซี่ยจะมิได้ทราบข่าวคราวของเจิ้นเป็นเวลานาน”
“ประเทศชาติจะขาดจักรพรรดิไปมิได้แม้แต่วันเดียว เช่นนั้นก่อนจะออกเดินทาง เจิ้นจะขอใช้วาระการประชุมในครานี้ประกาศการตัดสินใจที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ! ”
หลังจากที่ฝ่าบาทได้พาองค์ชายใหญ่ติดตามพระองค์ไปด้วยทุกเเห่งหน ขุนนางในราชสำนักจึงเข้าใจได้ว่าบัลลังก์นี้จะถูกส่งต่อให้กับอู๋เทียนซื่อ
ตอนนี้คาดว่าฝ่าบาทจะประกาศแต่งตั้งอู๋เทียนซื่อขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เมื่อพระองค์เสด็จออกสำรวจก็จะมีอู๋เทียนซื่อคอยดูแลบ้านเมือง
เรื่องนี้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างเยี่ยนซีเหวินรู้ดี ทว่าเยี่ยงไรเสียสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ประกาศหลังจากนั้นได้เกินความคาดหมายของทุกคนไปมากโข
“เจิ้นขอประกาศว่า… นับตั้งเเต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้อู๋เทียนซื่อขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิพระองค์ต่อไปของต้าเซี่ย ! ”
“หือ… ! ”
เสนาบดีทุกคนรวมถึงราชทูตต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง !
พวกเยี่ยนซีเหวินต่างก็ตื่นตกใจจนหน้าซีดเผือด
ฝ่าบาทยังอยู่ในยุคทองของพระองค์เเท้ ๆ ส่วนองค์ชายใหญ่เพิ่งจะมีพระชนมพรรษาได้ 12 พรรษาเท่านั้น !
แม้องค์ชายจะคอยติดตามฝ่าบาทตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น !
แม้แต่อู๋เทียนซื่อที่อยู่ด้านหลังของฟู่เสียวกวนก็รู้สึกงุนงงยิ่งนัก ว่าเยี่ยงไรนะ ? ข้าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ข้าจะได้เป็นจักรพรรดิแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เสด็จพ่อคิดอันใดอยู่กันแน่ ?
ฟู่เสี่ยวกวนยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง “เรื่องนี้เจิ้นใคร่ครวญมานานแล้ว เพราะสุดท้ายต้าเซี่ยก็จะถูกส่งต่อให้อู๋เทียนซื่ออยู่ดี ต้าเซี่ยมีขุนนางมากความสามารถคอยช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ เจิ้นเชื่อมั่นว่าอู๋เทียนซื่อจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และเจิ้นก็เชื่อว่าต้าเซี่ยจะยิ่งเจริญมั่งคั่งภายใต้การร่วมมือกันบริหารของพวกเจ้าทุกคน ! ”