นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1283 ขับร้องกวีพลางร่ำสุรา
ตอนที่ 1283 ขับร้องกวีพลางร่ำสุรา
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนหนึ่ง วันที่สาม
หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกคราในช่วงค่ำ
เกล็ดหิมะได้ปกคลุมโคมเเดงในเมืองฉางอันจนขาวโพลน แต่ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ
โดยเฉพาะแสงไฟในตรอกปู๋เย้ หิมะสีขาวช่วยทำให้บรรยากาศภายในตรอกดูนุ่มละมุนขึ้นกว่าเดิม
รถม้าของหยุนซีเหยียนจอดอยู่ด้านหน้าหอหลิวหยุน เขาเดินลงมาพลางทอดสายตาไปมองแสงสีแดงนวลจากโคมไฟ จากนั้นถึงจะก้าวเท้าเข้าไปในหอหลิวหยุน
ราตรีนี้ซือหม่าเทาได้จัดงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันขึ้นที่นี่
แท้ที่จริง…คนที่ถูกเชิญมาทั้งหมดมิได้มาจากภูมิลำเนาเดียวกัน เพียงแต่ว่าทุกคนล้วนเคยเป็นชาวหยูทั้งสิ้น
อดีตชาวหยูที่รับราชการขุนนางมีหยุนซีเหยียน ชืออีหมิง ฟางเหวินซิงและเหอเชิงอัน เต้าถายสามคนที่กลับมารายงานผลการทำงานที่เมืองหลวง นอกเหนือจากนี้ยังมีฮั่วหวยจิ่นผู้เป็นหัวหน้าทหารรักษาการณ์
ส่วนเสนาบดีทั้งสามฝ่ายที่เป็นอดีตชาวหยูเหมือนกันนั้น…ซือหม่าเทามิกล้าเชิญมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
ดังนั้นงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันในวันนี้ส่วนมากจะเป็นพ่อค้า และแน่นอนว่าทั้งหมดย่อมเป็นสหายที่สนิทสนมกันดีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นโจ่งจี้ถังหรือหยูซิ๋งเจี่ยน
หยุนซีเหยียนเดินเข้ามาโดยมีสาวใช้เป็นคนนำทาง เขาเดินผ่านห้องโถงที่คึกคักคราคร่ำไปด้วยผู้คน จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังห้องส่วนตัวว่านจื่อเชียนหงซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสอง
ในนี้ก็คึกคักมากเช่นกัน ขณะนี้มีคนนั่งอยู่เต็มโต๊ะแล้ว
“ท่านเสนาบดีหยุน... ! ”
เมื่อเห็นแขกคนสำคัญเดินเข้ามา เหล่าพ่อค้าที่นั่งอยู่ก่อนแล้วจึงลุกขึ้นต้อนรับในทันใด เขาประคองมือเเล้วยิ้มทักทาย “เจ้ามาช้าที่สุด เจ้าจะต้องถูกทำโทษโดยการดื่มสุราสามจอก ! ”
หยุนซีเหยียนประคองมือขึ้นคารวะตอบ “ตกลงกันไว้แล้วว่าช่วงค่ำนี่ ข้ามาได้ตรงเวลาพอดี ส่วนเหตุผลที่ทำโทษโดยให้ดื่มสุราสามจอกดูจะมิสมเหตุสมผลนัก อีกอย่างสองสามวันนี้ข้าดื่มเยอะไปหน่อย พวกเรามาดื่มชากันมิดีกว่าหรือ ? ”
ทุกคนหัวเราะก๊ากออกมา หยุนซีเหยียนนั่งลงพลางจ้องมองไปทางซือหม่าเทา จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “การลงทุนของเจ้าในเมืองหวงถางหมู่บ้านเซี่ยซานเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ท่านเสนาบดีเยี่ยนเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่งนัก ! ”
ซือหม่าเทายิ้มหน้าเจื่อน จากนั้นก็ตอบว่า “เรื่องนี้…ตอนที่เต้าถายชืออีหมิงเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ เขาได้เรียกข้าไปสืบความเป็นไป วันนี้ข้าจะถือโอกาสอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านเสนาบดีหยุนและท่านเต้าถายชือฟังให้ละเอียด พวกเราสนทนาไปพลางดื่มสุราไปพลางเถิด นำสุรามาและจงไปเชิญแม่นางหรงตั่วเอ๋อร์เข้ามา”
ในห้องนี้มีสาวใช้คอยบริการทั้งสิ้นหกคน พวกนางเดินเข้ามารินสุรา ซือหม่าเทาจึงยกจอกสุราขึ้นมา สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนไป “การลงทุนนั้นแสนง่ายดาย ช่วงเวลาหลายปีมานี้ข้าได้กำไรมากมายจากช่วงขาขึ้นของต้าเซี่ย โจ่งจี้ถัง หยูซิ๋งเจี่ยนและหวางซุนอู๋หยาเองก็เหมือนกัน มิมีผู้ใดขาดทุนเลยสักคน”
“ข้าได้ทุ่มเงินก้อนแรกจำนวนสามสิบล้านตำลึงตามที่ท่านเสนาบดีเยี่ยนต้องการแล้ว หลัก ๆ คือซื้อต้นหม่อนไปแจกจ่ายให้กับราษฎร ให้พวกเขาเลี้ยงตัวหม่อน หลังจากนั้นก็นำมาสร้างโรงงานและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ บอกตามตรงเลยว่าข้าได้สร้างโรงงานขึ้นมาเเล้ว ทว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังมิได้จัดหาซื้อ”
“เพราะจำเป็นต้องรอให้ต้นหม่อนเติบใหญ่ และต้องรอให้ถนนบนภูเขาหยุนตัดเสร็จเสียก่อน...ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องรอราวสามถึงห้าปี”
“เช่นนี้ถึงจะสรุปได้ว่าการลงทุนที่เมืองหวงถางนั้นเป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าอยากจะเห็นผลลัพธ์ก็อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย แน่นอนว่าข้าก็มิได้รีบร้อน เพราะเมื่อใดที่การลงทุนครานี้สำเร็จ มันย่อมส่งผลดีต่อชาวเมืองหวงถางอย่างแน่นอน และมันย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจของข้าด้วยเช่นกัน…เพราะที่นั่นแทบจะมิมีการแข่งขันเลย ! ”
“ท่านเสนาบดีหยุน สิ่งที่ค้ำคอมากที่สุดก็เห็นจะเป็นถนนบนภูเขาเส้นนั้นนั่นแหละ ! ”
“เต้าถายชือได้ส่งจดหมายไปยังกรมโยธาธิการหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเต้าถาย บัดนี้กรมโยธาธิการได้ก่อตั้งทหารช่างขึ้นมาเสร็จแล้วมิใช่หรือ ? วันนี้ที่เชิญพวกเจ้ามาก็มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงด้วยเช่นกัน…เพราะเยี่ยงไรเสียพวกเจ้าก็เป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาท อ้อ…ไม่สิ ! พวกเจ้าเป็นขุนนางที่ได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่งจากจักรพรรดิพระเจ้าหลวง ! ”
“พวกเจ้าจงเข้าไปเป็นปากเสียงให้กับข้า ข้าคิดว่ากรมโยธาธิการคงจะส่งคนเข้าไปหลังจากผ่านปีใหม่นี้ไป เดิมทีการก่อสร้างถนนถือเป็นภารกิจที่ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะแล้วเสร็จ เช่นนั้นคงมิต้องเอ่ยถึงว่าการสร้างถนนบนภูเขาหยุนนั้นจะยากเย็นเพียงใด”
“เมื่อฝ่ายราชการกลับไปทำงานตามปกติเเล้ว ข้าใคร่ขอให้เจ้าเป็นปากเสียงแทนพวกเรา เพราะการก่อสร้างถนนปกตินั้นต้องใช้ระยะเวลานาน ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงการก่อสร้างถนนบนภูเขาหยุนเลย”
“มา… ข้าขอคารวะเจ้าหนึ่งจอก เจ้าจงจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ! ประการแรกเพื่อธุรกิจของตระกูลซือหม่าของข้า ประการที่สอง…ก็เพื่อราษฎรชาวเชียนซานทุกคน”
หยุนซีเหยียนฟังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ เขาเคยหารือเรื่องนี้กับพวกชืออีหมิง จัวหลิวหวินและเหอเชิงอันตอนที่พวกเขามาเยี่ยมเมื่อวานนี้
ฟู่เสี่ยวกวนได้จัดการก่อนที่จะเดินทางไกล เขาได้มอบหมายให้ทหารช่างของต้าเซี่ยซึ่งอยู่ภายใต้กรมยุทธการโดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบ ทว่าภาระหน้าที่ต่าง ๆ นั้นจะถูกมอบหมายโดยกรมโยธาธิการ
ซึ่งก็หมายความว่าถ้าหากกรมโยธาธิการต้องการให้ทหารช่างเข้าไปสร้างสะพาน พวกเขาต้องแจ้งเรื่องนี้ผ่านกรมยุทธการ แล้วให้กรมยุทธการส่งทหารช่างที่มีความรู้เฉพาะทางเข้าไปปฏิบัติภารกิจนี้
ในเบื้องต้นก่อนที่จะหยุดราชการ เสนาบดีทั้งสามฝ่ายได้เรียกกรมโยธาธิการ กรมยุทธการและกรมขุนนางเข้ามาประชุมขนาดย่อม และเยวี่ยซานเป่ยเต้าก็ได้รับการเห็นชอบให้เป็นพื้นที่ที่ต้องได้รับการแก้ไขเป็นอันดับแรก
ดังนั้นเรื่องนี้ซือหม่าเทาแทบจะมิต้องเป็นกังวลเลย
“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ทั้งเสนาบดีฉินและเสนาบดีหนิงได้จัดการเรื่องนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทางกรมคลังมีการจัดตั้งบัญชีเฉพาะการขึ้นมา เงินทุนทั้งหมดได้รับการจัดสรรเรียบร้อยแล้ว…จากงบประมาณที่คาดการณ์ คาดว่าหากต้องการเชื่อมเส้นทางเยวี่ยซานหนานเต้าและเยวี่ยซานเป่ยเต้าเข้าด้วยกันนั้นจำต้องใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งพันห้าร้อยล้านตำลึง ! ”
เมื่อซือหม่าเทาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันพลัน
“ขอบพระคุณเสนาบดีหยุนเป็นอย่างยิ่ง ! มา ๆ ๆ กว่าจะรวมตัวกันได้นั้นช่างมิง่ายเลย พวกเราวางเรื่องงานทิ้งไว้ก่อนเถิด หมดจอก ! ”
เมื่อสุราตกถึงท้องก็มีเสียงประตูเปิดดังขึ้นมา จากนั้นก็มีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีแดงสละสลวยเดินเข้ามาในห้อง !
หญิงสาวผู้นั้นก็คือหรงตั่วเอ๋อร์ นางคณิกาชื่อดังจากหลิวหยุนถายนั่นเอง !
นางยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคนอย่างมิเคอะเขิน จากนั้นก็ถอนสายบัวพร้อมทำความเคารพด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยอย่างฉะฉานว่า “ทุกท่านที่เคารพ บ่าวใคร่ขออวยพรให้ทุกท่านสุขสันต์ในวันปีใหม่ ! ”
“ได้สิ…มา ๆ ๆ ๆ หรงตั่วเอ๋อร์เอ๋ย แขกในวันนี้ล้วนแต่มิธรรมดาทั้งสิ้น เจ้าจงรินสุราให้พวกเขาคนละจอกเถิด เมื่อได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากพวกเขา ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องดังเป็นพลุแตกเป็นแน่ ! ”
ซือหม่าเทายื่นมือออกไปกวักเรียกพลางส่งขวดสุราไปให้หรงตั่วเอ๋อร์ หยุนซีเหยียนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าเจ้าหมอนี่ดูสนิทสนมกับหรงตั่วเอ๋อร์มากยิ่งนัก !
หรงตั๋วเอ๋อร์ส่งยิ้มเฉิดฉายออกมา “นอกจากนายท่านหยู นายท่านจ้งและนายท่านหวางซุน บ่าวก็มิรู้จักใครอื่นทั้งสิ้น ต้องขอรบกวนให้นายท่านซือหม่าช่วยแนะนำทุกท่านให้ข้ารู้จักด้วยเถิด”
หยุนซีเหยียนตกตะลึงไปชั่วขณะ เเต่ก่อนเมื่อรวมตัวกันดื่มสุราที่หอนางโลม หญิงสาวเหล่านี้ก็มักจะเรียกตนว่าคุณชาย ทว่าวันนี้กลับถูกเรียกเป็นนายท่านเสียแล้ว…เด็กหนุ่มเมื่อหลายปีก่อนต้องกลายมาเป็นชายวัยสามสิบกว่าในวันนี้ !
เขารู้สึกเขินอายอย่างห้ามมิได้ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน
ซือหม่าเทาแนะนำสหายร่วมโต๊ะทีละคน ส่วนหรงตั๋วเออร์ก็รินสุราให้ทีละคน ครู่หนึ่งหลังจากนั้น หลังจากที่สุราทั้งหกจอกได้ตกลงถึงท้อง ใบหน้าของนางก็เริ่มแดงเรื่อขึ้น นี่ยิ่งทำให้นางดูงดงามเป็นทวีคูณ
“การที่ได้มีโอกาสรู้จักท่านผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ ถือเป็นบุญของบ่าวตั้งแต่เก่าก่อน วันนี้ตั่วเอ๋อร์จะขอเล่นทำนองเพลงที่โด่งดังมาสักพักใหญ่เเล้ว”
หรงตั่วเอ๋อร์นั่งลงหน้าฉิน จากนั้นก็วางสองมือเอาไว้บนนั้น “และทำนองเพลงนี้ก็คือบทกวีร่ำสุราที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงประพันธ์เอาไว้ ! ”
เสียงฉินบรรเลงคลอ หรงตั่วเอ๋อร์เริ่มเปล่งเสียงร้อง
“ท่านมิเห็นหรือ ผมหงอกขาวที่ชวนโศกเศร้าอาดูรเมื่อส่องกระจก ยามเช้าผมดำสลวยดุจใยไหม ยามค่ำกลับขาวโพลนปานหิมะ
ชีวิตคนเราเมื่อมีสุขก็จงสุขเต็มที่ อย่าปล่อยให้จอกสุราทองว่างเปล่าต่อหน้าจันทรา
ฟ้ากำหนดข้ามาแน่นอนล่ะว่าข้าต้องสร้างประโยชน์มิทางใดก็ทางหนึ่ง เงินทองใช้หมดย่อมหาใหม่ได้…”
แน่นอนว่าพวกหยุนซีเหยียนย่อมคุ้นเคยกับกวีบทนี้เป็นอย่างดี
เมื่อได้ฟังทำนองเพลงอันไพเราะ ก็ทำให้เขาหวนคิดถึงเมื่อคราที่เคยร่วมกินหม้อไฟด้วยกัน
ตั้งแต่โบราณกาลคนที่มากความสามารถล้วนมีชะตาโดดเดี่ยว มีเพียงบทกวีเท่านั้นที่จะมีชื่อเสียงยืนยาว…
ฟู่เสี่ยวกวน เจ้าเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ เจ้าจะรู้สึกโดดเดี่ยวบ้างหรือไม่ ?
บัดนี้เจ้าน่าจะเดินทางไปถึงแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แล้วสินะ ?
เจ้ายังอยากดื่มสุรากับสหายเก่าอยู่หรือไม่นะ ?