นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1284 พบเจอสหายเก่าในต่างแดน
ตอนที่ 1284 พบเจอสหายเก่าในต่างแดน
วันนี้พระราชวังเมืองอาเรียมีความคึกคักอย่างที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน !
หลังจากที่ฟู่เสี่ยวได้พักผ่อนที่เมืองอาเรียเป็นเวลาสองวัน เขาก็กลับมามีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่าดังเดิม เขาได้ตัดสินใจจัดงานเลี้ยงฉลองในพระราชวังของค่ำวันนี้ !
งานเลี้ยงครานี้มิเพียงแต่เชิญจักรพรรดิทั้งสามแคว้นมาเข้าร่วมเท่านั้น ทว่าเขายังเชื้อเชิญขุนนางต้าเซี่ยรวมไปถึงพ่อค้าที่มีชื่อเสียงซึ่งประจำการอยู่ในเมืองอาเรียมาร่วมงานด้วย
ไป๋ยู่เหลียนได้ศึกษาแผนผังตึกรามบ้านช่องในเมืองอาเรียแห่งนี้อย่างดีแล้ว เขาได้จดจำสิ่งก่อสร้างทั้งหมดเอาไว้ในหัว โดยเฉพาะพระราชวังแห่งนี้
เขาได้จัดทหารสองหมื่นนายเอาไว้ทั่วเมือง ส่วนตัวเขานั้นคอยรักษาความปลอดภัยให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน
อยู่ ๆ เจ้าหมอนี่ก็คิดอยากจะจัดงานรื่นเริงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไป๋ยู่เหลียนจึงจำเป็นต้องทำตัวให้หูตาว่องไวเพื่อคอยรักษาความปลอดภัยให้แก่เขา
“เสี่ยวไป๋เอ๋ย บัดนี้ข้าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงแล้ว อีกอย่างข้าก็มีซูเจวี๋ยและซูม่อคอยอยู่ข้าง ๆ เจ้าจำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ ? ”
“เรียกข้าว่าเหล่าไป๋ ! ”
ไป๋ยู่เหลียนเอ่ยต่ออีกว่า “ก็ตกลงกันแล้วนี่ว่าความปลอดภัยทั้งหมดของเจ้าจะต้องมีข้าเป็นผู้ดูแล เจ้าก็จัดงานของเจ้าไป ส่วนข้าจะคอยรักษาความปลอดภัยให้แก่เจ้า พวกเราต่างมิก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ! ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนยังจะเอ่ยอันใดได้อีกกัน ?
“เอาเถิด เอาที่เจ้าสบายใจก็แล้วกัน มาดื่มชากันสักถ้วยสิ”
“นี่เป็นเวลาปฏิบัติหน้าที่ เจ้าดื่มเองเถิด ข้ามิดื่ม ! ”
“……” ฟู่เสี่ยวกวนเหล่สายตาไปมองไป๋ยู่เหลียน “เหล่าไป๋เอ๋ย ราตรีนั้นที่พวกเราพบกันในเรือนซีซาน ราตรีนั้นเจ้าดื่มสุราลำพังอยู่บนหลังคาราวกับหมาป่าอ้างว้าง…เจ้ายังจำได้หรือไม่ ? ตอนนั้นเจ้าคิดอันใดอยู่หรือ ? ”
ไป๋ยู่เหลียนผงะพลางคิดทบทวนความทรงจำ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงตอบกลับมาว่า “ตอนนั้นข้ากำลังคิดว่าหนทางอยู่ที่ใด ! ”
“……” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยอันใดมิออก หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยต่อว่า “ข้าเพิ่งค้นพบในตอนนี้เองแหละว่าเจ้าน่ะกลิ่นตัวเหม็น ! ”
ไป๋ยู่เหลียนถลึงตาใส่เขาหนึ่งครา ทว่ามิได้ตอบโต้แต่อย่างใด
……
……
งานเลี้ยงครานี้ใช้ห้องโถงในพระราชวังถึงสี่ห้องด้วยกัน เพราะเยี่ยงไรเสียบัดนี้ก็เป็นช่วงฤดูหนาว มิสามารถจัดงานเลี้ยงนอกอาคารได้
ในห้องโถงใหญ่มีการจัดวางโต๊ะเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ในห้องโถงแห่งนี้คือห้องที่ปฐมจักรพรรดิและขุนนางชั้นผู้ใหญ่รวมไปถึงประมุขทั้งสามแคว้นร่วมฉลองด้วยกัน
ส่วนห้องโถงฝั่งตะวันตกได้จัดโต๊ะทั้งสิ้นสิบตัวด้วยกัน ห้องนี้มีไว้ต้อนรับเสนาบดีของประมุขทั้งสามแคว้นรวมไปถึงพ่อค้าคนอื่น ๆ ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้มาร่วมงาน ส่วนห้องโถงฝั่งตะวันออกสำหรับเหล่าพระสนมโอรสและธิดาของปฐมจักรพรรดิ รวมไปถึงบรรดาคู่ครองของเสนาบดีและพ่อค้าทั้งหลาย
นางในยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมการมาตั้งแต่เช้าตรู่โดยมีอาเรียเป็นผู้สั่งการ นางถึงขั้นจ้างพ่อครัวจากหอซื่อฟางสาขาเมืองอาเรียมาทั้งหมด
ทว่าสิ่งนี้มิได้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนประหลาดใจเท่าใดนัก เพราะมากกว่าครึ่งของร้านรวงบนผืนปฐพีแห่งนี้ล้วนเป็นกิจการของต้าเซี่ย
อาทิเช่น ถนนเทียนตู สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นถนนเส้นที่เจริญที่สุด มีร้านขายผ้าไหมและผ้าแพรต่วนของโรงงานทอผ้าจิ่นซิ่วตั้งอยู่บนถนนเส้นนั้น
โรงงานทอผ้าจิ่นซิ่วถือกำเนิดขึ้นที่เมืองว่อเฟิง และเถ้าแก่ของหอจิ่นซิ่วในปัจจุบันนี้ก็คือหวังฉาวเฟิงนั่นเอง !
พวกเขาเปิดร้านในเมืองอาเรียได้สองปีแล้ว เมื่อปลายปีก่อน หวังฉาวเฟิงได้พาจังชีเยวี่ยเดินทางมาที่นี่
เขาได้มีโอกาสพบสหายเก่าถึงสองคนด้วยกัน คนแรกก็คือบุตรชายของท่านเฉียวผู้มีนามว่าเฉียวฉู่สือ ส่วนคนที่สองคือเฉินชิงอีศิษย์คนโปรดของอดีตผู้จัดการธนาคารซื่อทงหลี่จินโต้ว !
ตอนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงเสด็จมาถึงเมืองอาเรียเมื่อสองวันก่อน พวกเขาก็ได้รวมตัวโห่ร้องด้วยความดีใจอยู่นานนม แต่เนื่องจากมีผู้คนแน่นขนัด คิดว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงคงมองมิเห็นตน
วันนี้เฉียวฉู่สือได้นัดหมายกับเฉินชิงอีมารวมตัวกันที่จวนของหวังฉาวเฟิงตั้งแต่เช้าตรู่
ซึ่งจวนของเขาตั้งอยู่ด้านหลังของโรงงานทอผ้าจิ่นซิ่วนั่นเอง แม้ว่าจวนของเขาจะมิใหญ่มากนัก แต่ก็เป็นจวนที่ตกแต่งได้อย่างวิจิตรงดงามยิ่งนัก
จังชีเยวี่ยรับหน้าที่ต้มชาให้กับทุกคน จากนั้นทั้งสี่ก็นั่งลงด้วยความรู้สึกใจหาย
“การเปลี่ยนแปลงนี้…ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ”
เฉินชิงอีมิใช่เด็กหนุ่มเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ใต้คางของเขาเริ่มมีเครางอกออกมาสั้น ๆ บัดนี้เขากำลังลูบเคราสั้น ๆ ของตนเองพลางเอ่ยว่า “ปีนั้นข้าได้ติดตามท่านอาจารย์จากเมืองจินหลิงไปยังธนาคารซื่อทงสาขาที่สองในเมืองว่อเฟิง วันนั้นเป็นรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนแปด วันที่หนึ่ง ข้ายังจำได้ดี ธนาคารซื่อทงได้ก่อตั้งขึ้นบนถนนเจิ้งตง ถนนที่ได้ชื่อว่าเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด”
“เขาเดินทางมาแขวนป้ายเปิดธนาคารด้วยตนเอง ! ”
“ในตอนนั้นเขายังดำรงตำแหน่งเป็นติ้งอันป๋อแห่งราชวงศ์หยู และเป็นเต้าถายประจำว่อเฟิงเต้า ทว่าสองปีให้หลังจากนั้น เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ ! ”
“หลังจากนั้นท่านอาจารย์ได้เดินทางไปเปิดธนาคารสาขาที่สามประจำเมืองกวนหยุน ณ ราชวงศ์อู๋”
“อีกสองปีหลังจากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา จากห้าแคว้นได้กลายเป็นหนึ่งประเทศ เขาได้สถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมา ! ธนาคารซื่อทงถูกเปลี่ยนชื่อคราแรก กลายเป็นสถาบันทางการเงินแห่งเดียวของต้าเซี่ย เขาได้เปลี่ยนชื่อมันเป็นธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ย ! ”
“หลายปีมานี้ ข้าได้เดินทางไปหลายแห่งตามคำสั่งของท่านอาจารย์ อาทิเช่น เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวน เขตปกครองตนเองซีเซี่ย หยวนตงเต้าและหยวนเป่ยเต้า ธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ยได้แตกหน่อไปทุกหนแห่งจนครอบคลุมด้านการเงินทั้งหมด”
“เนื่องจากท่านอาจารย์ก็แก่ตัวลงเรื่อย ๆ แล้ว ท่านจึงได้สละตำแหน่งผู้จัดการธนาคารแล้วแต่งตั้งศิษย์พี่หลี่ฉายขึ้นเป็นผู้จัดการธนาคารคนใหม่ ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าเดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แห่งนี้ มิใช่เพื่อก่อตั้งสาขาของธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ย แต่มาเพื่อก่อตั้งธนาคารซื่อทง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด ? ”
หวังฉาวเฟิงและคนอื่น ๆ มิเคยได้ยินเรื่องนี้จากปากของเฉินชิงอีมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เฉินชิงอีฉีกยิ้มเป็นคำตอบ แต่ก็มิได้อธิบายถึงสาเหตุ เพราะนี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท !
ก่อนที่เขาจะเดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ ฟู่เสี่ยวกวนเคยนัดพบเขาอย่างลับ ๆ หนึ่งครา ทว่ามิได้นัดที่เมืองฉางอัน เพราะตอนนั้นยังมิได้ย้ายมาที่เมืองหลวงแห่งใหม่ ทั้งสองได้นัดพบกันอย่างลับ ๆ บนจายซิงถาย ณ เมืองกวนหยุน
ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินกิจการของธนาคารซื่อทงเน้นธุรกรรมด้านการเงินเป็นหลัก เพียงแต่ธุรกรรมนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว เนื่องจากเน้นจัดการกับเงินในคลังส่วนตัวของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงเป็นหลัก อย่างเช่นภูเขาทองคำลูกนั้นที่เคยซ่อนตัวอยู่ใต้จายซิงถายนั่นเอง !
แน่นอนว่าทุกวันนี้ภูเขาทองคำมิได้อยู่ใต้จายซิงถายอีกต่อไปแล้ว ภูเขาทองคำลูกนี้ถูกส่งมายังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์อย่างลับ ๆ โดยการจัดการของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงนั่นเอง และทุกวันนี้มันถูกวางอยู่ในคลังใต้ดินของธนาคารซื่อทงสาขาเมืองอาเรีย !
ตอนนั้นเฉินชิงอีก็มิรู้สาเหตุว่า…เหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงขนย้ายทองคำมาที่นี่ แต่เมื่อข่าวการสละราชบัลลังก์แพร่มาถึงหูของเขา เขาก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดทันที
นั่นเป็นเพราะพระองค์ต้องการวางแผนสละราชบัลลังก์นั่นเอง !
คราหนึ่งเขาเคยบอกว่าจะไปบุกเบิกพื้นทวีปแห่งใหม่ และภูเขาทองคำลูกนั้นก็เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเอง เขามิได้หยิบเงินของต้าเซี่ยออกมาใช้แม้แต่อีแปะเดียว เขาจะใช้เงินมหาศาลก้อนนั้นเป็นทุนในการบุกเบิกและพัฒนาพื้นทวีปแห่งใหม่
เมื่อปีกลายธนาคารซื่อทงสาขาเมืองอาเรียมีเงินเข้ามามากถึงหนึ่งพันล้านตำลึง นี่เป็นการรวมทุนของกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) โดยมีท่านอาจารย์หลี่จินโต้วเป็นผู้จัดการนั่นเอง ทุกวันนี้จักรพรรดิพระเจ้าหลวงได้พาพระสนมเดินทางออกมาจากต้าเซี่ย ดังนั้นหน้าที่ในการดูแลกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) จึงตกเป็นของหลี่จินโต้วไปโดยปริยาย
ท่านอาจารย์มีบุตรชายสี่คน สามคนเป็นผู้จัดการระดับสูงของกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) คราหนึ่งท่านอาจารย์ได้บอกไว้ว่าตระกูลของเขาเพียงตระกูลเดียวต้องควบคุมเงินของต้าเซี่ยทั้งประเทศ !
นี่เป็นความไว้วางใจของฝ่าบาท ซึ่งนับว่ามีพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก !
“ท่านเฉิน หรือเป็นเพราะอิงเทียนกัน ? ” หวังฉาวเฟิงที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
“ประมาณนั้นแหละ ดังนั้นเจ้าคว้าโอกาสทางการค้าคราต่อไปไว้ให้ดี ๆ ล่ะ ! ”
ในตอนนั้นเองผู้จัดการประจำโรงงานทอผ้าจิ่นซิ่วได้เดินนำคนแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามา
“ไอหยา…ทั้งสามท่านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดีเลย” คนแปลกหน้าผู้นั้นคือทหารประจำเมืองอาเรีย เขาหยิบบัตรเชิญสามใบออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อแล้วส่งมอบให้อย่างเคารพนบน้อม “จักรพรรดิพระเจ้าหลวงจะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นในพระราชวังช่วงค่ำของวันนี้ จึงใคร่เชื้อเชิญท่านทั้งสามมาร่วมงานด้วยกัน ท่านใต้เท้าบอกว่า ถ้าหากท่านทั้งสามมีเวลาว่างก็สามารถไปก่อนเวลาได้ เพราะจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอยากสนทนากับพวกท่านยิ่งนัก ! ”