นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1286 อนาคต
ตอนที่ 1286 อนาคต
เมืองอาเรียเป็นเมืองที่ตั้งตนเป็นอิสระ มิได้ขึ้นอยู่กับแคว้นซ่างหลัว แคว้นซูเฟิงหรือแคว้นเทียนเย่า
มันเป็นเมืองที่ถูกวางผังโดยฟู่เสี่ยวกวนจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย โดยมีคนจากกรมโยธาธิการและมีกรมคลังคอยสนับสนุนทุนในการก่อสร้าง
ชื่อเมืองอาเรียถูกตั้งตามแม่นางอาเรีย หลังจากที่เมืองใหญ่โตโอ่อ่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จ อาเรียก็ได้เข้ามาพักอาศัยและกลายเป็นเจ้าเมืองคนแรก
ทว่าที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาครานี้ เขามีเป้าหมายที่จะนำตัวอาเรียและบุตรชายของเขาเดินทางไปยังดินแดนอันไกลโพ้น
เมืองอาเรียมิได้มีบทบาทแค่รวบรวมและกระจายสินค้าเพียงเท่านั้น ทว่ามันยังเป็นฐานที่มั่นของทหารอีกด้วย การที่มีทหารมาประจำการ ประการแรกก็เพื่อปกปักษ์เมืองที่งดงามแห่งนี้เอาไว้ ส่วนประการที่สองเป็นเพราะที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือราชนาวีและท่าเรือพาณิชย์ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับอู่ต่อเรืออีกด้วย
ดังนั้นกองทัพยังมีหน้าที่สำคัญอีกหนึ่งประการซึ่งนั่นก็คือการป้องกันท่าเรือนั่นเอง
ตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนจากเมืองแห่งนี้ไปในตอนแรกนั้น เขาได้ทิ้งทหารนาวิกโยธินจำนวนหนึ่งหมื่นนายไว้ในสถานที่แห่งนี้ โดยให้เปลี่ยนเวรกันในทุก ๆ หนึ่งปี เพราะยิ่งเมืองอาเรียเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่าใด เมื่อเส้นทางเดินเรือสายยุโรปถูกเปิดใช้งานเมื่อใด เมื่อลงนามทางการค้าสำเร็จ เมื่อนั้นเส้นทางสายไหมทางทะเลก็จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เมืองอาเรียตั้งอยู่ตรงจุดยุทธศาสตร์ของเส้นทางเดินเรือนี้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับที่นี่
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนสนทนาถึงเรื่องอนาคตของเมืองแห่งนี้ จึงเกิดความคิดผุดขึ้นมามากมาย เขาหันไปมองไป๋ยู่เหลียนแล้วเอ่ยถามว่า
“บัดนี้ผู้บัญชาการกองนาวิกโยธินที่ประจำการอยู่ในเมืองอาเรียเป็นผู้ใดกัน ? ”
“เป็นหวางติ้งชุน เขาเคยเป็นหัวหน้ากองพลของกองนาวิกโยธินมาก่อน เพิ่งถูกเลื่อนตำแหน่งเมื่อสามปีที่ผ่านมา”
“อ่า…พวกเรานำกองนาวิกโยธินมาด้วยสองหมื่นนาย คาดว่าคงจะผลัดเวรกับเขามิได้สักระยะหนึ่ง วันหลังค่อยหาเวลาไปพบเขาก็แล้วกัน”
“รับทราบ”
“อีกอย่าง ที่นี่ได้สร้างเรือรบขึ้นมาอีกห้าลำ พรุ่งนี้ช่วยเตือนข้าหน่อยล่ะว่าต้องเขียนจดหมายบอกเทียนซื่อ ให้เขาส่งกองทัพเรือมาประจำการที่นี่”
“เรือรบของที่นี่ก็ให้ประจำการอยู่ที่นี่ทั้งหมด เพื่อเตรียมพร้อมด้านกำลังรบ”
“รับทราบ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้ทุกคนแล้วครุ่นคิดถึงบางอย่าง “นอกจากนี้ เมืองนี้จำเป็นต้องมีเจ้าเมือง…ข้าอยากให้เทียนซื่อส่งจางเมิ้งเจ๋อมาที่นี่ เจ้าหมอนั่นเคยสอบได้ที่หนึ่งในการสอบเข้ารับราชการ ข้าจำได้ว่าบัดนี้เขารับตำแหน่งจือโจวอยู่ที่เป่ยเซียวเต้า”
“พวกเจ้าสบายใจได้ นโยบายทุกอย่างในเมืองอาเรียล้วนมาจากข้าและกรมคลังร่วมกันกำหนด มันจะมิมีทางเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็มิเปลี่ยนแปลงในช่วงห้าถึงสิบปีนี้”
“ตอนแรกเมืองนี้เป็นการทดลองตามสมมุติฐานของข้าเท่านั้น ทว่าบัดนี้ก็ดูเหมือนว่าได้ผลดีเลยทีเดียว มันเป็นท่าเรืออิสระที่มีความสำคัญยิ่งนักสำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ พ่อค้าจะได้รับสิทธิพิเศษโดยการจ่ายภาษีในจำนวนที่ต่ำที่สุด และพวกเจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน”
“ดังนั้นเเล้วที่นี่จะมีอนาคตที่งดงาม โดยเฉพาะหลังจากที่เส้นทางเดินเรือสายยุโรปถูกเปิดใช้งานแล้ว ! ”
“หากพวกเจ้ายังมิเห็นแจ้งล่ะก็ วันนี้ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าได้เข้าใจเป็นการส่วนตัว”
“เมืองอาเรีย จะต้องเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ! โดยมีแคว้นซ่างหลัว แคว้นซูเฟิงและแคว้นเทียนเย้าเป็นเบื้องหลัง ทั้งสามแคว้นนี้ค่อนข้างยากจน พวกเขาเป็นประเทศราชของต้าเซี่ย ขอเพียงพวกเขายอมเดินตามรอยเท้าของต้าเซี่ย ท้ายที่สุดมันย่อมเจริญวันเจริญคืน”
“พวกเราจะปลดปล่อยกำลังการผลิตอย่างมหาศาลในขณะที่พวกเขากำลังพัฒนา เงินตราของพวกเขาจะถูกเงินตราของต้าเซี่ยเข้าไปเเทนที่ และสินค้าทุกชนิดที่ผลิตบนพื้นทวีปแห่งนี้จะต้องผ่านเมืองอาเรียเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไป ! ”
“สินค้าของที่นี่นั้นมีน้อย ค่าแรงก็ถูกมากยิ่งนัก ดังนั้นพวกเจ้าสามารถทุ่มลงทุนได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย อย่างเช่น ตระกูลซือหม่า ที่วางหมากไว้ในสามแคว้นนั้นตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยใช้ต้นทุนที่ถูกที่สุดในการผลิตสินค้า”
“เพราะเมื่อเส้นทางเดินเรือสายยุโรปเปิดใช้งานเมื่อใด เมื่อนั้นสินค้าก็จะถูกขนส่งไปยังทวีปยุโรปได้อย่างรวดเร็ว เค้กก้อนนี้ใหญ่โตมากนัก ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้วว่าผู้ใดจะคว้าชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไปครองได้ ! ”
ในตอนนี้นี่เองที่พวกหวังฉาวเฟิงได้เข้าใจถึงความสำคัญของที่นี่ เขาได้วางแผนกิจการในต้าเซี่ยไว้อย่างดีเยี่ยม เขาออกเดินทางจากว่อเฟิงเต้าไปยังราชวงศ์อู๋ และเป็นคนแรก ๆ ที่สร้างโรงงานทอผ้าขึ้นมาในราชวงศ์อู๋
ด้วยเหตุนี้โรงงานทอผ้าจิ่นซิ่วถึงได้เป็นกิจการสิ่งทอที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สามของต้าเซี่ย
เดิมทีเขาคิดว่าครานี้เขาได้คว้าโอกาสก่อนใครอื่นในเมืองอาเรียแห่งนี้ คาดมิถึงเลยจริง ๆ ว่าตนจะสูญเสียโอกาสนั้นให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว
เขาเปิดร้านที่เมืองอาเรีย วางแผนเอาไว้ว่าจะบรรทุกผ้าไหมที่ผลิตในต้าเซี่ยมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดที่นี่ บัดนี้เขาได้ค้นพบแล้วว่าวิสัยทัศน์ของตนตื้นเขินจนเกินไป
ตระกูลซือหม่าคือตระกูลที่คว้าโอกาสได้ก่อนใครอื่น พวกเขาทำให้แผ่นดินใหญ่ลีอาห์กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าแห่งที่สอง เป้าหมายของพวกเขาก็คือทวีปยุโรป ! ซึ่งในขณะนี้ยังมิรู้ว่าตั้งอยู่แห่งหนใด
“ข้าจะบอกอันใดให้ ทวีปยุโรปมิเพียงแค่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากเท่านั้น ทว่าพวกเขายังโปรดปรานสิ่งของอีกหลายชนิด อาทิเช่น ใบชา เครื่องถ้วย หรือจะเป็นสินค้าหัตกรรม…อย่างเช่นผ้าปักของตระกูลเฮ้อเป็นต้น”
“อีกอย่าง ข้าให้แคว้นซ่างหลัวปลูกใบยาสูบจำนวนมหาศาล…เอาเป็นว่าเรื่องนี้พวกเรายังมิต้องไปเอ่ยถึงมัน รอให้ข้ากลับมาถึงแล้วค่อยว่ากัน”
เดิมทีฟู่เสี่ยวกวนอยากจะมอบหมายกิจการยาสูบให้เฉินชิงอีเป็นผู้ดูแล แต่หากจะเอ่ยออกมาตอนนี้เห็นทีว่ามิเหมาะสมเท่าใดนัก คงต้องหาเวลาไปเจรจากับเฉินชิงอีเป็นการส่วนตัว
“ทั้งสามแคว้นบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์มีทรัพยากรมากมายนัก ครานี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้วล่ะว่าจะใช้ประโยชน์จากมันเยี่ยงไร ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเรามิอาจเข้าไปแย่งชิงทรัพยากรของพวกเขาได้ เพราะพวกเขาก็มีความสำคัญต่อต้าเซี่ยเช่นกัน”
“การทำธุรกิจนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายกับต่างประเทศนั้นจำต้องคิดให้กว้าง กระโดดออกมาจากกรอบเดิมที่เคยทำ จำต้องยืดหยุ่นให้มากกว่าเดิม แต่ก็ห้ามขัดขืนกฎการค้าขายของต้าเซี่ยเป็นอันขาด”
สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนต้องการจะสื่อก็คือการลักลอบขายสินค้า การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ต่ำช้าที่สุดเพราะเมื่อการค้าขายระหว่างประเทศเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นต้นทุนในการดำเนินงานต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่ทำเงินได้มากที่สุด ทว่าเรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก ซึ่งซับซ้อนเสียยิ่งกว่าตำราว่าด้วยทุนที่เขาเป็นคนเขียนเป็นไหน ๆ
อีกทั้งจากสถานการณ์ทั่วโลกในตอนนี้ยังมิค่อยเสถียรภาพเท่าใดนัก ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนซื้อหุ้นที่เคยทำเมื่อในอดีตก็ประสบกับความล้มเหลว รอให้หยุนซีเหยียนมาอยู่ข้างกายของตนเสียก่อนแล้วค่อยลงมือทำเรื่องนี้ใหม่
ทุกคนต่างตั้งใจฟังในสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ย วาจาของเขาได้ชี้นำเส้นทางให้แก่พ่อค้าทั้งหลาย ให้พวกเขาได้เป็นคนกลุ่มเเรก ๆ ที่ได้รับสิทธิพิเศษจากยุคสมัยการล่องเรือทางมหาสมุทรซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในมิช้านี้
หวังฉาวเฟิงคิดถึงการขนส่งทางเรือขึ้นมา ซึ่งตนมักจะติดแหง็กอยู่กับอุตสาหกรรมทอผ้า ดังนั้นจะรบกวนให้อู่ต่อเรือเมืองอาเรียต่อเรือให้เหมาะสำหรับการบรรทุกสินค้าทางไกลดีหรือไม่นะ ?
ส่วนเฉียวฉู่หมิงคิดถึงธุรกิจเครื่องประดับที่ตนทำ ธุรกิจนี้มีการเเข่งขันสูงในผืนปฐพีต้าเซี่ย แต่หากเป็นผู้บุกเบิกในตลาดของทวีปยุโรปได้ก่อน มันย่อมจะนำพาชื่อเสียงมาให้แก่ลิ้วฝูจี้ มันจะนำพาให้ธุรกิจของเขาหลุดออกมาจากทางตันอย่างที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ได้หรือไม่ ?
สิ่งที่เฉินชิงอีคิดก็คือ…ถ้าหากนำเงินทุนของธนาคารซื่อทงออกมาได้ เเล้วนำเงินก้อนนั้นมาลงทุนซื้อของที่กำลังอยู่ในช่วงขาดตลาด เช่นนั้นเงินจะมิหลั่งไหลเข้ามาเหมือนหิมะที่ตกโปรยปรายเลยหรือ ?
ความคิดเหล่านี้ล้วนถูกต้อง
ซึ่งแน่นอนว่าฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้ชี้นำแต่ละคนเป็นการส่วนตัว
นี่เปรียบเสมือนช่องลม จะเปิดช่องลมได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการเดินทางออกสำรวจในครานี้