นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1298 เกียรติยศกองทัพ
ตอนที่ 1298 เกียรติยศกองทัพ
บัดนี้กวนเสี่ยวซีอยู่ห่างจากเมืองฝูสั่วไปราว 100 จั้ง
มาร์ควิสเวลลีสยืนอยู่บนกำแพงเมืองในชุดเครื่องแบบเต็มยศพลางทอดสายตามองกองทัพในชุดเกราะสีเงินที่กำลังย่างกรายเข้ามา
รายงานกองทัพที่ส่งไปช่วยเหลือเมืองหมี่ไหลไท่ถูกส่งกลับมาแล้ว และแน่นอนว่านั่นเป็นข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง เพราะกองทัพ 100,000 นายพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพเกราะเงินนี่ ข่าวนี้ทำให้ชาวเมืองฝูสั่วทั้งหลายตกอยู่ในความหวาดกลัว
บัดนี้ชาวเมืองกำลังอยู่ในความงงงวยและตื่นตระหนก พวกเขามิรู้ว่าข้าศึกที่เก่งกาจมาจากแห่งหนใด พวกเขารู้เพียงแค่ว่าบัดนี้เมืองฝูสั่วกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตคราใหญ่
เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายมาถึงหูมาร์ควิสเวลลีส เขาก็อ้ำอึ้งเอ่ยมิออกอยู่เนิ่นนาน เคราบนใบหน้าของเขากำลังสั่นเทา เขาสั่งการให้ปิดประตูเมืองทั้งสี่ฝั่งด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็สั่งให้มีการป้องกันกำแพงเมืองอย่างแน่นหนาอย่างที่มิเคยทำมาก่อน
เขาขนปืนใหญ่มาล้อมแนวกำเเพงเมืองมากถึง 300 กระบอก และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยอานุภาพทำลายล้างของปืนใหญ่จะสามารถสกัดกั้นการรุกรานของข้าศึกได้
ส่วนเรื่องการยกทัพออกไปกำจัดข้าศึกนอกเมืองนั้น เขามิคิดที่จะทำเช่นนั้น
เขาได้ส่งรายงานด่วนไปยังเมืองหลวงแอนติออกซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำออรอนตีส
เขาเชื่อมั่นว่าพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งจะต้องส่งกองทัพเข้ามา เเล้วขจัดผู้รุกรานนี้จนสิ้นซากเป็นแน่ !
ดังนั้น…เขาจำต้องยืนหยัดปกป้องเมืองแห่งนี้เอาไว้ !
กวนเสี่ยวซีใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูลาดเลาจากพื้นที่ห่างไกลออกไป เขาเห็นปืนใหญ่สีดำขลับ เห็นทหารรักษาการณ์ถือปืนอยู่บนกำแพงเมือง
เขามิเลือกทำความผิดซ้ำรอยเฮ้อซานเตา เขาเลือกที่จะเฝ้ารอและครุ่นคิดอย่างใจเย็น ดังนั้นจึงสั่งให้ทหารปักหลักตั้งค่ายอยู่ที่นี่
“สิ่งที่สำคัญก็คือพวกเรามิอาจยอมรับการการสูญเสียและบาดเจ็บของสหายร่วมรบจำนวนมากได้ ! ”
กวนเสี่ยวซีจ้องมองแม่ทัพทั้งเก้าคนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ต่อให้พวกเราเหินนภาผ่านกำแพงนี้ไป ทว่าพวกข้าศึกมีปืนอยู่ในมือ แม้ว่าพวกเราจะกำจัดพวกเขากลางอากาศได้ก็จริง แต่พวกเราย่อมจะตกเป็นเป้าสายตาและท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องเสียกำลังพลไปจำนวนมิน้อย”
“ดังนั้นข้าขอออกคำสั่งให้แต่กองพลประจำการอยู่กับที่ รอให้กองพลที่หนึ่ง สองและสามเดินทางมาถึงเสียก่อน เพราะกองพลที่หนึ่งและสองถือเป็นกองทัพอากาศ รอให้หยูติ้งชานและหยูติ้งเหอมาถึง…พวกเราค่อยใช้วิธีการโจมตีทางอากาศ พวกเราจะนำระเบิดไปถล่มแนวป้องกันเมืองให้ราบคาบเสียก่อน จากนั้นค่อยบุกเข้าไป”
“เมื่อถึงตอนนั้นศัตรูคงกลัวจนหัวหดไป เยี่ยงไรการตีหมาให้ตกน้ำ1ก็ง่ายกว่าการกัดกระดองเต่าอยู่แล้ว อย่างน้อย ๆ ฟันของเราก็มิหัก”
……
……
บัดนี้มาร์ควิสเวลลีสใช้กล้องส่องทางไกลตาเดียวสังเกตลาดเลาอยู่บนกำแพงเมือง เขาเห็นเหล่าทหารในชุดเกราะสีเงินยืนเรียงรายดูน่าเกรงขาม
เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิดในใจว่าทหารติดอาวุธปืนที่เก่งกาจที่สุดของพระเจ้าเซคิวลัสสวมใส่ชุดเกราะสีดำ แล้วทหารชุดเกราะสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้เป็นกองทัพของผู้ใดกัน ?
เป็นของเจ้าชายอาเธอร์เยี่ยงนั้นหรือ ?
หรือเป็นท่านเคานต์อาริสตา ?
แต่ก็ดูเหมือนจะมิใช่ทั้งนั้น !
ข้าศึกมาจากทิศตะวันออก ส่วนท่านใต้เท้าทั้งสองอาศัยอยู่ที่รัฐคันทัวร์ย่าและเมืองฮอสซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก แม้พวกเขาจะมีทหารติดอาวุธปืนมากกว่าครึ่งประเทศ แต่ก็มิเคยได้ยินข่าวการก่อกบฏของพวกเขามาก่อนเลยนี่ !
บัดนี้เป็นยุครุ่งเรืองของพระเจ้าเซคิวลัส เจ้าชายอาเธอร์และท่านเคานต์อาริสตาล้วนแต่เป็นมือซ้ายและมือขวาของพระองค์ อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมรบที่พระองค์ไว้พระทัยมากที่สุด พวกเขามิมีทางก่อกบฏขึ้นมาอย่างแน่นอน
ทางตะวันออกอันไกลโพ้นมีข้าศึกที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
คราหนึ่งเคยได้ยินมาว่ากษัตริย์อเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่เคยยกทัพไปพิชิตแดนตะวันตกหนึ่งครา ทว่าเขากลับพ่ายแพ้และสิ้นพระชนม์อยู่บนดินแดนตะวันออกลึกลับแห่งนั้น
ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน เมื่อนึกข่าวการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์เมื่อมิกี่ปีก่อน
พวกเขาได้เผชิญหน้ากับข้าศึกในกองทัพชุดเกราะสีเงิน ซึ่งมีความเเข็งแกร่งยิ่งนักบนผืนปฐพีของจักรวรรดิโมริยะ !
รูม่านตาของเขาหดลงด้วยความหวาดกลัวทันพลัน จากนั้นก็ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองลาดเลาอีกครา เเล้วหันไปสั่งการองค์รักษ์ข้างกายว่า “จงไปเรียกท๊อตตี้มาพบข้า ! ”
มินานนัก ชายในร่างกำยำอายุอานามราว 30 ปีได้เดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้ามาร์ควิสเวลลีส
เขายื่นกล้องส่องทางไกลไปให้แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าลองดูนี่สิ ใช่ข้าศึกที่เจ้าเคยเผชิญหน้าในจักรวรรดิโมริยะหรือไม่ ? ”
ท๊อตตี้ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมามอง จากนั้นก็เห็นทหารในชุดเกราะสีเงินส่องประกายระยิบระยับ จากนั้นก็ผวาตกใจราวกับเห็นราชสีห์อย่างไรอย่างนั้น กล้ามเนื้อทุกส่วนหดเกร็งด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเขาเต้นเร็วทันพลัน มือข้างที่จับกล้องส่องทางไกลสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
เขาแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ !
เขายืนเม้มปากแน่นอยู่อย่างนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้วางกล้องส่องทางไกลลง และเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าสองขาของเขาสั่นเทิ้มมิหยุด
“ท่าน…ท่านมาร์ควิสที่เคารพ... อสุรกาย… พวกมัน…พวกมันคืออสุรกายจากแดนตะวันออก ! ”
“เจ้าเห็นมิผิดแน่นะ ? ” เวลลีสจ้องมองท๊อตตี้ด้วยสายตาเย็นชา
“เรียน เรียนท่าน…ท่านมาร์ควิส มิผิดแน่นอนขอรับ ! ชุดเกราะสีเงิน เป็นชุดเกราะที่ฟันและยิงมิเข้า ! ไหนยังจะ…ยังจะมีธงนกอินทรีย์นั่นอีก ท่านใต้เท้ามาร์ควิส เกรงว่า…เกรงว่า…เกรงว่าพวกเราจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน รีบ…รีบหนีเสียยังจะดีกว่านะขอรับ ! ”
“เพี้ยะ… ! ”
มาร์ควิสเวลลีสง้างมือตบเข้าที่บ้องหูของท็อตตี้ เขาจ้องท็อตตี้ตาเขม็ง “พวกเรามีกำแพงที่แข็งแกร่ง มีปืนใหญ่ที่ทรงพลานุภาพ ไหนจะยังมีปืน ถ้าหากพวกเขามีความสามารถจริง ๆ ล่ะก็ พวกเขาคงยกทัพเข้ามาโจมตีเนิ่นนานแล้ว เจ้าอย่าได้ปล่อยข่าวลือให้ผู้อื่นกลัวเชียว หากเอ่ยเยี่ยงนี้ขึ้นมาอีกข้าจะตัดศีรษะเจ้าทิ้งเสีย ! ”
ท๊อตตี้ก้มหัวลงเเล้วตอบรับเสียงแผ่วว่า “ข้าน้อยรับทราบขอรับ ! ”
ท๊อตตี้เดินจากไป เหลือเพียงมาร์ควิสเวลลีสที่สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็จ้องมองไปยังกองทัพชุดเกราะสีเงินที่สว่างจ้าจนตาแทบจะบอด คิดว่าจำต้องปกปักษ์รักษาที่นี่เอาไว้อย่างน้อย 1 เดือน !
สายลับได้ส่งรายงานมาบอกว่า ทหารที่ส่งไปเป็นกองหนุนทั้งหนึ่งแสนนายถูกซุ่มโจมตีจนพ่ายแพ้ราบคาบ ข้าศึกที่ซุ่มโจมตีพวกเขามีกำลังพลเพียง 30,000 นาย… ส่วนกองทัพที่ล่วงหน้ามาก่อนนั้นมีกำลังพลราว 80,000 นาย ดังนั้นกองทัพทหารที่กองหนุนเผชิญหน้านั้นมิใช่กองทัพที่ปักหลักอยู่เบื้องหน้านี้
ทหาร 30,000 นายกำจัดทหารม้าเบาได้ถึง 100,000 นาย… จากคำบอกเล่าของสายลับ เขาบอกว่าศึกครานั้นกินเวลาเพียงแค่ครึ่งถ้วยชา แม้ข้าศึกจะซ่อนอำพรางตัว แต่ตนก็รู้ดีว่าแสงยานุภาพของกองทัพข้าศึกนั้นแตกต่างกับกองทัพของตนมากนัก !
ข้าศึกรู้ได้เยี่ยงไรว่าเมืองฝูสั่วจะส่งทหารกองหนุนออกไป ?
แม้ข้าศึกจะรู้ว่าเมืองฝูสั่วได้ส่งทหารกองหนุนออกไปจำนวน 100,000 นาย แต่พวกเขากลับใช้กองทัพเพียงแค่ 30,000 นายในการซุ่มโจมตี นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าข้าศึกมั่นใจว่าตนจะชนะในการปะทะครานี้
เช่นนั้นกองทัพที่อยู่ตรงกันข้ามนี้ คงจะเป็นกองกำลังหลักของข้าศึกสินะ ?
หรือพวกเขากำลังรอให้กองทัพ 30,000 นายนั้นมาถึงกันแน่ ?
เมื่อพวกเขารวมพลเข้าด้วยกันก็จะมีกำลังพลทั้งสิ้นหนึ่งแสนกว่านาย…อย่าได้เกรงกลัวไป ข้ามีกำแพงที่แข็งแกร่งนี้คอยป้องกัน พวกเขาจะต้องเดินทางมาจากจักรวรรดิโมริยะเป็นแน่ พวกเขาไร้ยุทโธปกรณ์ในการโจมตีเมือง หากพวกเขากล้าย่างกรายเข้ามาในรัศมีที่กระสุนปืนใหญ่ยิงไปถึง
มาร์ควิสเวลลีสหรี่ตาลง ข้าจะทำให้พวกเขามิได้กลับไปเหยียบมาตุภูมิของตนเองอีก !
สุริยาสาดแสงเจิดจ้า จนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากของมาร์ควิสเวลลีส
“ท่านแม่ทัพอามีล ! ”
“ขอรับ ท่านใต้เท้ามาร์ควิส ! ”
“เจ้าจงจับตามองพวกเขาแทนข้าให้ดี จำต้องตรวจตราให้แน่ใจว่าปืนใหญ่ทั้งสามร้อยกระบอกนั้นมีกระสุนเพียงพอ ! ”
“อีกอย่าง ในโกดังของเรายังมีหนึ่งปืนอีกราว 10,000 กระบอกและกระสุนกว่าหนึ่งแสนนัด เจ้าจงรวบรวมและนำมาแจกจ่ายให้เหล่าทหาร ! ”
“เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ขอเพียงข้าศึกย่างกรายเข้ามาในรัศมีกระสุนปืนใหญ่ของเรา…เจ้าสั่งสอนพวกมันให้เข็ดหลาบ ! ”
อามีลยืดตัวตรงรับคำสั่ง “ข้าน้อยขอรับประกันว่าหากข้าศึกกล้าย่างกรายเข้ามา ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปเหยียบมาตุภูมิของตนเองอีก ! ”
1ตีหมาให้ตกน้ำ หมายความว่า ซ้ำเติมคนที่ผ่านเหตุการณ์บางอย่างมาอย่างยากลำบาก