นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1302 สื่อสารแลกเปลี่ยน
ชาวเมืองฝูสั่วต่างก็หวาดกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าล้างบางทั้งเมือง ทว่าท้ายที่สุดก็มิได้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นแต่อย่างใด
แม้แต่การบุกปล้นสะดมก็มิมี
พวกทหารในชุดเกราะสีเงินยึดครองเมืองนี้ได้สำเร็จ เมื่อตั้งสติกลับมาได้ พวกเขาก็ได้ค้นพบปัญหาหนึ่งซึ่งชวนตกตะลึง ซึ่งนั่นก็คือ…เมืองฝูสั่วถูกบริหารจัดการได้ดีกว่าแต่ก่อนเสียอีก !
มิมีผู้ใดรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ความโกลาหล ความวุ่นวายทั้งหมดทั้งมวลในเมืองฝูสั่วได้สงบลงภายในเวลาสามวันให้หลัง
บรรดาร้านรวงที่ปิดอยู่ก่อนหน้ากลับมาเปิดอีกครา มีพ่อค้าหาบเร่กู่ร้องเสียงดังเซ็งแซ่ตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย ถนนน้อยใหญ่ที่ไร้ผู้คนวันนี้กลับมามีผู้คนเดินขวักไขว่และคึกคักขึ้นมาอีกครา
ถ้าหากจะให้สาธยายว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้นบ้างล่ะก็…
ธงสามสีบนศาลาว่าการซึ่งเป็นตัวแทนของพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่ง ถูกเปลี่ยนเป็นธงอินทรีย์ซึ่งดูงดงามและมีชีวิตชีวามากกว่า
ทหารที่คอยประจำการอยู่บนแนวกำแพงเมืองล้วนสวมใส่ชุดเกราะสีเงินทั้งสิ้น
ท้องถนนเริ่มมีกองทหารในชุดเกราะสีเงินลาดตระเวน พวกเขามักจะจับขโมยหรือพวกอันธพาลที่ชอบลวนลามหญิงสาว
พวกเขาซื้อของจากร้านค้าต่าง ๆ เช่นกัน ทว่ามิได้ใช้สกุลเงินของพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่ง พวกเขาใช้เงินกระดาษอีกประเภทหนึ่งซึ่งพิมพ์ขึ้นมาได้วิจิตรงดงามมากยิ่งนัก !
เงินกระดาษมีความยืดหยุ่นดี ข้างบนนั้นมีตัวอักษรที่พวกเขาอ่านมิออกแต่ก็มีลวดลายที่พอจะเข้าใจได้ ด้านหน้าเป็นพระราชวังอันโอ่อ่า ส่วนด้านหลังเป็นภูเขาและแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล !
คาดว่านี่คงจะเป็นเงินที่พวกเขาใช้ในประเทศของตนเองเป็นแน่
พ่อค้าเเม่ขายต่างก็มิกล้าปฏิเสธ นั่นเป็นเพราะว่ากระดาษแผ่นนี้ช่างวิจิตรงดงามเสียเหลือเกิน
เอ่ยได้ว่า…เมืองฝูสั่วได้กลับมาเป็นปกติสุขดังเดิม เว้นแต่กำแพงเมืองที่แตกหักและมีรูนับร้อยพัน ส่วนในเมืองมิมีร่องรอยของสงครามหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
กวนเสี่ยวซีพำนักอยู่ในศาลาว่าการ เดิมทีมาร์ควิสเวลลีสคิดว่าตนเองจะต้องถูกข้าศึกตัดสินโทษเป็นแน่ แต่หลังจากที่อยู่ในความหวาดระแวงมานานหลายวันกลับมีแต่ความสงบสุขไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ
เขายังอาศัยอยู่ในศาลาว่าการดังเดิม ที่แตกต่างจากแต่ก่อนคือ…จะมีนายทหารสองนายคอยจับตามองเขาอยู่เสมอ เขาลองเดินออกไปนอกศาลาว่าการ ทหารสองคนนั้นมิได้ห้ามปรามเขาแต่อย่างใด พวกเขาเพียงเดินตามไปก็เท่านั้น
เขาเดินไปหากวนเสี่ยวซีเพื่อจะถามว่าแท้จริงแล้วพวกเขามีแผนการอันใดกันแน่ แม้ว่าทั้งสองจะได้สนทนากันมาบ้างแล้ว ทว่าต่างก็มิเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าเยี่ยงไร
ในวันนั้นเอง เผิงยวี๋เยี่ยนได้นำทหารสามแสนนายมาถึงนอกเมืองฝูสั่ว
กองทัพที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ทำให้ชาวเมืองต้องแตกตื่นอีกครา พวกเขาปีนขึ้นไปบนกำแพงเมือง เมื่อเห็นว่ากองทัพที่กำลังเดินทางมาสวมใส่ชุดเกราะสีเงินเช่นกันจึงรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก เพราะก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเข้ามาบุกรุกเมืองฝูสั่วเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
หลังจากที่มาร์ควิสเวลลีสได้ยินข่าวนี้ กวนเสี่ยวซีก็ได้พาเขาขึ้นไปบนกำแพงเมืองเช่นกัน นั่นทำให้เขาเชื่อเสียสนิทใจว่าคำทำนายของราชินีมารีอาที่สองนั้นถูกต้องอย่างถึงที่สุด
ทั่วทั้งเอเชียตะวันตกจนถึงทวีปยุโรปจะมีประเทศใดบ้าง ที่สามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพที่แข็งแกร่งเยี่ยงนี้ได้ ?
เผิงยวี๋เยี่ยนนำทหารทั้งสามแสนนายปักหลักตั้งค่ายอยู่นอกเมือง นางได้นำตัวซีโซย่าและทหารองค์รักษ์อีกหนึ่งพันนายเข้าไปในเมือง
แน่นอนว่าซีโซย่ารู้สึกเหลือเชื่อมากยิ่งนัก เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดทางตะวันออกของประเทศซิลูซิดกลับตกอยู่ในมือของข้าศึก มิรู้เช่นกันว่ามาร์ควิสเวลลีสสิ้นชีพในสงครามหรือหนีตายไปได้กัน ?
ในขณะที่ซีโซย่ากำลังตื่นตระหนก เขาก็เหลือบไปเห็นมาร์ควิสเวลลีสยืนอยู่บนกำแพงเมือง ภายนอกของท่านมาร์ควิสยังดูเป็นปกติทุกประการ ทว่าสีหน้าดูมิมีความสุขเลยสักนิด
……
……
ณ ศาลาว่าการ กวนเสี่ยวซีได้เล่าเหตุการณ์ศึกก่อนหน้านี้ให้เผิงยวี๋เยี่ยนฟังจนครบทุกฉากทุกตอน
“การที่พวกเรามิสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้นั้น ถือเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง ท่านแม่ทัพเผิง ข้าวางแผนจะพำนักอยู่ที่นี่สักระยะ ประการแรกเพื่อรอรายงานจากทางหอเทียนจี ส่วนประการที่สอง ข้าหวังว่าการปักหลักอยู่ที่นี่จะดึงดูดให้ทหารของประเทศนี้ยกทัพเข้ามาโจมตี”
“หากไร้ซึ่งข่าวสารจากหอเทียนจี พวกเราก็มิต่างอันใดกับคนตาบอดนักหรอก พวกเราจะใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยอยู่ที่นี่ เพื่อกำจัดกองกำลังของศัตรูให้ได้มากที่สุด และเพื่อลดการสูญเสียกำลังพลของฝั่งเราให้ได้มากที่สุด”
“ในโกดังยุทโธปกรณ์มีปืนและกระสุนที่เพียงพอ แม้ปืนนั่นจะคล้ายคลึงกับปืนคาบศิลาของเรา ทว่ามันก็ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกระสุนได้เป็นอย่างดี ท่านคิดว่าแผนการนี้ใช้ได้หรือไม่ ? ”
เผิงยวี๋เยี่ยนพยักหน้า “กองทัพเดินทางมานานแรมปี จำต้องพักผ่อนบ้าง ข้าได้นำตัวซีโซย่ามาด้วย ข้าได้สื่อสารกับเขาหลายอย่าง และได้เรียนรู้ภาษาของพวกเขามาบ้างประปราย เมื่อทำภาษามือประกอบก็พอจะสนทนาคำง่าย ๆ ได้ หากเจ้าอยากรู้อันใดก็สามารถถามข้าได้”
กวนเสี่ยวซีดีอกดีใจขึ้นมาทันพลัน เขาถูมือไปมาแล้วเอ่ยถามว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ทัพเผิงนั้นเก่งกาจ ข้าจะส่งคนไปเรียกเจ้าเมืองมาประเดี๋ยวนี้เลยล่ะกัน”
มาร์ควิสเวลลีสถูกนำตัวมายังศาลาว่าการ เผิงยวี๋เยี่ยนหันไปจ้องมองเขา พร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยภาษาของเขาสองคำ “เชิญนั่ง ! ”
มาร์ควิสเวลลีสผงะตกใจ จากนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามเผิงยวี๋เยี่ยน
กวนเสี่ยวซีเริ่มบทสนทนาอย่างเริงร่า “ข้าอยากจะรู้ว่าที่นี่คือที่ใด ? ข้าต้องการแผนที่ของประเทศนี้และเเผนที่ของทวีปแห่งนี้ด้วย ! ”
เผิงยวี๋เยี่ยนวาดไม้วาดมือพลางเอ่ยบางอย่างที่ยากต่อการเข้าใจ มาร์ควิสเวลลีสใช้เวลาหนึ่งถ้วยชาในการทำความเข้าใจคำเอ่ยของเผิงยวี๋เยี่ยน เขาเดินออกไป มินานก็กลับมาพร้อมกับแผนที่สองแผ่น
“ประเทศแห่งนี้คือประเทศซิลูซิด กษัตริย์คือพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่ง”
เผิงยวี๋เยี่ยนหันไปอธิบายให้กวนเสี่ยวซีฟัง “ตามความเห็นของฟู่เสี่ยวกวน สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างเอเชียตะวันตกและทวีปยุโรป หากพวกเราเดินทัพไปทางทิศตะวันตก คาดว่าคงจะสามารถเข้าไปยังทวีปยุโรปได้แล้ว”
ในขณะที่เอ่ย เผิงยวี๋เยี่ยนได้ยื่นมือไปรับแผนที่ทั้งสองแผ่น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วนำมันไปแขวนไว้บนผนัง กวนเสี่ยวซีลุกขึ้นยืนเช่นกัน จากนั้นก็เดินไปหยุดเคียงข้างนาง พลางจ้องมองแผนที่ของประเทศซิลูซิด
“บัดนี้พวกเราอยู่ที่นี่” นิ้วของเผิงยวี๋เยี่ยนชี้ลงตรงแผนที่ “ที่นี่คือเมืองแอนติออกเมืองหลวงของประเทศนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่มีนามว่าออรอนตีส”
“ที่นี่ห่างจากเมืองแอนติออกราว…หนึ่งพันลี้ ระหว่างทางจะต้องผ่านเมืองซึ่งเป็นเมืองป้อมปราการน้อยใหญ่ทั้งสิ้น 36 เมือง ถ้าหากพวกเราเดินทางผ่านไปอย่างสันติคาดว่าน่าจะเป็นการดีที่สุด หรือจะให้มาร์ควิสท่านนี้ส่งจดหมายถึงพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งดี ? ”
กวนเสี่ยวซีลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงพยักหน้ารับ แม้ว่ากองทัพที่หนึ่งมีศักยภาพมากพอที่จะรบ ทว่าการบาดเจ็บและล้มตายถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้
จากนั้นพวกเขาจึงหันไปมองแผนที่อีกใบ “จากประเทศซิลูซิดไปทางใต้…ที่นี่คือ ? ” เผิงหยูเยี่ยนหันหน้าไปเอ่ยถามมาร์ควิสเวลลีส “อียิปต์ ! ” เวลลีสตอบอย่างเร่งรีบ
“เเล้วที่นี่เล่า ? ”
“จักรวรรดิพาร์เทีย”
“พวกเราจะเดินทัพไปทางจักรวรรดิพาร์เทีย หลังจากนั้นก็จะเข้าไปยังประเทศนี้…”
“โรมัน ! ”
“เช่นนี้พวกเราถึงจะเข้าไปโจมตีทวีปยุโรปได้” เผิงยวี๋เยี่ยนหันไปมองมาร์ควิสเวลลีสแล้วเอ่ยถามต่อว่า “ฝูหล่างจีอยู่ที่ใด ? ”
“ฝูหล่างจี ? พวกเจ้าจะเดินทางไปฝูหล่างจีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เผิงยวี๋เยี่ยนพยักหน้า มาร์ควิสเวลลีสชี้นิ้วไปยังมุมซ้ายมือด้านล่าง “ฝูหล่างจีอยู่ไกลยิ่งนัก อยู่ห่างจากประเทศซิลูซิดราวห้าพันกว่าลี้… มันเป็นประเทศที่แข็งแกร่งยิ่งนัก… ทว่าพวกเจ้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน”
เมื่อสองประเทศนี้มาเจอกันก็เท่ากับว่าพญาเสือสองตัวมาสู้รบกัน กองทัพที่แข็งแกร่งจากแดนตะวันออกนี้จะกลายเป็นศัตรูของราชินีมารีอาที่สองหรือไม่ ?
ราชินีมารีอาที่สองเคยพยากรณ์มาก่อนหรือไม่…ว่าอสุรกายเหล่านี้จะเข้าไปรุกรานฝูหล่างจี ?