นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1303 บ้านในฝัน
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนสิบ วันที่แปด
ฟู่เสี่ยวกวนนำกองทัพเรือขนาดมโหฬารพุ่งกระโจนเข้าหาคลื่นท่ามกลางมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง
บนชั้นสามของเรือฉางอัน ฟู่เสี่ยวกวนไป๋ยู่เหลียนและคนอื่น ๆ กำลังนั่งล้อมโต๊ะกัน
“เดือนสิบในเมืองฉางอันย่ำเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทว่าที่นี่กลับเป็นฤดูร้อน” ฟู่เสี่ยวกวนต้มชาพลางเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี “พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องฤดูกาล ? ”
การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจน ไป๋ยู่เหลียนจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า ? ”
“เพราะบนโลกที่พวกเราอาศัยอยู่นั้นเป็นทรงกลม พวกเราล่องเรืออยู่กลางมหาสมุทรนานกว่าครึ่งปี บัดนี้จึงพอจะเข้าใจได้ว่าพวกเราได้ข้ามอีกครึ่งหนึ่งของวงกลมมาแล้ว”
“โลกของเราหมุนได้ด้วยตัวของมันเอง เพียงแต่พวกเราที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มิอาจรู้สึกได้ก็เท่านั้น เพราะมุมที่แสงสุริยาสาดส่องลงมามิได้ดูแตกต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก”
ฟู่เสี่ยวกวนเห็นสีหน้าประหลาดใจของไป๋ยู่เหลียน ซูเจวี๋ยและคนอื่น ๆ จึงจับดินสอขึ้นมาวาดรูปบนกระดาษ จากนั้นก็ใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างสังเขปเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแสงสุริยาและพิกัดทางภูมิศาสตร์
ครานี้ซูเจวี๋ยและคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด ว่าเหตุใดแต่ละพื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
“ฟังดูมหัศจรรย์มากยิ่งนัก ศิษย์น้องเจ้ารู้เรื่องนี้ได้เยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มกว้างพลางตอบว่า “ข้าฝันน่ะ ! ”
แม้การตอบแบบนี้จะดูน่าเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย ทว่าพวกซูเจวี๋ยต่างก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าฟู่เสี่ยวกวนคือคนที่ฟ้าเลือกมาแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมแตกต่างมิเหมือนผู้ใด
“จากแผนที่มหาสมุทร คาดว่าจะต้องเดินทางไปอีกสองวันกว่าจะถึงทวีปอิงเทียน”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้แก่ทุกคนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “หากลองคำนวณจากเวลาแล้ว หากกองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีเดินทัพได้อย่างราบรื่น บัดนี้พวกเขาก็น่าจะเดินทางไปถึงเอเชียตะวันตกแล้ว”
“ในแถบเอเชียตะวันตกนั้นมีประเทศที่แข็งแกร่งมากมาย ดังนั้นสงครามจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ หวังว่าพวกเขาจะเดินทัพผ่านไปได้อย่างราบรื่น จนเดินทางมาถึงทวีปยุโรป…บางทีพวกเขาอาจจะเดินทางไปถึงทวีปยุโรปก่อนพวกเราสักเล็กน้อย”
เหตุเพราะมิมีแผนที่ภูมิภาคเอเชียตะวันตกหรือแผนที่ทวีปยุโรป ไป๋ยู่เหลียนจึงมิอาจตัดสินใจอันใดเกี่ยวกับศึกครานี้ได้
“เมื่อถึงอิงเทียน เจ้าจะขึ้นบกไปดูสักหน่อยหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “จำต้องหยุดเรือเพื่อซ่อมแซมเป็นเวลาสิบวัน เหล่าทหารใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมานานจนเกินไป ถ้าหากมิได้ขึ้นไปพักผ่อนบนบกเพื่อเติมสารอาหารจากพืชพักผลไม้สักหน่อย ข้าเกรงว่าพวกเขาจะเป็นโรคลักปิดลักเปิดเข้า”
“เมื่อไปถึงอิงเทียนแล้ว แผนการทุกอย่างจะยังดำเนินไปดังเดิม”
“ศิษย์พี่และเสี่ยวไป๋จงนำทหารนาวิกโยธินสองหมื่นนายประจำอยู่ที่อิงเทียน เพื่อทำการยึดครองแผ่นดินจากชนเผ่าพื้นเมือง…พยายามอย่าเข่นฆ่ามากจนเกินไป และพวกเขาเหล่านี้ที่ตามข้ามาก็จำต้องตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่อิงเทียนแห่งนี้”
“ที่นั่นใหญ่โตมโหฬาร พวกเจ้าต้องเข้าไปสำรวจดินแดนแห่งนั้น แล้วค้นหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อสร้างเมืองป้อมปราการขึ้นมา… ข้าพาช่างฝีมือมาด้วยจำนวนมาก อีกอย่างจงส่งคนไปสำรวจพวกแร่ธาตุต่าง ๆ ด้วย”
“ข้าขอแนะนำว่าให้เมืองป้อมปราการตั้งอยู่ใกล้แนวชายฝั่งทะเลสักหน่อย หากตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลได้ก็จะเป็นการดี เพราะเมื่อข้าชราแล้ว ข้าจะได้นอนอาบแดดริมชายหาดได้ หรือจะไปหาปลาในทะเลก็ย่อมได้”
“การก่อสร้างเมืองป้อมปราการและท่าเรือจะต้องดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน ส่วนแรงงานก็ให้รับสมัครมาจากชนพื้นเมืองเหล่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงควรสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับพวกเขาเอาไว้”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกดีใจมากยิ่งนัก เขาคาดการณ์ว่าทวีปแห่งนั้นน่าจะยังมิถูกประเทศที่มีความก้าวหน้ายึดครองไปก่อน และแน่นอนว่าถ้าหากถูกยึดครองไปก่อนแล้ว ตนก็จำต้องเข้าไปแย่งชิงมันกลับมา เพราะสถานที่แห่งนั้นมีความสำคัญต่อต้าเซี่ยเป็นอย่างยิ่ง
อิงเทียนตั้งอยู่สุดขอบทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีมหาสมุทรล้อมรอบสามด้าน ที่นั่นเป็นดินแดนที่มหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริ่งและแปซิฟิกเหนือไหลมาบรรจบกัน
ทางทิศตะวันออกของอิงเทียนอยู่ติดกับประเทศเเคนาดา ซึ่งแน่นอนว่าบัดนี้ยังมิมีประเทศแคนาดาเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ หรือต่อให้มี มันก็อาจจะเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น
ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรปกับอเมริกาเหนือ และในอนาคตมันจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าการเข้ายึดครองสถานที่แห่งนี้ยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือโลกใบนี้จะไร้ซึ่งประเทศอเมริกาเหมือนโลกก่อนหน้านี้
“แนวชายหาดของอิงเทียนนั้นยาวยิ่งนัก สิ่งสำคัญคือต้องป้องกันการรุกรานทางทะเลเอาไว้ให้ดี… ส่วนทางบกนั้นจะถูกรุกรานโดยราชวงศ์นอร์มัน”
“ทว่าปัญหานี้มิใช่เรื่องใหญ่มากนัก การเดินทางไปยุโรปครานี้ พวกเราจะไปเยือนประเทศเหล่านั้นด้วยเช่นกัน”
เทคโนโลยีของต้าเซี่ยล้ำหน้ากว่าประเทศใด ๆ ภายใต้การผลักดันของฟู่เสี่ยว ฟู่เสี่ยวกวนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามีเพียงมิกี่คนบนโลกใบนี้ที่สามารถเป็นศัตรูกับกองทัพต้าเซี่ยได้
ตลอดการเดินทาง ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยพบเห็นกองทัพเรืออื่นใดเลย เขากำลังคิดว่าบางทีหลังจากที่กองทัพเรือของฝูหล่างจีล่มสลายจึงยังมิอาจฟื้นคืนสู่ความแข็งแกร่งได้ หรือไม่พวกเขาก็คงล้มเลิกการออกสำรวจทางไกลไปเสียแล้ว และอาจจะเป็นไปได้ว่าฝูหล่างจีกำลังรวบเอกราชทางทวีปยุโรป จึงยังมิได้ออกทำสงครามทางไกล
เพราะที่นี่เป็นโลกที่แสนพิลึกกึกกือ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มิตรงกับประวัติศาสตร์ในโลกก่อนเลยสักนิด
กองทัพเรือจะแวะพักซ่อมแซมเรือที่อิงเทียนเป็นเวลาสิบวัน จากนั้นจึงจะออกเดินทางไกลอีกครา คาดว่าน่าจะใช้เวลาสามเดือนโดยประมาณ กว่าจะข้ามทะเลแบริ่งไปถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ฝูหล่างจีน่าจะตั้งอยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก ส่วนตั้งอยู่ตรงที่ใดนั้นเขาก็จำมิได้แล้ว กล่าวโดยสรุปว่า…หากข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปแล้ว จะได้เผชิญหน้ากองทัพเรืออีกกองทัพหนึ่ง
เพราะเยี่ยงไรเสียยุคแห่งการสำรวจทางทะเลของทวีปยุโรปก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และประเทศแนวชายฝั่งทะเลอย่างฝูหล่างจีก็เป็นประเทศที่แข็งแกร่งทางมหาสมุทรเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว
“ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย ! ” ไป๋ยู่เหลียนเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
“มิได้ ! เสี่ยวไป๋ ภารกิจของเจ้านั้นสำคัญยิ่งกว่าภารกิจของข้าเสียอีก ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ในอนาคตอิงเทียนจะเป็นฐานที่มั่นของข้า เจ้าจงปกปักษ์รักษาและสร้างมันขึ้นมาให้ดี เมื่อการเดินทางพิชิตยุโรปสิ้นสุดลงเมื่อใด เมื่อต้าเซี่ยได้ลงนามสัญญาทางการค้ากับประเทศเหล่านั้นจนเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะกลับมาใช้บั่นปลายชีวิตอยู่ที่นี่ ! ”
“เจ้าจงช่วยข้าจัดเตรียมที่พักอาศัยเอาไว้ให้ดี เมื่อข้ากลับมา ข้าก็จะได้เป็นนายน้อยเศรษฐีที่ดินดั่งใจหวังเยี่ยงไรเล่า ! ”
“…เจ้าจริงจังกับการทำนามากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? มันสำคัญเสียยิ่งกว่าอนาคตของต้าเซี่ยอีกหรือ ? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มกว้าง
“คนเราเมื่อเกิดมามีชีวิตทั้งที ย่อมคาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตดั่งที่ใจปรารถนา… ซึ่งแน่นอนว่าข้าอาจจะเปลี่ยนแปลงความคิดได้ทุกเวลา”
“ชีวิตนี้ของข้า…แท้ที่จริงตอนนั้นที่เป็นเศรษฐีที่ดินอยู่ที่เมืองหลินเจียง ข้าอยากจะเป็นเศรษฐีมีอันจะกินไปชั่วชีวิต เพียงแต่พวกเจ้าก็รู้หลังจากที่เกิดเรื่องพวกนั้นขึ้นมา มันก็ทำให้ข้าห่างไกลจากชีวิตที่ข้าได้วางแผนเอาไว้ ยิ่งเดินไปเท่าใด มันก็ยิ่งไกลมากขึ้นเท่านั้น ทว่าข้ามิได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด เพราะหากข้าอยากจะทำความปรารถนาให้เป็นจริง ข้าก็จำต้องมีกำลังที่แข็งแกร่งเสียก่อน”
“บัดนี้ทุกอย่างใกล้จะเป็นจริงแล้ว ทวีปอิงเทียนมีเจ้าและทหารนาวิกโยธินสองหมื่นนาย ในอนาคตจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งและศูนย์วิจัยต่าง ๆ เป็นของอิงเทียนเอง… เท่านี้ก็เพียงพอที่จะรักษาอิสระและความสมบูรณ์แบบของผืนปฐพีนี้เอาไว้แล้ว”
“ยามที่อยู่ต้าเซี่ย ข้ามีความคิดมากมายที่มิอาจทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ เพราะอารยธรรมของต้าเซี่ยได้รับมาจากคัมภีร์ขงจื๊อ ซึ่งนั่นเป็นดั่งกรงที่คอยครอบต้าเซี่ยเอาไว้ ทว่าที่อิงเทียนนั้นแตกต่าง มันเป็นดินแดนที่ใหม่ไปเสียทุกอย่าง ไร้สิ่งใดมาคอยบังคับควบคุม ดังนั้นในความคิดของข้า…มันย่อมเป็นบ้านที่มีความอิสระมากที่สุด”
ฟู่เสี่ยวกวนหันไปจ้องมองเส้นขอบฟ้าซึ่งมีแสงสุริยาสว่างเจิดจ้า “เหมือนดั่งประเทศที่สมบูรณ์แบบ ที่ข้าเคยเอ่ยเอาไว้เยี่ยงไรเล่า ! ”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง