นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1310 ศึกคราเดียวสะพรึงทั่วหล้า
ตอนที่ 1310 ศึกคราเดียวสะพรึงทั่วหล้า
ณ ศาลาว่าการเมืองฝูสั่ว
เสียงปืนใหญ่นอกกำแพงเมืองดังระรัว เวลลีสรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพ ข้ามิขัดข้องที่จะให้ข้าเป็นผู้นำทางให้แก่พวกท่าน ทว่าปัญหาของข้าก็คือ…พวกเราจะรอดจากศึกครานี้หรือไม่ ? ”
“ท่านเคานต์อาริสต้าเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในราชอาณาจักรแห่งนี้ ทหารในมือของเขาล้วนเป็นทหารชั้นยอด ! ถ้าหากพวกเราพ่ายแพ้ขึ้นมาล่ะก็…อย่าว่าแต่ไปฝูหล่างจีเลย ข้าคิดว่าแม้แต่ต้าเซี่ยก็มิมีโอกาสได้กลับไป ! ”
กวนเสี่ยวซีเงยหน้าขึ้นมองเวลลีสแล้วยกยิ้มขึ้น “ดูเหมือนว่าเจ้ายังขาดความมั่นใจที่มีต่อกองทัพของต้าเซี่ยสินะ ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา ! ”
ทั้งสามเดินออกมาจากศาลาว่าการโดยมีทหารองค์รักษ์หนึ่งพันนายคอยคุ้มกัน
ในขณะที่เวลลีสเงยหน้าขึ้นไป กองพลที่หนึ่งของหยูติ้งซานกำลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาพอดี
บัดนี้เวลลีสรู้แล้วว่าสิ่งนั้นเรียกว่าเรือเหาะ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเสียงระเบิดจากเรือเหาะที่เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนได้ย้อนกลับมาอีกครา เขายังคงรู้สึกหวาดกลัว หากเรือเหาะลอยไปอยู่เหนือศีรษะของท่านเคานต์แล้วทุ่มระเบิดลงมาจะเป็นเยี่ยงไรกัน ?
จากนั้นก็กวาดสายตามองกำแพงเบื้องหน้า ทหารต้าเซี่ยมิได้รู้สึกตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย ส่วนทหารปืนใหญ่ใส่กระสุนอย่างชำนาญ ดูสันทัดมากกว่าทหารของตนเป็นไหน ๆ นอกจากนี้พวกเขายังมีขั้นตอนในการยิงเพิ่มเข้ามาอีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือการสังเกตการณ์นั่นเอง !
ด้านข้างของปืนใหญ่ทุกกระบอกจะมีทหารนายหนึ่งคอยสังเกตตำแหน่งของข้าศึก จากนั้นพวกเขาก็จะแผดเสียงตะโกนตำแหน่งออกมา
“ทิศใต้ 30 จั้ง มุมเงย 25 องศา…ยิง ! ”
จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังตามมาติด ๆ ปลายกระบอกปืนมีกลุ่มควันพุ่งปะทุออกมา กระสุนลูกนั้นตกลงไปที่กองหน้าของข้าศึกพอดิบพอดี ระยะห่าง 10 จั้งโดยรอบมีเศษเลือดเศษเนื้อกระจายเกลื่อนกลาด ฝั่งตรงข้ามตกตายจำนวนนับมิถ้วน
แม้ว่าทหารแนวหน้าของอาริสต้าจะได้บาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังมิมีคำสั่งให้หยุดการโจมตี เขายังคงใช้กล้องส่องทางไกลมองสิ่งประหลาดที่ลอยบดบังท้องนภา
ส่วนเวลลีสกำลังตกตะลึงกับความสามารถในการยิงปืนใหญ่ของทหารต้าเซี่ย พวกเขาแม่นยำเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันนั้นเอง บริเวณช่องโหว่ของกำแพงก็มีทหารในชุดเกราะสีเงินยกปืนขึ้นมาเตรียมการ ทหารที่รอดพ้นจากกระสุนปืนใหญ่มาได้ ดาหน้าเข้ามายังระยะกระสุนของพวกเขาพอดี เสียงปืนดังก้องและเย็นยะเยือก หลังจากนั้นเวลลีสก็เห็นทหารฝั่งตรงข้ามแต่ละคนล้มลงหัวทิ่มพื้น !
ปืนชนิดเดียวกัน แต่เมื่อมาอยู่ในมือของทหารต้าเซี่ย มันมีความแม่นยำมากขึ้น เหมือนกับว่าพวกเขายิงออกไปกี่นัดก็เข้าเป้าเสียทุกนัด ! อีกทั้งยังใช้เวลาในการเปลี่ยนกระสุนอย่างรวดเร็วอีกด้วย การยิงแต่ละระลอกแทบจะมิเหลือเวลาให้ศัตรูได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว
ด้วยกำลังทหารหนึ่งแสนนายและปืนใหญ่สามร้อยกระบอก ทหารต้าเซี่ยสามารถสยบกองกำลังหนึ่งล้านนายของท่านเคานต์ได้ในระยะที่ห่างจากกำแพงไป 10 จั้ง !
สนามรบมีศพทหารนอนตายเกลื่อนกลาด ราวกับเทพเจ้าแห่งความตายได้ขีดเส้นเอาไว้ตรงนั้น เป็นเส้นตายที่ท่านเคานต์อาริสต้ามิอาจก้าวข้ามมาได้
เวลลีสรู้ดีว่านี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองเรือเหาะกลางอากาศอีกครา และบัดนี้เรือเหาะได้บินอยู่เหนือกองทัพของท่านเคานต์อาริสต้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !
ทันใดนั้นเวลลีสก็ต้องตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด ส่วนท่านเคานต์อาริสต้าขมวดคิ้วแน่นทันพลัน เรือเหาะบนท้องนภานั่นเหมือนกำลังทุ่มอันใดบางอย่างลงมา !
บางอย่างที่ว่านั่นตกลงมาราวกับหยาดฝน มันขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นผ่านกล้องส่องทางไกลของเคานต์อาริสต้า ภาพคมชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้เห็นว่ามันคือหม้อ !
มันคือหม้อนั่นเอง !
เคานต์อาริสต้ารู้สึกสงสัยเสียเต็มประดา ของพรรณ์นี้สามารถกระแทกศีรษะคนจนตายได้เลยหรือ ?
ของพรรณ์นี้สามารณกระแทกศีรษะคนให้ตายได้ ทว่าอิทธิฤทธิ์ของมันมิได้อยู่ที่การกระแทก ทว่าเป็นการเผาเสียมากกว่า !
แน่นอนว่าทหารหนึ่งล้านนายถือว่ามีมากมายมหาศาล ทว่าในสายตาของหยูติ้งชานที่ลอยอยู่กลางอากาศ บัดนี้มันมิต่างอันใดจากฝูงมดดี ๆ นี่เอง
เมื่อหม้อเหล่านี้ตกลงมา ทหารของเคานต์อาริสต้าต่างก็ส่งเสียงร้องน่าสะพรึงกลัวออกมา มิรู้ว่ามีทหารกี่คนที่ถูกหม้อนี้กระแทกใส่ ทว่าเสียงร้องโหยหวนดำเนินไปได้แค่มิกี่อึดใจเท่านั้น
เมื่อหม้อแตกออก มันจึงระเบิดออกมา เสียงระเบิดแม้ว่าจะมิดังมากนัก แต่ก็ทำให้น้ำมันก๊าดสาดไปทั่วร่างของทหารโดยรอบ
ไฟได้แผดเผาขึ้นมาอีกคราหลังจากเสียงปะทุดังขึ้น
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดอีกหนึ่งระลอก ภายในเวลาเพียงแค่มิกี่ถ้วยชา ทหารนับล้านของเคานต์อาริสต้าก็ได้จมดิ่งสู่ทะเลเพลิงที่ทอดยาวมิมีที่สิ้นสุด !
เคานต์อาริสต้าเเผดเสียงคำรามด้วยความโมโห ทะเลเพลิงนี้แผดเผาราวกับนรก มันเผาร่างของนายทหาร ต่อให้นอนกลิ้งบนพื้นก็มิอาจช่วยให้ไฟดับแต่อย่างใด !
ภายใต้สายตาหวาดกลัวของเคานต์อาริสต้า เขาก็ได้เห็นทหารของตนเองร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ร่างกายบิดงอ ตะเกียกกายวิ่งหนีเอาตัวรอดท่ามกลางไฟนรก…ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกไฟนรกนี่กลืนกิน
“ถอย… รีบถอยเร็วเข้า… ! ”
ในที่สุดอาริสต้าก็ออกคำสั่งให้ถอยทัพ ทว่า…
พื้นที่ข้างหลังได้มีกองไฟลุกไหม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว !
พวกทหารพากันวิ่งหนีกระเซอะกระเซิง ราวกับผีเสื้อยามตรีที่กำลังวิ่งเข้าหาตาข่ายเพลิง เปลวเพลิงยังมิได้ดับลงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังปะทุโชติช่วงยิ่งกว่าเดิม
ราวกับมีทะเลเพลิงโอบล้อมเมืองฝูสั่วเอาไว้ !
ทหารของเคานต์อาริสต้าวิ่งจ้าละหวั่น สิ่งที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่เบื้องหน้าก็คือปืนใหญ่และกระสุนที่ปะทุดังสนั่น ส่วนเบื้องหลังของพวกเขาเป็นไฟนรกที่ทำให้พวกเขาหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอด เปลวไฟได้ลามไปทั่วผืนปฐพีและค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนสูงเสียดฟ้า !
เคานต์อาริสต้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครา เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้นี่เองว่าอากาศบริเวณนี้มันช่างร้อนแรงเสียจริง ทั้งยังมีกลิ่นไหม้เกรียมของศพโชยคลุ้งอีกด้วย
เขามองไปทางทิศตะวันตก เมืองฝูสั่วถูกไฟโอบล้อมไว้ทั้งหมดเเล้ว ชาวเมืองพากันออกมาดูสถานการณ์ เมื่อหันไปมองรอบ ๆ รู้สึกถึงไอความร้อนที่โหมเข้ามา
เคานต์อาริสต้ารู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันใด
และเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อรู้ว่าแม้แต่ตนเองก็มิอาจหนีออกไปจากทะเลเพลิงได้
บัดนี้สมองของเขานั้นว่างเปล่า
ตั้งแต่ที่ข้าศึกทุ่มหม้อใบแรกจนกระทั่งกลายเป็นทะเลเพลิงเช่นนี้ พวกเขาใช้เวลาเท่าใดกันนะ ?
มากสุดก็แค่ครึ่งชั่วยาม !
เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็สามารถจัดการกับทหารนับล้านได้แล้ว ! พวกเขาเป็นถึงทหารที่ฝีมือดีที่สุดในราชอาณาจักรนี้ แต่กลับถูกเปลวไฟกลืนกิน จากนั้นก็จะถูกเผาจนมอดไหม้เป็นธุลี !
“ใต้เท้ารีบหนีเร็วเข้า… ! ”
องค์รักษ์นายหนึ่งคำรามออกมาเสียงดัง เคานต์อาริสต้าจึงตื่นขึ้นมาจากความสิ้นหวัง จากนั้นก็หันไปมองทั้งสี่ทิศอย่างเลื่อนลอย แล้วแสยะยิ้มขมขื่นออกมา
หนีเยี่ยงนั้นหรือ ?
หนีไปที่ใดเล่า ?
รอบข้างเขาล้วนเป็นเปลวเพลิงที่ลุกแผดเผา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา ทันใดนั้นหม้ออีกใบก็ตกลงมาข้างกายของเขา น้ำมันก๊าดสาดลงมาบนร่างของเขา เปลวไฟลุกขึ้นมาทันใด
ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงตรงนี้
ในห้วงสุดท้ายของชีวิต เขาก็ได้ย้อนนึกถึงคำทำนายที่เล่าลือกันมา
คนพวกนี้เป็นอสุรกายที่เดินทางมาจากแดนบูรพา พวกเขาเป็นผู้ชนะสิบทิศ พวกเขาสามารถทำให้ใต้หล้าพังพินาศย่อยยับได้อย่างง่ายดาย !
ชื่อของพวกเขาคือต้าเซี่ย !
เวลลีสหลับตาลงช้า ๆ เขารู้ดีว่ากองทัพหนึ่งล้านของราชอาณาจักรมิเหลือรอดอีกแล้ว
ทว่าเยี่ยงไรก็มีคนที่หนีรอดออกไปได้ และความเกรียงไกรของต้าเซี่ยย่อมทำให้ใต้หล้าตกตะลึง !