นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1311 พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งเงียบขรึม
ตอนที่ 1311 พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งเงียบขรึม
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่าไฟนรกที่แผดเผานอกเมืองฝูสั่วได้ดำเนินต่อเนื่องสามวันสามคืน
ราวกับว่าได้มีหิมะถล่มเมืองฝูสั่ว ทว่าหิมะนั้นกลับเป็นสีดำสนิท ซึ่งนั่นก็คือเถ้าถ่านที่เกิดจากการเผาไหม้นั่นเอง
เถ้าถ่านได้แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองฝูสั่ว บนถนนหนทางล้วนเป็นเป็นสีดำ บ้านเรือนต่างก็เป็นสีดำ ต้นไม้สองข้างทางก็ล้วนเป็นสีดำเช่นกัน หรือแม้แต่แม่น้ำก็มีเถ้าถ่านลอยอยู่เหนือกระแสน้ำ
มีกลิ่นเหม็นเคืองจมูกโชยคลุ้งทั่วอากาศ กลิ่นนี้คงอยู่นานครึ่งเดือนกว่าจะอันตรธานหายไป
กองทัพบกที่หนึ่งแห่งต้าเซี่ยออกเดินทัพอีกคราสามวันให้หลังจากนั้น
พวกเขาเหยียบอยู่บนพื้นที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม กองทัพสีเงินบนพื้นสีดำทะมึน เมื่อแสงสุริยาสีแดงฉานสาดส่อง ได้ขับให้พวกเขากลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามให้แก่แผ่นดินที่ลมหายใจรวยรินเต็มที
ชาวเมืองฝูสั่วส่งกองทัพสี่แสนนายกรีธาทัพออกไปอย่างเงียบเชียบ พวกเขามิรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไรถึงจะสามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นมาได้
จะว่าพวกเขาเป็นอสุรกายก็ว่าได้มิเต็มปาก เพราะพวกเขาปฏิบัติต่อชาวเมืองเป็นอย่างดี
แต่จะว่าพวกเขาเป็นเทวดาก็มิใช่…เพราะพวกเขาได้เผากองทัพหนึ่งล้านนายให้ตายทั้งเป็น ! คงมิมีเทวดาที่ใดทำเช่นนี้
วันนี้พวกเขาจากไปแล้ว พวกเขาจะเดินทางไปที่ใดต่อกันนะ ?
ทุกประเทศในยุโรปจะมีประเทศใดที่สามารถหยุดยั้งการรุกคืบของพวกเขาได้ ?
……
……
ณ เมืองแอนติออก เมืองหลวงของประเทศซิลูซิด
พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง ในพระหัตถ์ของพระองค์ถือรายงานสงครามเอาไว้
พระหัตถ์ของพระองค์สั่นระริกขึ้นมาทันใด พระขนงขมวดเข้าหากันแน่น พระองค์ทอดพระเนตรรายงานฉบับนี้นับสิบครา !
ในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่เงียบเชียบไร้ซึ่งสุ้มเสียง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก เหล่าเสนาบดีของพระองค์มิมีผู้ใดกล้าปริปากเอ่ยเลยสักคน พวกเขาสะกดกลั้นแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
เพิ่งมีจดหมายส่งมาจากเมืองฝูสั่วเมื่อสิบวันก่อน
นั่นเป็นจดหมายที่เขียนโดยลายมือของมาร์ควิสเวลลีส ข้อความในจดหมายคือต้องการจะสื่อสารแทนกองทัพที่เดินทางมาจากแดนบูรพา ซึ่งมีนามว่าประเทศต้าเซี่ย
ในจดหมายฉบับนั้น ท่านแม่ทัพผู้นั้นดูมีความจริงใจ และมิมีความตั้งใจที่จะเข้ามารุกรานราชอาณาจักร ทั้งยังมิมีเจตนารมณ์ที่จะเข้ายึดครองประเทศซิลูซิดแต่อย่างใด !
พวกเขาแค่อยากจะใช้ประเทศซิลูซิดเป็นทางผ่านไปยังฝูหล่างจีก็เท่านั้น
และมาร์ควิสเวลลีสยังบอกเล่าในจดหมายอีกว่า…เมืองฝูสั่วเสียการควบคุมและทุกวันนี้ยังคงตกอยู่ในกำมือของทหารต้าเซี่ย
และนี่ถือเป็นความน่าอับอายของพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่ง ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงสะท้านแดนไกล !
แท้ที่จริงหลังจากที่ได้รับจดหมายฉบับนั้นแล้ว พระองค์ทรงเรียกเหล่าเสนาบดีมาเข้าเฝ้าเช่นกัน เพื่ออยากจะขอความคิดเห็นเกี่ยวกับกองทัพนี้ เพราะพระองค์ทรงนึกถึงคำพยากรณ์ของราชินีมารีอาที่สอง
เมื่อคราที่เสด็จประพาสไปยังฝูหล่างจีเพื่อเข้าพบราชินีมารีอาที่สอง พระนางทรงตรัสมาเองว่าในอนาคตจะมีกองทัพจากแดนบูรพายกทัพเข้ามา พวกเขาจะเดินทัพโดยเลียบเส้นทางที่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงใช้เมื่อคราที่พระองค์ได้ยกทัพเข้าไปบุกแดนบูรพา และประเทศซิลูซิดก็บังเอิญอยู่บนเส้นทางนั้นพอดี !
พวกเขาจะขี่ม้าเหล็กและถือปืนเข้ามาพิชิตทวีปยุโรปทั้งหมด ประเทศซิลูซิดเองก็เช่นกัน
พวกเขาเป็นดั่งอสุรกายจากแดนบูรพาอันไกลโพ้น พวกเขาเดินทางมานับหมื่นลี้อย่างมิเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และพวกเขาจะนำพามหันตภัยมาให้แบบที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ !
บัดนี้คำทำนายของราชินีมารีอาที่สองกลายเป็นจริงอีกครา พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งจึงสนพระทัยเป็นพิเศษ และเมื่อข่าวการปราชัยของเมืองฝูสั่วได้แพร่มาถึง พระองค์จึงทรงรับสั่งให้เคานต์อาริสต้ายกกองทัพหนึ่งล้านนายเข้าไปช่วยเหลือ แน่นอนว่าการเข้าไปช่วยเหลือ มิใช่วัตถุประสงค์หลักของการยกทัพไปครานี้
พระองค์ทรงมีพระบัญชาต่อเคานต์อาริสต้าว่าจำต้องกำจัดกองทัพของแดนบรูพาให้สูญสิ้น !
กำจัดออกไปให้หมด !
ดังนั้นหลังจากที่ได้รับจดหมายแสดงเจตจำนงค์ของกวนเสี่ยวซีแม่ทัพแห่งกองทัพต้าเซี่ย พระองค์จึงมิยอมรับคำร้องสงบศึก พระองค์มิได้มีรับสั่งให้กองทัพของเคานต์อาริสต้าหยุดการโจมตี
ทว่าวันนี้…
แม้แต่เคานต์อาริสต้าก็ตายอยู่นอกเมืองฝูสั่วเช่นกัน !
ทหารตั้งหนึ่งล้านนายเชียว !
ทั้งกองทัพตายเรียบมิเหลือ !
พวกเขาถูกเปลวไฟแผดเผาจนตาย !
หรืออสุรกายเหล่านั้นจะมีพลังวิเศษดุจเทพเจ้ากัน ?
บัดนี้จะทำเยี่ยงไรดี ?
ต่อให้ขนทหารมาทั้งประเทศก็มิสามารถต้านทานกองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งทรงดำริอยู่เนิ่นนาน ทว่ามิได้ตรัสอันใดออกมา
ถ้าหากว่ารบแล้วแพ้ เช่นนั้นประเทศซิลูซิดก็จะสูญสลาย
แต่หากมิรบ...อีกฝ่ายหนึ่งมิได้ยื่นขอเสนอใด ๆ ผ่านจดหมาย พวกเขาเพียงขอใช้ประเทศซิลูซิดเป็นทางผ่านเท่านั้น ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือฝูหล่างจีต่างหากเล่า…
ฝูหล่างจีนั้นร่ำรวยด้านเทคโนโลยี มิว่าจะเป็นทหารบกหรือทหารเรือก็ตาม โดยเฉพาะการต่อสู้ทางทะเลนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าช่วงนี้มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดราชินีมารีอาที่สองถึงมิส่งกองทัพของพระนางออกไปขยายอาณาเขต แต่กลับฝึกซ้อมรบทางทะเลอยู่ที่น่านน้ำใกล้ ๆ อยู่เนืองนิตย์
หรือเป็นเพราะพระนางทรงทราบแล้วว่าประเทศต้าเซี่ยจะเข้ามาโจมตีฝูหล่างจีทางทะเลด้วยเช่นกัน ?
หลายปีมานี้พระนางหันกลับมาให้ความสำคัญกับกองทัพบก และทรงสถาปณากองทัพบกที่มีกำลังพลมากถึงแปดแสนนายด้วยกัน ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สามปีเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็นสี่หมู่เหล่า อีกทั้งยังติดตั้งอาวุธที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าปืนเหมาเซ่อเสียด้วยซ้ำ
ภายในระยะเวลาสามปี ทหารบกและทหารเรือของพระนางเกือบจะกวาดล้างดินแดนยุโรปทั้งหมด แม้จะประกาศว่าเป็นการซ้อมรบ ทว่าแท้ที่จริงกำลังบุกรุกดินแดนอื่นอยู่ พระนางทรงรวมทวีปยุโรปให้แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียว โดยเหตุผลของพระนางคือทวีปยุโรปจำต้องเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านอสุรกายที่ย่างกรายเข้ามาจากทิศบูรพา !
พระนางต้องการรวมอำนาจไว้ที่พระนางเอง พระนางต้องการกองทัพบกจำนวนมาก และต้องการกองทัพเรือที่มากขึ้นกว่าเดิม ต้องการเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อจะได้มีเงินทองมาพยุงศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต !
ในตอนที่พระนางทรงตรัสเหตุผลเล่านี้ออกมา ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป หรือแม้กระทั่งทวีปเอเชียตะวันตกต่างก็มิมีผู้ใดเชื่อ และด้วยเหตุนี้นี่เอง สมาชิกราชวงศ์ของหลายประเทศที่ถูกกำจัดจนล่มสลายไปแล้วนั้น มองว่าพระนางเป็นอสุรกายร้าย ทว่าพระนางมิได้สนพระทัยแต่อย่างใด พระนางยังคงเดินหน้าใช้อำนาจขับเคลื่อนสงครามต่อไป
ทุกวันนี้พระปณิธานของพระนางได้กลายเป็นจริงแล้ว
พระนางได้กลายเป็นประมุขของทวีปยุโรปทั้งทวีป
ทวีปยุโรปเดิมแบ่งออกสิบกว่าประเทศด้วยกัน ทว่าบัดนี้มันมิมีอีกแล้ว มีแค่ฝูหล่างจีประเทศเดียวเท่านั้น !
ล่าสุดมีรายงานมาว่า ราชินีมารีอาที่สองได้ขยายกองทัพทหารบกมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนนายแล้ว !
ส่วนกองทัพเรือเองก็มีเรือรบแล้วทั้งสิ้นสามร้อยลำ !
พระนางทรงโยกย้ายทหารทั้งสี่หมู่เหล่าไปยังพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออกกับทวีปยุโรป ซึ่งที่นั่นก็คือเมืองพาเลอมอร์นั่นเอง !
คำทำนายของพระนางเป็นจริงแล้วในวันนี้
พระนางทรงหวังว่าประเทศซิลูซิดจะสามารถสยบอสุรกายร้ายนี้เอาไว้ได้ ทว่าทุกวันนี้ก็เป็นที่แจ่มชัดแล้วว่าประเทศซิลูซิดมีความสามารถมิเพียงพอ เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกอสุรกายเหล่านี้เข้ามา แล้วให้พวกมันมาทำศึกตัดสินกันที่เมืองพาเลอร์มอร์ก็แล้วกัน !
พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งวางรายงานลง พระองค์ทรงเงยพระเศียรขึ้นมา จากนั้นก็กวาดสายพระเนตรมองเหล่าเสนาบดีทั้งหลาย พร้อมปรารภอย่างเรียบเฉยว่า “สั่งการมิให้ทุกเมือง ทุกกองทัพของราชอาณาจักรโจมตีกองทัพต้าเซี่ยเป็นอันขาด ! ”
“เปิดถนนให้พวกเขาทุกเส้นทาง ถ้าหากพวกเขาต้องการสิ่งใด…จงสนองความปรารถนาของพวกเขา ! ”
เมื่อขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นได้ยินดังนั้น บ้างก็มิยอมจำนน บ้างก็ปล่อยวางความกังวลในใจลง
ขุนนางที่มิยอมจำนนนั้นมีน้อยมาก อาทิเช่น…เจ้าชายอาเธอร์
เขาอยากเดินทางไปทำศึก แต่คาดมิถึงว่าองค์จักรพรรดิจะประกาศยอมแพ้เสียแล้ว
เขาอยากจะเอ่ยอันใดบางอย่าง ทว่าทันใดนั้นพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งทรงยืนขึ้น พระองค์ทรงหยิบรายงานฉบับนั้นขึ้นมา สะบัดฉลองพระองค์แล้วเดินลงมาจากบัลลังก์ทอง
ถือเป็นความอับอายของผู้เป็นจักรพรรดิอย่างแท้จริง !
ในเมื่อฝ่าบาทมิกล้าทำศึก…ข้าก็จะกลับถิ่นของข้า แล้วรวมทหารติดอาวุธฝีมือดีหกแสนนายของข้าและกองทัพหนึ่งล้านนายของกองทัพใหญ่เข้าด้วยกัน เช่นนั้นก็จะกลายเป็นกองทัพขนาดมหึมาซึ่งมีกำลังพลมากถึงหนึ่งล้านหกแสนนาย จากนั้นก็จะไปดักรอทำศึกอยู่บนเส้นทางที่พวกอสุรกายจำต้องผ่าน !