นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1313 ฟังเสียงหิมะตก
ตอนที่ 1313 ฟังเสียงหิมะตก
ณ จวนของหยุนซีเหยียนในเมืองฉางอัน
วันนี้เป็นวันหยุดของราชสำนัก หยุนซีเหยียนจึงเชิญเยี่ยนซีเหวิน ฉินโม่เหวินและหนิงหยู่ชุนมาที่จวนเพื่อชมหิมะตก
จวนของหยุนซีเหยียนนั้นกว้างใหญ่ยิ่งนัก ใหญ่ถึงขนาดที่สามารถจุเรือนมากถึงห้าหลังด้วยกัน และเรือนที่เหมาะแก่การชมหิมะมากที่สุดก็คือเรือนเหมยหย่วน
เรือนหลังนั้นมีหน้าต่างรอบเรือนเพื่อชมหิมะ ด้านนอกหน้าต่างเป็นทิวทัศน์ของต้นเหมย
ดอกเหมยกำลังจะผลิบาน ทว่ามีบางดอกที่รอมิไหวจนเบ่งบานเผยความงามออกมาให้ชมก่อนแล้ว
ดอกเหมยสีแดงตัดกับหิมะสีขาวบริสุทธ์ช่วยทำให้บรรยากาศงดงามยิ่งขึ้น
ภายในเรือนชมหิมะ เตาผิงถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้ความอบอุ่นสามเตาด้วยกัน โต๊ะไม้จันทน์สีแดงแสนวิจิตรมีคนนั่งล้อมโต๊ะแปดคนด้วยกัน มีทั้งเสนาบดีใหญ่ในต้าเซี่ย มีทั้งตระกูลร่ำรวย
ในบรรดาแขกเหรื่อเหล่านั้นมีจังชีเยวี่ย เฉียวฉู่สือและเฉินชิงอีที่เพิ่งกลับมาจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์
“วันนี้รายงานทรัพย์สินจากกรมคลังได้ประกาศออกมาแล้ว” หยุนซีเหยียนกำลังต้มชา สายตาของทุกคนจ้องไปทางเขาอย่างระริกระรี้ “พวกเจ้าลองเดาดูสิว่าหากเทียบกับปีที่แล้ว มันเพิ่มขึ้นหรือลดลง ? ”
ซือหม่าเทายิ้มร่า “มันก็ต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้วล่ะ ปีนี้ตระกูลได้ลองสรุปดูคร่าว ๆ แล้ว การค้าทั้งในและนอกประเทศเติบโตกว่าปีที่แล้วมากถึงสองเท่าเชียว ! ”
“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าปีนี้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมานั้น…เพิ่มมาจากส่วนใด ? ”
หยุนซีเหยียนถามต่อ เรื่องนี้เสนาบดีทั้งสามฝ่ายก็มิอาจทราบเช่นกัน เยี่ยนซีเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หรือจะเป็นพื้นที่ที่บรรเทาความยากจนเหล่านั้น ? ”
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยนซีเหวินพลันแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะปฏิเสธความคิดของตนเองไป “มิมีทางมาจากพื้นที่เหล่านั้นเป็นแน่”
แผนพัฒนาชุมชนได้ดำเนินมากว่าครึ่งปีแล้ว หากจะถามว่ามันส่งผลดีหรือไม่นั้น…มันย่อมส่งผลดี แต่เป็นเพราะถนนยังมิอาจไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก หรือเป็นเพราะรากฐานของที่นั่นอ่อนแอจนเกินไปเป็นต้น ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งปีมิอาจแสดงผลของความสำเร็จมาในรูปแบบรายงานทรัพย์สินของกรมคลังได้…แท้ที่จริงแล้วจากรายงานทรัพย์สินของกรมคลัง สถานที่เหล่านั้นยังคงเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่ราชสำนักส่วนกลางต้องให้การช่วยเหลือบรรเทาเสียด้วยซ้ำ
ฉินโม่เหวินลูบเคราครุ่นคิด “หรือจะเป็นการค้ากับประเทศโดยรอบ ? ชาวต่างชาติในเมืองฉางอันนับวันยิ่งมีมากขึ้น ส่วนมากเป็นชาวอาหรับ โหลวหลาน อิหร่านเป็นต้น ทุกวันนี้เส้นทางสายไหมทางบกได้เชื่อมต่อกันทั้งหมดแล้ว คาดว่าคงจะนำผลกำไรมาให้จำนวนมหาศาล”
“ที่ท่านฉินเอ่ยถูกต้องครึ่งหนึ่ง ! ” หยุนซีเหยียนเอ่ยพลางรินชาให้แก่ทุกคน
“แท้ที่จริงแล้วตลอดสามปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจที่เติบโตมากที่สุดของต้าเซี่ยคือการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านนั่นแหละ ทว่าปีนี้กลับมิเหมือนเดิม…”
หยุนซีเหยียนวางกาน้ำชาลงพลางกวาดสายตามองทุกคนรอบโต๊ะ “ปีนี้มีสถานที่หนึ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นก็คือแผ่นดินใหญ่ลีอาห์นั่นเอง ! ”
คำบอกเล่านี้ทำให้ทุกคนในวงสนทนาตกตะลึง
แม้ว่าจะเปิดเส้นทางเดินเรือระหว่างต้าเซี่ยกับแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เมื่อปีที่แล้ว ทว่าการค้าระหว่างแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อครึ่งปีหลังนี้เอง
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งปี การค้าขายระหว่างต้าเซี่ยและแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เติบโตอย่างก้าวกระโดด
“จากรายงานของการท่าเรือ ปีก่อนเรือจากต้าเซี่ยที่มุ่งหน้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์มีวันละมิเกิน 5 ลำเท่านั้น ทว่าในปีนี้กลับเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละ 30 ลำต่อวัน ! ”
“ตอนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงเสด็จไปถึงแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ หลังจากข่าวที่พระองค์ทรงจัดงานเลี้ยงครานั้นถูกเผยเเพร่ออกไป…เรื่องนี้ชีเยวี่ยและพวกเขาสามคนต่างก็ทราบดี จักรพรรดิพระเจ้าหลวงจะทำให้แผ่นดินใหญ่ลีอาห์เป็นกระดานที่สามารถกระโดดไปสู่ทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งหมายความว่าในอนาคตการค้าระหว่างประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือจะเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น”
“แม้จะมิมีผู้ใดทราบว่าทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมีหน้าตาเป็นแบบใด ทว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงตรัสเอาไว้แล้วว่า เส้นทางเดินเรือเส้นนี้จะเป็นเส้นทางสายไหมทางทะเล พระองค์ทรงตรัสว่าสถานที่แห่งนั้นมั่งคั่งรุ่งเรือง เป็นทองคำทุกหนเเห่ง ! ”
“พ่อค้าชาวต้าเซี่ยที่เดินตามเขาไปล้วนแต่ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ…พวกเจ้าก็อยากรวยตามเขาใช่หรือไม่เล่า ? ดังนั้นเมื่อมีคำเอ่ยของเขาคอยสนับสนุน พ่อค้าชาวต้าเซี่ยก็เลยเบนสายตาไปทางแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ในระยะเวลาอันสั้น ! ”
“จนกระทั่งปลายปีนี้ เรือโดยสารที่ออกเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เฉลี่ยราว 100 ลำต่อวันด้วยกัน ! ”
“นี่ทำให้หยวนตงเต้าพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ปัจจุบันหยวนตงเต้ากลายเป็นสถานที่ถ่ายเทและเพิ่มเติมสิ่งของ ทำให้หยวนตงเต้าพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน”
“จากการรวบรวมข้อมูลเมื่อปลายปีที่ผ่านมาของกรมคลัง พบว่ามีพ่อค้าชาวต้าเซี่ยนับพันรายเข้าไปเปิดโรงงานที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์ หนึ่งในนั้นมีตระกูลซือหม่าด้วย อีกทั้งยังมีโรงงานสิ่งทอจิ่นซิวของชีเยวี่ยอีกด้วยและอื่น ๆ มากมาย”
“ทั้งสามแคว้นบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์กลายเป็นแหล่งแปรรูปสินค้าที่สำคัญที่สุดของพวกเราภายในระยะเวลาหนึ่งปี ! สถานที่แห่งนั้นมีค่าแรงที่ต่ำมาก ทั้งยังร่ำรวยทรัพยากร เมื่อความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นั่นจึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของต้าเซี่ยในทุกวันนี้ ! ”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่หยุนซีเหยียนสาธยายออกมาเสียยืดยาว พวกเสนาบดีทั้งสามเพิ่งตระหนักได้ในตอนนั้นเองว่าการที่ฟูเสี่ยวกวนไปบุกเบิกสถานที่แห่งนั้นมีความสำคัญต่อต้าเซี่ยมากถึงเพียงนี้ !
“เขาช่างเล่นใหญ่เสียจริง ! ”
แน่นอนว่าเขาที่ว่านั้นก็คือฟู่เสี่ยวกวน
“ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือต่างจากสิ่งที่เขาเอ่ยมิมากนัก ถ้าหากเขาได้ลงนามความร่วมมือทางการค้ากับประเทศเหล่านั้นทั้งหมด… แผ่นดินใหญ่ลีอาห์ก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น ส่วนต้าเซี่ยก็จะตั้งตระหง่านเหนือผู้ใดในใต้หล้าแห่งนี้ ! ”
คำเอ่ยนี้มิได้เกินจริงแม้แต่นิดเดียว
เพราะพวกเยี่ยนซีเหวินรู้ดีว่าสัญญาฉบับนั้นที่ฟู่เสี่ยวกวนร่างขึ้นมามีประโยชน์ต่อต้าเซี่ยมากเพียงใด !
ต้าเซี่ยจะได้ยึดครองผลประโยชน์มากมาย ดังนั้นถ้าหากเส้นทางสายไหมทางน้ำสามารถเดินทางไปมาหาสู่ได้จริง ๆ มันจะกลายเป็นเส้นทางทองคำดั่งที่เขาเคยกล่าวเอาไว้ !
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตั้งตารอคอย
“เฮ้อ…เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปเป็นปีแล้วสินะ มิรู้ว่าบัดนี้เขาอยู่ที่ใดแล้ว มิรู้ว่าทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่ ? ” หนิงหยู่ชุนยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “ก่อนเขาจากไป เขาบอกว่ามากสุดก็ห้าปีน้อยสุดก็สามปี…เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าวันแต่ละวันมันผ่านไปช้ายิ่งนักเล่า ? ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ… ! ” เยี่ยนซีเหวินหัวเราะร่วน “เป็นเพราะผลประโยชน์ที่เขาวาดเอาไว้มันใหญ่โตเยี่ยงไรเล่า ราษฎรและพ่อค้าชาวต้าเซี่ยต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมอยากเขมือบผลประโยชน์เข้าไปเร็ว ๆ ! ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น จริงสิ…ฝ่าบาททรงเสด็จไปยังเมืองกวนหยุน ได้ยินมาว่าในวันปีใหม่พระองค์จะเสด็จไปยังสุสานราชวงศ์เพื่อไหว้บรรพบุรุษ เรื่องสำคัญเช่นนี้พวกเจ้าทั้งสามมิตามขบวนเสด็จไปด้วยหรอกหรือ ? ”
หยุนซีเหยียนจ้องมองเสนาบดีทั้งสามพร้อมเอ่ยถาม
“ข้าเคยถามฝ่าบาทที่ห้องทรงพระอักษรแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่าเรื่องบ้านเมืองนั้นสำคัญยิ่ง…พระองค์จะนำขุนนางจากสำนักดาราศาสตร์ไปเพียงหยิบมือ และคนจากสำนักพระราชวังชั้นในไปจำนวนหนึ่งเท่านั้น ข้าคิดว่าคงเป็นเพราะฝ่าบาททรงมีพระดำริเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว”
หยุนซีเหยียนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็หันเหสายตาไปมองนอกหน้าต่าง นอกหน้าต่างมีหิมะขาวปลิวไสว ล้วนแต่เป็นสีขาวโผลย ทว่าสีหน้าของเขาดูหว้าเหว่ยิ่งนัก
ฉินโม่เหวินขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีอันใดที่ข้ายังมิรู้อีกหรือ ? ”
“คลังส่วนพระองค์…มิมีเงินเหลือแล้ว ! ”
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรกัน ? ”
“ก่อนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงจะจากไป พระองค์ได้บอกกับข้าเอาไว้ว่า…หากต้องการทราบข้อมูลคลังส่วนพระองค์ให้ไปพบหลี่จินโต้ว” หยุนซีเหยียนหันไปเฉินชิงอี “หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เจ้าได้ไปพบอาจารย์ของเจ้าหนึ่งครา ท่านหลี่ก็มิรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไรเช่นกัน เพราะคลังส่วนพระองค์นั้นเป็นเงินส่วนพระองค์ เมื่อฝ่าบาทมีพระประสงค์ที่จะใช้ เขาก็ทำได้เพียงแค่ไปถอนมาให้ก็เท่านั้น ทว่าท่านหลี่มีไหวพริบดี เขาได้จดบันทึกว่าเงินทั้งหมดนั้นหายไปที่ใด ! ”
“มันหายไปที่ใดกัน ? ” เยี่ยนซีเหวินเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“นอกตำหนักที่ทรงสร้างบนภูเขาแล้ว เงินส่วนใหญ่…ถูกย้ายไปที่บัญชีการค้าชิงโหลว”
หยุนซีเหยียนเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยต่อว่า “ข้าได้ขอให้หลี่ฉายผู้จัดการธนาคารตรวจสอบเลขบัญชีนี้ พบว่าคนที่เปิดบัญชีนี้มีนามว่ากงฮ้วนอวี่ และเงินส่วนมากไหลหลั่งเข้าสู่เขตปกครองตนเองซีเซี่ย ! ”
“ซึ่งประจวบเหมาะพอดี…เพราะบัญชีปลายทางในเขตปกครองตนเองซีเซี่ยก็คือท่าป๋ายวี่ เขาเป็นอาของท่าป๋าวั่งจ่งตูแห่งเขตปกครองตนเองซีเซี่ย ! ”