นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1315 ขุนนางผู้มากความสามารถ
ตอนที่ 1315 ขุนนางผู้มากความสามารถ
โหยวเซียนจือประคองมือคารวะพร้อมเอ่ยว่า “แม้ว่าพวกกระหม่อมจะจากราชสำนักมาแล้ว ทว่ายังคงติดตามสถานการณ์ในราชสำนักดังเดิม ! ”
“ปีนี้ฝ่าบาททรงผลักดันนโยบายการค้าตอบเเทนการเกษตรถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณคราใหญ่ ! ”
“เมื่อคราที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงยังครองบัลลังก์ พระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องการเกษตรเป็นพิเศษ พระองค์ทรงตรัสเรียกว่าสามปัญหาการเกษตร เเต่ก่อนพระองค์ทรงตรัสว่า ถ้าหากจัดการสามปัญหาการเกษตรนี้ได้ รากฐานของต้าเซี่ยก็จะแข็งแกร่งขึ้นมา ! ”
อู๋เทียนซื่อยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เมื่อคราที่เจิ้นอยู่เคียงข้างเสด็จพ่อ ก็มักจะได้ยินเสด็จพ่อตรัสถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง”
“พระองค์ทรงตรัสว่าสำหรับราษฎรเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญเทียมฟ้า ในฐานะประมุขของประเทศ สิ่งแรกที่ต้องแก้ไขคือทำให้ราษฎรได้กินอิ่มนอนหลับอย่างสุขสบาย คาดว่ารายงานของกรมคลังคงจะสรุปออกมาตอนที่เจิ้นออกเดินทางพอดี เหล่าเสนาบดีเยี่ยนต่างเอ่ยว่าปีนี้เศรษฐกิจของต้าเซี่ยจะเจริญเติบโตมากขึ้น… เจิ้นคิดว่าในเมื่อเศรษฐกิจของต้าเซี่ยเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นก็ถือเวลาที่ต้องตอบแทนเกษตรกรที่ทุ่มเทเพื่อต้าเซี่ยบ้างแล้ว”
“คราหนึ่งเสด็จพ่อทรงตรัสว่ายามชราจะได้รับการเลี้ยงดู เด็กจะได้รับการศึกษา ผู้ขัดสนจะมีแหล่งพิงพัก ผู้ทุกข์ยากจะได้รับการช่วยเหลือ… ปัญหาเหล่านี้จะค่อย ๆ ได้รับการเเก้ไข เจิ้นเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าอีกมิกี่ปี ปัญหาเหล่านี้ก็จะมิหลงเหลืออยู่อีก ! ”
อู๋เทียนซื่อรู้สึกภูมิใจจนล้นอกเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ภายใต้การชี้นำของฟู่เสี่ยวกวน เขาจึงจำหลักการบริหารประเทศได้ และเขาก็หวังว่าตนจะสามารถเดินบนถนนที่เสด็จพ่อได้ปูทางเอาไว้ให้อย่างแตกต่างและเฉิดฉาย
ในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ แท้ที่จริงเขากำลังคิดว่าจะเป็นจักรพรรดิที่ดีได้เยี่ยงไร
เพียงเเต่ความคิดของเขานั้นแตกต่างกับความคิดของฟู่เสี่ยวกวน !
เขาหวังว่าตนเองจะได้ครอบครองทุกอย่าง !
รวมทั้งเหล่าเสนาบดีในราชสำนักและราษฎรในใต้หล้า !
เขามิอาจยอมรับความคิดร่วมกันปกครองที่ฟู่เสี่ยวกวนได้สั่งสอนเขาได้ เพราะเขาเป็นถึงจักรพรรดิ !
อาจารย์ของเขาก็คือเหวินสิงโจว !
แท้ที่จริงเหวินสิงโจวสนับสนุนความคิดของฟู่เสี่ยวกวนในหลาย ๆ ประการ แต่มีเพียงความคิดร่วมกันปกครองของฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้น ที่ยากจะทำความเข้าใจได้ !
ใต้หล้าล้วนเป็นของจักรพรรดิ !
ตำแหน่งจักรพรรดิมีเพียงหนึ่งเดียว อำนาจจักรพรรดิมีเพียงหนึ่งเดียว จะร่วมกันปกครองได้เยี่ยงไร ?
จากการวิเคราะห์ของเหวินสิงโจวแล้วนั้น ที่ฟู่เสี่ยวกวนสามารถทำแบบนั้นได้ก็เนื่องจากว่าพระองค์ทรงเป็นผู้บุกเบิก และทรงเป็นผู้สถาปนาต้าเซี่ยอันเกรียงไกร !
จักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถเยี่ยงฟู่เสี่ยวกวน เหตุผลที่เขาให้ปกครองร่วมกัน เกรงว่าเขาคงจะขี้เกียจก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นจึงนำเรื่องบ้านเมืองโยนทิ้งให้สามสำนักหกกรม ฟู่เสี่ยวกวนทำได้ ทว่าอู๋เทียนซื่อมิอาจทำได้เด็ดขาด !
เพราะอย่าว่าแค่สามสำนักหกกรมเลย แม้แต่ขุนนางชั้นผู้น้อยก็ฟังเพียงคำสั่งของฟู่เสี่ยวกวนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
พวกเขามิกล้าคิดชั่วร้าย ขุนนางเยี่ยงเหยียนซีไป๋หรือจงสือจี้มีมิมากนักในต้าเซี่ย เมื่อฟู่เสี่ยวกวนสืบทราบความจริง พวกเขาก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อด้วยชีวิต !
นอกจากนี้ฟู่เสี่ยวกวนยังมีตำเเหน่งสูงส่งในสายตาชาวต้าเซี่ยหรือแม้กระทั่งประเทศใกล้เคียง ราษฎรต้าเซี่ยทราบว่าเมื่อมีเขาคืนวันก็จะดียิ่งขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านต่างก็ยอมเคารพเชื่อฟังคำสั่งของเขาแต่โดยดี !
แต่เมื่อประเทศชาติอันหนักอึ้งนี้ตกไปอยู่บนบ่าของอู๋เทียนซื่อ เขามิได้มีเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่แบบนั้น ดังนั้นเหวินสิงโจวจึงเล็งเห็นว่าเขาควรจะคว้าอำนาจทั้งหมดมาอยู่ในกำมือ ประเทศชาติจะได้กลับมาดำเนินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องเสียที
ใต้หล้านี้มิได้มีเพียงแค่ฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้น !
หากวันใดวันหนึ่งจักรพรรดิพระเจ้าหลวงเสด็จสวรรคต เช่นนั้นหากต้าเซี่ยมิอาจรวมศูนย์อำนาจเอาไว้ได้ มันจะแตกแยกออกไปเป็นห้าประเทศดังเดิมหรือไม่ ?
ขุนนางเหล่านั้นที่ถูกฟู่เสี่ยวกวนบ่มเพาะมานานหลายปี เวลานี้พวกเขาคุ้นชินกับการตัดสินเรื่องเล็กเรื่องน้อยเเล้ว มิมีสถานการณ์ใดบีบบังคับพวกเขาได้อีกเเล้ว ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะได้ใจหรือไม่ ?
ถ้าหากพวกเขามิเห็นอู๋เทียนซื่อจักรพรรดิพระองค์ใหม่อยู่ในสายตา ท้ายที่สุดอำนาจศักดินาก็จะถือกำเนิดขึ้น ส่วนอำนาจจักรพรรดิก็จะตกต่ำลง นี่เป็นสิ่งที่เหวินสิงโจวคาดการณ์เอาไว้ เพียงแต่เหวินสิงโจวหวังว่าอู๋เทียนซื่อจะใช้วิธีการที่ละมุนละม่อมเเล้วเดินไปบนเส้นทางนี้ เพราะฟู่เสี่ยวกวนยังมิได้สวรรคต พระองค์เพียงแค่เสด็จไปยังดินแดนที่ห่างไกลก็เท่านั้น
การกลับเมืองกวนหยุนครานี้ อู๋เทียนซื่อมีหลายเรื่องต้องจัดการด้วยกัน และการมาพบปะเสนาบดีเก่า ๆ ก็เป็นความคิดที่เสนอโดยเหวินสิงโจว
เสนาบดีเก่า ๆ พวกนี้ยังคงยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติเดิมของราชวงศ์อู๋ พวกเขามิได้ซึมซับความคิดของฟู่เสี่ยวกวนสักเท่าใดนัก
ในเมื่อพวกเขามีความสามารถช่วยก่อสร้างยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของฟู่เสี่ยวกวนขึ้นมาได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมมีความสามารถในการช่วยให้อู๋เทียนซื่อปกครองต้าเซี่ยได้รุ่งเรืองดุจไหมทอง
แม้ว่าพวกเขาจะเกษียณอายุไปแล้ว แต่แท้ที่จริงพวกเขาก็มิได้มีอายุมากนัก และคนที่อายุมากที่สุดในบรรดาเสนาดีทั้งหกกรมก็คือกวนซานเฉียนอดีตเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ แต่กระนั้นเขาก็มีอายุแค่ 52 ปีเท่านั้น
ในสมัยราชวงศ์อู๋พวกเขาอยู่ในวัยหนุ่มซึ่งมีกำลังวังชาพอดี
เพียงแต่ว่าฟู่เสี่ยวกวนโปรดปรานที่จะใช้เสนาบดีหนุ่ม ๆ มากกว่า พวกเขาจึงจำต้องสละตำแหน่งให้พวกเยี่ยนซีเหวินแทน
“เจิ้นทราบว่าเจิ้นทำเรื่องเหลวไหล เจิ้นหวังว่าพวกเจ้าจะให้อภัยเจิ้นได้ คิดเสียว่า…คิดเสียว่าเจิ้นเป็นเด็กคนหนึ่งที่มิรู้ประสีประสาก็เเล้วกัน ! ”
“เจิ้นขึ้นครองบัลลังก์ได้ปีกว่า ทุกวันนี้เจิ้นกระทำผิดพลาดมิน้อย สิ่งที่เจิ้นอยากจะบอกพวกเจ้าก็คือ…เจิ้นจะยกตำหนักบนภูเขานั้นให้กลายเป็นบ้านพักคนชรานอกเมืองฉางอัน”
“ที่นั่นมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับเลี้ยงดูคนชรา เจิ้นหวังว่าพวกเขาจะสามารถสำราญกับความสงบสุขของต้าเซี่ยได้ หวังว่าจะได้เห็นพวกเขามีชีวิตต่ออีกสองสามปี ได้เห็นต้าเซี่ยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การปกครองของเจิ้น”
เสียงปรบมือดังกึกก้องพระราชวัง !
เสียงปรบมือเหล่านี้ดังออกมาจากใจ !
เสนาบดีบางคนถึงขั้นตื้นตันจนน้ำตาปริ่ม !
ท่านจวงร้องไห้โฮ เขาเช็ดน้ำตากับเเขนเสื้อพลางสะอื้นไห้ “ฝ่าบาท…ฝ่าบาททรงตั้งพระทัย…เมื่อต้าเซี่ยมีจักรพรรดิที่ทรงปรีชาสามารถเช่นนี้ ยังต้องกังวลว่าต้าเซี่ยจะมิเจริญรุ่งเรืองอยู่อีกหรือ ? ยังต้องกังวลว่าประเทศชาติจะมิแข็งแกร่งอยู่อีกหรือ ? ”
“กระหม่อมขอเป็นตัวแทนของราษฎรชาวต้าเซี่ย…ขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”
ท่านจวงพยุงกายขึ้น จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปสามก้าว เขากำลังจะคุกเข่าลง ทว่าอู๋เทียนซื่อรีบยื่นมือไปช่วยพยุงเขาขึ้นมา
“ท่านผู้อาวุโส ท่านอายุเยอะแล้ว อย่าได้คุกเข่าลงเลย เจิ้น…เจิ้นมิคู่ควร ! ”
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทคู่ควร ! ราชวงศ์อู๋ตั้งมั่นอยู่หลายร้อยปี แม้ว่าวันนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็นต้าเซี่ย ทว่าในใจของกระหม่อม ต้าเซี่ยยังเป็นราชวงศ์อู๋อยู่เสมอ ! ”
“กระหม่อมเป็นผู้ที่จุกจิกจู้จี้เรื่องกฎเกณฑ์ เป็นผู้ที่รำลึกถึงเรื่องเก่าแก่เสมอ กระหม่อมรู้สึกปลื้มปีติยิ่งนักที่ได้มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่ก่อนนั้นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงรวมเอกราชเป็นหนึ่งเดียว ! ส่วนทุกวันนี้มีจักรพรรดิผู้ทรงธรรมปกครองด้วยความเมตตา ! ต้าเซี่ยจะต้องเจริญรุ่งเรืองไปอีกพันปีพัน ๆ ปี รากฐานของต้าเซี่ย…จะแข็งแกร่งตลอดไป ! ”
เหล่าเสนาบดีต่างลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ต่างก็ประคองมือขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง แล้วส่งเสียงแซ่ซ้อง “ต้าเซี่ยจะต้องเจริญไปอีกพันปีพัน ๆ ปี รากฐานของต้าเซี่ยจะแข็งแกร่งตลอดไป ! ”
อู๋เทียนซื่อตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ นี่…นี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ !
เสนาบดีเก่า ๆ เหล่านี้ต่างแซ่ซ้องออกมาจากใจ เป็นคำสรรเสริญที่ออกมาจากหัวใจของพวกเขาจริง ๆ !
พวกเยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ มักจะมองเขาเป็นเด็กที่มิรู้ประสีประสาอยู่เสมอ ! มิว่าจะเป็นนโนบายใดก็ตาม พวกเขาจะจัดทำหนังสือราชการขึ้นมา และขอให้ตนประทับตราไว้ด้านบนเท่านั้น…
พวกเขาเห็นเจิ้นเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด !
พวกเขา…รังแกเจิ้น !
อู๋เทียนซื่อสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ยืดอกเพื่อพ่นความขุ่นเคืองในใจออกมา เขาสะบัดสองเเขนแล้วเอ่ยเสียงดังลั่นว่า “การที่เจิ้นได้รับความไว้วางใจจากพวกเจ้า ได้รับความไว้วางใจจากใต้หล้าถือเป็นเกียรติของเจิ้นอย่างแท้จริง ! ”
“ทุกท่าน ที่เจิ้นเดินทางมายังเมืองกวนหยุนครานี้ เจิ้นได้นำความหวังกลับมาด้วย”
“เจิ้นหวังว่าพวกท่านจะกลับไปยังเมืองฉางอันอีกคราหลังจากวันปีใหม่ หวังว่าจะกลับไปเข้าร่วมคณะรัฐมนตรีอีกคราเพื่อคอยช่วยเหลือเจิ้นและเขียนประวัติศาสตร์อันงดงามร่วมกัน ! ”