นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1319 ย้อนนึกถึงวันวาน
ตอนที่ 1319 ย้อนนึกถึงวันวาน
ควันร้อนจากชาลอยโขมง
หลังจากที่ฟังหลี่จินโต้วเอ่ย เฉินชิงอีก็ลืมไปเสียสนิทว่าตนต้องรินชา เขาทราบได้ในทันทีว่าสถานการณ์ร้ายแรงเพียงใด !
ปัญหามิได้อยู่ที่กลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แต่มันอยู่ที่ฝ่าบาทต่างหาก !
“เจ้าอย่าได้คิดอันใดมั่วซั่ว ! ” หลี่จินโต้วเคาะเขม่ายาสูบออกมา พลางใช้นิ้วชี้เคาะลงกับโต๊ะ “รินชาสิ ! ”
เฉินชิงอีรีบร้อนรินชาสองถ้วย จากนั้นก็ส่งให้หลี่จินโต้วหนึ่งถ้วย “ศิษย์เข้าใจแล้ว เพียงแต่ว่าพี่รองเป็นผู้จัดการธนาคาร ธนาคารเพื่อราษฎรต้าเซี่ย โดยดูเเลเรื่องการพิมพ์ธนบัตร ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญมากยิ่งนัก ถ้าหาก… ศิษย์หมายความว่าถ้าหากพี่รองพิมพ์ธนบัตรออกมาอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ควรจะทำเยี่ยงไรดี ? ”
“เรื่องนี้มิต้องเป็นกังวลไป ให้ยึดตามกฎหมายการเงินของต้าเซี่ย ต่อให้ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์ที่จะพิมพ์ธนบัตรก็ต้องผ่านการตรวจสอบของทั้งสามแผนกอยู่ดี เสนาบดีทั้งสามฝ่ายทราบดีว่าการพิมพ์ธนบัตรอย่างไร้กฎเกณฑ์นั้นอันตรายมากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยุนซีเหยียนเสนาบดีกรมคลัง เขารู้ดีว่าการที่เงินตราสูญเสียการควบคุมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจใหญ่หลวงเพียงใด เช่นนั้นฝ่าบาทมิอาจใช้หนทางนี้ได้”
“สิ่งที่ข้าเป็นกังวลมากที่สุดมิใช่สิ่งนี้ แต่การที่ฝ่าบาทมิมีเงินนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าพระองค์จะหันมาจัดการกับกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แห่งนี้ ! บางที…พระองค์อาจจะปลดหยุนซีเหยียนออกจากตำแหน่ง แล้วให้คนที่เชื่อฟังพระองค์เข้าไปรับตำแหน่งแทน”
“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อยยิ่งนัก หยุนซีเหยียนผู้นั้นลื่นไหลจะตาย อีกอย่างเขาเป็นคนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงแต่งตั้งขึ้นมาด้วยพระองค์เอง ทั้งยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเสนาบดีและคณะรัฐมนตรีอีกด้วย ถ้าหากฝ่าบาทจะสลัดเขาออกจากตำแหน่ง พระองค์คงต้องมีพระราชอำนาจใหญ่เทียมฟ้าเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้”
“ดังนั้นเมื่อข้าลองคิดดูเเล้ว จึงตระหนักได้ว่ากลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากที่สุด เดิมทีมันก็เป็นธุรกิจของราชวงศ์อยู่แล้ว จักรพรรดิพระเจ้าหลวงมิได้ประทับอยู่ในต้าเซี่ย ถ้าหากฝ่าบาทมีพระประสงค์จะนำกลับไปจัดการด้วยพระองค์เอง ข้าก็คงมิมีเหตุผลใดมาปฏิเสธพระองค์”
“แต่ในเมื่อมิได้รับความเห็นชอบจากจักรพรรดิพระเจ้าหลวง ข้าก็มิสามารถมอบกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ให้แด่ฝ่าบาทได้… ดังนั้นจำต้องใช้แผนการลอบหนีไปอย่างแยบยล ส่งคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) และบรรดาชายหนุ่มที่ผ่านการฝึกฝนไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์”
“รอให้จักรพรรดิพระเจ้าหลวงเสด็จกลับมา ค่อยถวายคืนให้แก่พระองค์ เมื่อถึงตอนนั้นพระองค์จะจัดการกับกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) เยี่ยงไรก็สุดแล้วแต่พระองค์”
แผ่นดินใหญ่ลีอาห์มีสามแคว้นด้วยกัน แท้ที่จริงแคว้นเหล่านั้นล้วนเป็นประเทศราชของต้าเซี่ย
การที่ย้ายกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ ก็มิใช่ว่าจะออกไปจากเขตบริหารจัดการของต้าเซี่ยแต่อย่างใด ทว่าสถานที่แห่งนั้นตั้งอยู่ไกลแสนไกล ฝ่าบาทมิอาจยื่นพระหัตถ์เข้าไปจัดการภายในระยะเวลาอันสั้นได้ เมื่อฝ่าบาททรงทราบเรื่องราวทั้งหมด ถึงเวลานั้นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงก็คงจะเสด็จกลับมาแล้ว
เฉินชิงอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันเข้าใจถึงความกังวลและความคิดของผู้เป็นอาจารย์ เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย “เหตุใดท่านอาจารย์ถึงมิไปด้วยกันเล่า ? แผ่นดินใหญ่ลีอาห์มีทิวทัศน์ชวนแปลกตา และมีบรรยากาศการค้าที่แตกต่างจากต้าเซี่ย ศิษย์เห็นว่าหากท่านอาจารย์ไปจัดการกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) จะเป็นการดียิ่งกว่า”
หลี่จินโต้วส่ายศีรษะพลางยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ข้ามิสามารถเดินทางไปได้ ถ้าหากข้าไป…” เขายิ้มบางออกมา “ฝ่าบาทอาจจะตราหน้าข้าว่าเป็นคนผิดที่กำลังหลบหนีได้ เช่นนั้นชื่อเสียงที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิตก็อาจจะพังทลายลงมาได้ ! ”
เขาหันกลับไปมองนอกหน้าต่าง สายตาทอแสงเปล่งประกาย แล้วเอ่ยพึมพำว่า
“เจ้ามิรู้หรอก เมื่อปีนั้น…มิรู้ว่าผ่านมานานกี่ปีแล้วสินะ ? …เมื่อปีนั้นสมัยที่ข้ายังเป็นผู้จัดการธนาคารเป่าหลงที่เมืองจินหลิง เป็นธนาคารที่ฟู่เสี่ยวกวนไปหลอกมานั่นแหละ”
“แท้ที่จริงก็มิถือว่าหลอก ทุกวันนี้ข้ายังจำฉากนั้นได้ดี เขาเดินทางไปที่จวนของข้า ข้าจึงเรียกศิษย์พี่ทั้งสี่ของเจ้าไปที่นั่นทั้งหมด… ตอนนั้นหลี่ฉายเป็นรองเสนาบดีกรมคลังประจำราชวงศ์หยู”
“ส่วนฟู่เสี่ยวกวนเป็นเพียงชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดปี แต่เขาก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นชายหนุ่มผู้มีความสามารถมากที่สุดในใต้หล้า เขาเป็นว่าที่ลูกเขยของฮ่องเต้ ตอนนั้นเป็นข้าเจอเขาคราแรก ในใจข้ารู้สึกกระสับกระส่ายยิ่งนัก แต่คาดมิถึงว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าถึงง่าย และทำให้ข้ารู้สึกประทับใจมากคนหนึ่ง”
“เขาได้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการค้าขึ้นมาแห่งแรกบนผืนปฐพี ทั้งยั้งเชิญหลี่ฉายมาเข้าร่วมกรมการค้าอีกด้วย”
“ตอนนั้นเขากำลังผลักดันให้ใช้นโยบายการค้าคู่การเกษตร และได้บัญญัติกฎหมายการค้าขึ้นมามากมาย อีกทั้งยังเปิดให้มีการซื้อหุ้นของธนาคารซื่อทง ! ”
เมื่อเอ่ยถึงหุ้น หลี่จินโต้วยกมือขึ้นลูบเครายาวแล้วหัวเราะออกมา “หุ้นคือสิ่งที่ค่อนข้างแปลกใหม่ แต่สุดท้ายมันก็เงียบหายไป คราหนึ่งข้าเคยถามว่าเหตุใดเขาถึงมิให้มีการซื้อขายหุ้นอีกต่อไป เขาตอบว่า…มันคือสิ่งที่นำพาไปสู่ความล้มเหลว ทว่าตอนนั้นการออกหุ้นได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่นนักธุรกิจรายใหญ่ในต้าเซี่ยทุกวันนี้ พวกเขาต่างก็มีเงินทุนเหลือเฟือจากการขายหุ้น”
“ข้าคิดว่าของแบบนี้คือดาบสองคม แคว้นอี๋เคยทดลองออกหุ้นผลปรากฏว่าแคว้นทั้งแคว้นล้มครืนมิเป็นท่า คาดว่านี่จะเป็นความกังวลใจของเขา ของแบบนี้มันล้ำหน้าจนเกินไป ผลเสียมากกว่าผลดี และด้วยเหตุนี้เขาจึงมิให้มีการออกหุ้นอีกต่อไป”
“ช่วงเวลาที่ข้าได้ติดตามเขา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ข้าภาคภูมิใจมากที่สุด ! ”
“ข้าได้เห็นการผงาดขึ้นของการค้า ได้เห็นสงครามที่เกิดขึ้นจากการค้าด้วยสายตาของตนเอง… เป็นศึกที่มิมีแม้แต่เขม่าควันปืน ทว่ามันรุนแรงเสียยิ่งกว่าศึกใด ๆ ”
“ตอนนั้นเขาบอกว่าต้องการจะสร้างเวทีการค้าขึ้นมา สินค้าของราชวงศ์หยูก็ได้เผยโฉมขึ้นมาบนเวทีในที่สุด สินค้าคุณภาพดีก็อยู่รอด สินค้าคุณภาพแย่ก็จะถูกคัดออกไป… คุณภาพสินค้าของราชวงศ์หยูนั้นด้อยนัก ดังนั้นจึงทำให้นักธุรกิจส่วนใหญ่ตกรอบไป ส่วนคนที่มีกำลังความสามารถก็เข้ารอบ...แต่คาดมิถึงว่าสถานการณ์จะกลายมาเป็นเช่นนี้”
“แน่นอนว่าเช่นนี้ก็ดี ทุกวันนี้การค้าของต้าเซี่ยมั่งคั่งจนเป็นที่จับตามอง และต้าเซี่ยมีกำลังที่แข็งแกร่งมากเช่นกันบนเวทีการค้าโลก มิเช่นนั้นเขาคงมิลงทุนบุกเบิกเส้นทางสายไหมทางน้ำเป็นแน่”
สายตาหลี่จินโต้วส่องประกายออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขารอคอย และนี่ก็เป็นสิ่งที่นักธุรกิจชาวต้าเซี่ยรอคอยเช่นกัน
มันจะเป็นความรุ่งเรืองรูปแบบใด เขาก็มิอาจจินตนาการถึงได้ หลายปีที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ที่เส้นทางสายไหมทางบกเดินทางไปมาหาสู่กันได้ เมื่อต้าเซี่ยมีรถไฟที่สามารถขนส่งสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของเวทีการค้าโลกขึ้นมาได้
สภาวะเงินเฟ้อที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นกังวลยังมิเคยเกิดขึ้น ความสามารถด้านการผลิตอันแข็งแกร่งของต้าเซี่ยทำให้เกิดสินค้าปริมาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นที่โปรดปรานของชาวต่างชาติ ทั้งยังขายได้ราคาดี สร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่ต้าเซี่ย !
แต่นี่ยังมิใช่ประเด็นสำคัญที่สุด เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการไหลออกของเงินตราที่เกิดขึ้นจากการกระจายสินค้า !
ธนบัตรของต้าเซี่ยกลายเป็นธนบัตรที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างก็แย่งชิงและอยากจะได้มาครอบครอง !
ต้าเซี่ยกุมสิทธิ์ในการกำหนดราคา และกุมวงจรเงินตราไว้เช่นกัน !
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มร่าออกมา เขาเอ่ยว่า…นี่แหละคือการปล้นแหล่งเงินทุน
“ในบรรดาคนที่เก่งกาจทั้งหลาย เขาต่างหากเล่าที่เป็นคนเก่งเหนือผู้ใด ความคิดของเขาเปรียบดั่งม้าที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา1 ทว่าเขาก็สามารถทำความคิดนี้ให้มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ เขาจัดระเบียบการค้าผ่านกฎหมายต่าง ๆ อีกทั้งยังจัดมาตรฐานของการค้าทั้งโลก จึงทำให้บรรยากาศการค้าของต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรืองเฉกเช่นทุกวันนี้เยี่ยงไรเล่า”
“ช่างน่าเสียดายที่เขามิได้เป็นจักรพรรดิอีกต่อไป บัดนี้ได้เปลี่ยนจักรพรรดิแล้ว…”
“จากคำกล่าวที่ว่าพ่อเป็นเช่นไรลูกก็จะเป็นเช่นนั้น…ดูเหมือนว่าจะมิเสมอไป”
“เอาเถิด เยี่ยงไรเขาคงจะกลับมาสักวันหนึ่ง เมื่อเขากลับมา ทุกอย่างก็จะดีขึ้น จงจำเอาไว้ว่า…เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าและศิษย์พี่ทั้งสามของเจ้าจำต้องเดินทางไปที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์ ! ”
1ม้าพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาเป็นสำนวนที่ใช้เปรียบกับความแน่วแน่