นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1321 สุรามิหอมหวน
ตอนที่ 1321 สุรามิหอมหวน
บรรยากาศในห้องหนังสือยังคงอึมครึม
แม้ว่าจะมีเตาผิงคอยให้ความอบอุ่น ทว่าทุกคนยังรู้สึกหนาวเย็น เหน็บหนาวมาจากข้างในจิตใจ
“เหล่าหยุน เจ้าบอกข้ามาตามตรง เบี้ยหวัดของเจ้ามิได้เยอะมาก ทว่าเรือนของเจ้าช่างใหญ่โตเสียจริง เจ้าเอาเงินจากที่ใดมาสร้างเรือนที่ใหญ่โตเช่นนี้กัน ? ”
เยี่ยนซีเหวินเอ่ยถามติดตลก ทว่าใจจริงก็เจตนาจะเอ่ยถามเช่นนั้น เพราะเรื่องนี้สำคัญมากจริง ๆ
ถ้าหากว่าหยุนซีเหยียนทำความผิดใดขึ้นมาจริง ๆ ทุกคนอาจจะรวมหัวช่วยกันแก้ไขปัญหาได้ ถ้าหากฝ่าบาททรงทราบถึงปัญหานี้ขึ้นมา เกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เข้าสักวันหนึ่ง
หยุนซีเหยียนเบิกตาโพลง เขารู้ดีว่าเยี่ยนซีเหวินมิได้เกลี้ยกล่อมให้เขาเอ่ยความจริงออกมา แต่ถามเพื่อต้องการช่วยเหลือเขาจากใจจริง
“เจ้ายังมิทราบอีกหรือ ? หนังสือรวบรวมบทกวีของฟู่เสี่ยวกวนยังคงวางขายอยู่ ขายไปมากเท่าใด ข้าเองก็มิทราบ บัดนี้เขามิได้ประพันธ์บทกวีแล้ว ยิ่งทำให้หนังสือเป็นที่นิยมและราคาเพิ่มมากขึ้น ข้าพึ่งอานิสงฆ์จากหนังสือรวบรวมบทกวีของเขาร่ำรวยเยี่ยงไรเล่า ! ทั้งหมดทำเงินได้มากกว่าหนึ่งล้านตำลึงเชียว ! ”
เยี่ยนซีเหวินผงะตกใจ “หาเงินได้มากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
“ก็ใช่น่ะสิ ขายตั้งเเต่ยังอาศัยอยู่ที่เมืองจินหลิง จนย้ายไปเมืองกวนหยุน บัดนี้มาอยู่ที่เมืองฉางอันก็ยังขายอยู่ ยังคงขายดีดังเดิม น่าเสียดายที่ข้ามิได้รับอนุญาตให้ขายหนังสือความฝันในหอเเดง มิเช่นนั้นอาจจะกอบโกยรายได้มากว่าสิบล้านตำลึงก็เป็นได้ ! ”
“อีกอย่าง ข้ามิมีทางลืมการพบกันในเมืองจินหลิงเมื่อครานั้น ถ้ามิใช่เพราะเขา ข้าก็มิอาจเดินมาได้ไกลจนถึงวันนี้ ! ข้าขอเอ่ยจากใจจริงว่าหากข้าคิดอยากจะทุจริต ข้ามีสารพัดวิธีในการทุจริต ทั้งยังทำได้โดยที่มิมีผู้ใดสืบได้ ! ”
“แต่ข้ามิมีความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้น ! คราหนึ่งเขาเคยเอ่ยว่า ชีวิตของคนเรานั้นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย มิเอาเรื่องเล็กน้อยมาขุ่นมัวหัวใจ มิหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์ มิเกรงกลัวอนาคต มิจมปลักอยู่กับอดีต…ข้าแค่อยากมีชีวิตที่สบาย ๆ เยี่ยงเขาบ้าง เมื่อเกษียณแล้ว ข้าจะเดินทางไปยังอิงเทียนเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและอยู่เคียงข้างเขา ! ”
หยุนซีเหยียนยักไหล่อย่างบริสุทธิ์ใจ “ข้าทุ่มเทแทบตายแต่กลับได้ผลเสียคืนมา ! ถ้าหากฝ่าบาทอยากได้กรมคลังไปจริง ๆ ล่ะก็ แค่พระองค์ทรงตรัสมา…ข้าพร้อมจะประทานให้พระองค์ในทันใด”
“เฉินชิงอีเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์อีกคราแล้วมิใช่หรือ ? ข้าก็อยากไปเที่ยวที่นั่นบ้างเช่นกัน หากมิใช่เพราะฟู่เสี่ยวกวนฝากฝังให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าคงมิอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน”
หนิงหยู่ชุนตบบ่าของหยุนซีเหยียนพลางยกยิ้มขึ้น “ระบายอารมณ์ได้ แต่เจ้ามิอาจละทิ้งหน้าที่นี้ได้จริง ๆ มิมีผู้ใดสามารถรับช่วงต่อจากเจ้าได้แล้วล่ะ”
“จะว่าไปแล้ว แท้ที่จริงข้าก็คิดมิต่างจากเจ้า ถ้ามิใช่เพราะคำเอ่ยของเขาก่อนที่จะออกเดินทางไป…ข้าก็คงจะมิอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน ! ”
“เฮ้อ…” หนิงหยู่ชุนถอนหายใจยาวออกมา พลางเลิกคิ้วขึ้น “ในเมื่อขึ้นเรือลำนี้มาแล้ว มิอาจลงเรือมาได้ตามอำเภอใจ เพราะเยี่ยงไรเสียพวกเราต้องดูแลผืนปฐพีอันเรืองรองแห่งนี้ให้แก่เขา”
“เรื่องอื่นอย่าได้คิดมากจนเกินไป มีท่านจี้คอยจัดการแล้ว… ถ้าหากถึงขั้นนั้นขึ้นมาจริง ๆ ค่อยว่ากันอีกครา”
ขั้นนั้นก็คือการดำเนินถอดถอนฝ่าบาท !
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมิคาดหวังให้เกิดขึ้น ถ้าหากฝ่าบาททรงขัดขืนเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงต้องทำเช่นนั้นเข้าสักวัน
“ถ้ายังคงยืนยันคำเดิม ถ้าหากว่าถึงขั้นนั้นจริง ๆ พวกเราก็จัดการเรื่องนี้ให้สมพระเกียรติสักหน่อยเถิด”
จี้หยุนกุยหันหน้าไปมองหิมะที่ตกลงมาท่ามกลางความเย็นยะเยือกจากอุดรทิศ แต่ก่อนเขาคอยติดตามสวี่หยุนชิง มาตอนนี้เขาต้องติดตามฟู่เสี่ยวกวน มาถึงตอนนี้ก็ควรจะติดตามอู๋เทียนซื่อโอรสของฟู่เสี่ยวกวน ทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่าจะตามมิได้แล้วสิ เพราะคนของหอเทียนจีได้เดินทางถึงเขตปกครองตนเองซีเซี่ยแล้ว ทั้งยังได้ส่งรายงานฉบับแรกกลับมาแล้วด้วย
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ยังมิได้รับการยืนยันอย่างขัดเจน เขาจึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ยิน
เพราะนี่คือเรื่องใหญ่ !
เขาหวังว่าทิศทางของเรื่องนี้จะมิเป็นเหมือนที่ทุกคนคิด
ฟู่เสี่ยวกวนเป็นจักรพรรดิผู้มากความสามารถ โอรสของเขาได้สืบทอดผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ไพศาล เดิมทีควรจะทำอันใดบ้าง อย่างน้อยก็ควรดูแลบ้านเมืองไว้ให้ดี
ทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่า…จักรพรรดิพระองค์นี้จะทรงพระราชดำริมากเกินไป ถ้าหากมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของปฐพีนี้แล้วล่ะก็…เช่นนั้นจำต้องหาเวลาไปเจรจากับฝ่าบาทสักคราแล้ว
หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหยุนซีเหยียนจบลงเพียงเท่านี้ มิมีผู้ใดเอ่ยถึงอีกต่อไป ที่เหลือก็แค่รอข่าวคราวจากหอเทียนจีเท่านั้น
ในห้องหนังสือมีโต๊ะอาหารหนึ่งโต๊ะ ซึ่งบัดนี้มีอาหารวางเรียงราย เยี่ยนซีเหวินเชิญทุกคนมาทานอาหาร
“คงหิวกันแล้วสิท่า มา ๆ ๆ พวกเรามากินพลางสนทนาไปพลางเถิด ! ”
ทุกคนเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ จากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปเอ่ยถึงหลี่ฉาย
“ได้ยินมาว่าหลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จกลับมาจากเมืองกวนหยุนพระองค์ทรงเรียกท่านหลี่ไปเข้าเฝ้าใช่หรือไม่ ? ” หนิงหยู่ชุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เฮ้อ…” หลี่ฉายยกจอกสุราขึ้นมาพลางถอนหายใจยาว “ท่านพ่อเอ่ยว่าฝ่าบาททรงพิโรธมากยิ่งนัก”
“เพราะเหตุใดกัน ? ”
“ยังจะเพราะเหตุใดอีกเล่า ? ก็เพราะเงินเหล่านั้นน่ะสิ ! ฝ่าบาทต้องการนำกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) กลับไปอยู่ในความดูแลของพระองค์”
ทุกคนต่างหันมาจ้องหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ
แม้ว่าหลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) จะเป็นธุรกิจของราชวงศ์ ทว่ามันเป็นของบรรดาสนมทั้งหลายของฟู่เสี่ยวกวน !
แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นของฟู่เสี่ยวกวนนั่นแหละ !
ฟู่เสี่ยวกวนจากเมืองฉางอันก็เพื่อบุตรชายของเขา เขาสั่งให้ฝากกำไรจำนวนหนึ่งในสิบส่วนเข้าไปในคลังส่วนพระองค์เป็นประจำทุกปี ซึ่งนั่นเป็นจำนวนมหาศาลถึง 100 ล้านตำลึงเลยทีเดียว !
บิดาล่องเรือออกมหาสมุทรเพื่อพิชิตใต้หล้า ทว่าบุตรชายกลับคิดหาวิธีที่จะคว้ากิจการของบิดาไปครอบครอง
“นี่เกิดอันใดขึ้นกัน ? ”
มิมีผู้ใดทราบว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
หากฟู่เสี่ยวกวนตกตายไป แล้วบุตรชายมาสืบต่อกิจการก็คงมิมีเรื่องอันใดให้ต่อว่าต่อขาน แต่นี่ฟู่เสี่ยวกวนยังมิตาย !
เขาก็เร่งรีบอยากจะหุบเอาสมบัติถึงเพียงนี้แล้วหรือ ?
“ฝ่าบาทขาดแคลนเงินเยี่ยงนั้นหรือ ? นี่บ่งชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ใจร้อน…เกรงว่าคงมิอยากรีรอแม้แต่ชั่วอึดใจเดียว” เยี่ยนซีเหวินกล่าวสรุปแล้วเอ่ยถามต่อว่า “เช่นนั้นท่านหลี่คงลำบากใจมากสินะ ? ”
“ไม่เลย ท่านพ่อของข้ามิได้ลำบากใจเลยสักนิด ท่านพ่อถวายกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ให้อยู่ในความดูแลของพระองค์ เพียงแต่ได้บอกพระองค์เอาไว้ว่าทุกวันนี้กลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) นั้นเป็นดั่งหอยที่ว่างเปล่า นอกจากตัวอาคารแล้วก็มิเหลืออันใดเลย แม้แต่คนที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนก็มิมีเช่นกัน”
“ท่านหลี่จัดการได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ! ” หยุนซีเหยียนทรายในทันทีว่าหลี่จินโต้วได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งยังได้เตรียมการรับมือเอาไว้อีกด้วย “ยิ่งแก่ ยิ่งมากประสบการณ์ ! เพียงแต่เมื่อทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าท่านหลี่ทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธใช่หรือไม่ ? ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทรงพิโรธเป็นฟืนเป็นไฟ ท่านพ่อกล่าวว่า…พระพักตร์ของพระองค์นั้นซีดเผือด ชั่วอึดใจนั้นฝ่าบาทโกรธจนถึงขั้นจะสังหารเขา ทว่าท้ายที่สุดก็มิได้ทำอันใด จากนั้นก็ปล่อยท่านพ่อออกมาในท้ายที่สุด”
“มา ๆ ๆ มาดื่มสุรากันเถิด มิว่าเยี่ยงไรก็ถือว่าปีนี้ผ่านไปอย่างสงบสุข ส่วนปีหน้าจะเป็นเยี่ยงไรนั้น…เพียงหวังว่ามันจะมิแย่จนเกินไปก็แล้วกัน ! ”
เยี่ยนซีเหวินยกจอกสุราขึ้นมา จากนั้นทุกคนจึงร่วมชนจอกสุราด้วยกัน
นี่คือสุราซีซาน แต่มิทราบว่าเพราะเหตุใดมาวันนี้มันถึงมิหอมหวนดั่งเคย แน่นอนว่าปัญหามิได้อยู่ที่สุรา แต่อยู่ที่อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขามากกว่า
ฝ่าบาทมิได้เงินมาจากกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ท่านหลี่ได้แบ่งแยกกลุ่มบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ออกมา ซึ่งนั่นหมายความว่ารายได้ร้อยล้านตำลึงที่พระองค์จะได้รับเป็นประจำทุกปีก็มิมีอีกต่อไปแล้ว
แบบนี้ฝ่าบาทจะยิ่งขาดเเคลนเงินทอง พระองค์ย่อมจะลงมือจัดการกับกรมคลังเร็วขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนซีเหวินจ้องมองหยุนซีเหยียน ในใจยิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
พวกเขาล้วนเป็นคนเก่งกล้าสามารถของต้าเซี่ย ย่อมมองออกว่าจะเกิดอันใดขึ้น หยุนซีเหยียนหมุนจอกสุราในมือไปมาพลางยิ้มร่า “หรือว่าเมื่อเริ่มปีใหม่…ข้าจะออกไปเที่ยวเล่นที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์ดีนะ ? ”